เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ทาง Microsoft ได้ประกาศว่าจะยุติการสนับสนุน โปรแกรม Internet Explorer หรือ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ในวันพุธที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) เรียกได้ว่าเป็นการปิดฉาก เว็บเบราว์เซอร์ ตัวนี้อย่างเป็นทางการหลังจากที่คงอยู่มาได้อย่างยาวนานนนนนน ... เป็นสิบๆ ปี
โดยเวอร์ชันแรกของมันเปิดตัวในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) โดยมันถูกติดตั้งมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 95 และพัฒนามาเรื่อย ๆ จนเวอร์ชันสุดท้าย คือ Internet Explorer 11 ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 7 แต่ด้วยเหตุผลเรื่องการสนับสนุน มันก็เลยถูกใส่เข้ามาใน ระบบปฏิบัติการ Windows 8, 8.1 และ Windows 10 ด้วย
แต่ถึงแม้ว่า เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer จะอยู่มานานแสนนาน แต่จำนวนผู้ใช้กลับสวนทาง จากการสำรวจในปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) มีผู้ใช้ทั่วโลกอยู่เพียงแค่ 1.41% เท่านั้น !
ภาพจาก : https://gs.statcounter.com/
การที่มันมีจำนวนผู้ใช้น้อยชนิดที่เรียกว่า "ต่ําเตี้ยเรี่ยดิน" ขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ถ้าจะพูดแบบสั้น ๆ ก็คงต้องตอบว่า "เพราะมันแย่" เหตุผลมีเท่านั้นเอง มีประโยคเสียดสีเกี่ยวกับเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer (Internet Explorer) เกิดขึ้นมากมาย เช่น ข้อดีที่สุดของ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer คือ
"เอาไว้ ดาวน์โหลด Google Chrome"
"ถ้า IE เป็นคน ฉันอยากจะชกหน้ามันชะมัด"
และอื่นๆ อีกมากมาย
ภาพจาก : : https://www.webdevelopersnotes.com/we-hate-internet-explorer
และไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว การที่ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer จะไม่มีอนาคตร่วมกับเราอย่างเป็นทางการแล้ว เราลองมาอ่านเหตุผลกันดูสิว่า ทำให้คนส่วนใหญ่เกลียด และไม่ใช้งานมันสักหน่อยดีกว่า ถือซะว่านี่เป็นบทความบรรณาการ (Tribute) เพื่อไว้อาลัยให้ชื่อเสียของมันละกัน
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะมาซ้ำเติมเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer (หรือ IE) นะ แต่เป็นการบอกเหตุผลว่ามันพลาดที่ตรงไหน ? ทำไมคนถึงเลิกใช้ ? จนกระทั่งกลายเป็นโดนหลายคนเกลียดในที่สุด
สำหรับคนในยุคนี้ที่ไม่ทันยุคบุกเบิกของเว็บเบราว์เซอร์ อาจจะคิดว่า เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer มันช้า แถมยังมีปัญหา (Bug) ต่างๆ เพียบ แต่ในความเป็นจริง ในอดีต เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer นี่เป็นผู้นำที่ริเริ่มสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ วางรากฐานที่มีส่วนให้เว็บไซต์พัฒนามาได้อย่างทุกวันนี้
มาย้อนช่วงเวลาที่น่าจดจำในอดีตของ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ที่หลายคนอาจจะหลงลืมไปแล้ว กันก่อนดีกว่า ...
เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 3 สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows เปิดตัวเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) และใน วันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ก็ได้เปิดตัวเวอร์ชันสำหรับระบบปฏิบัติการ macOS ตามมา
การมาของมันเป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม เว็บเบราว์เซอร์ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยมีคู่แข่งคือ เว็บเบราว์เซอร์ Netscape Navigator (เกร็ดน่าสนใจ : Mozilla Firefox เรียกได้ว่าเป็นทายาทของ Netscape Navigator)
ใน Internet Explorer 3 ทาง Microsoft ได้ใส่คุณสมบัติใหม่ ๆ เข้ามามากมายหลายอย่าง โดยมันเป็นเว็บเบราว์เซอร์รายแรกในตลาดที่รองรับ เทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น
นอกจากนี้ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer มันยังมีเครื่องมืออำนวยความสะดวก ให้กับเราเพื่อให้การเล่นอินเทอร์เน็ต เป็นไปได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น อย่าง Internet Mail, News, NetMeeting และ Windows Address Book ให้ใช้งานกันอีกด้วย
และที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ มันเป็นเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer เวอร์ชันแรกด้วยที่ใช้ "ตัว e สีน้ำเงิน" เป็นโลโก้ ซึ่งมันได้กลายเป็นภาพจำของ Internet Explorer ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ภาพจาก : : https://www.my-internet-explorer.com/ie3/
เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 4 เปิดตัวมาด้วยแนวคิด "Blazing Fast" ที่แปลว่าเร็วมาก (ณ เวลานั้น) โดยมันมีเครื่องมือการเรนเดอร์ (Rendering Engine) ที่ถูกฝัง และเป็นส่วนประกอบหนึ่งอยู่ในเว็บเบราว์เซอร์เลย ซึ่งจุดนี้นับเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์เลยล่ะ
นอกจากนี้ในเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 4 ยังได้มีการเปิดตัว Dynamic HTML ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้หน้าเว็บไซต์สามารถเปลี่ยนแปลงการแสดงผลด้วยการใช้ JavaScript ได้ และยังเพิ่มระบบ Active Desktop เข้าไปในเว็บเบราว์เซอร์อีกด้วย
และถ้าหากใครยังจำได้ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 4 นั้นมีให้ใช้งานหลายแพลตฟอร์มมาก ๆ นอกจากบนระบบปฏิบัติการ Windows แล้ว มันยังมีใน macOS, Solaris และ HP-UX อีกด้วยนะ
ในตอนที่ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 5 เปิดตัว เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 4 นั้นครองส่วนแบ่งผู้ใช้ในตลาดได้มากถึง 60% เลยล่ะ
ภาพจาก : : https://medium.com/@snoffeecob/bringing-internet-explorer-4-0-to-life-on-windows-95-in-2019-84d030b75643
รู้หรือไม่ว่า เทคโนโลยี AJAX (Asynchronous Javascript And XML) เนี่ย Microsoft เป็นผู้คิดค้นขึ้นมานะครับ โดยในเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 5.x ทาง Microsoft ได้เพิ่มคุณสมบัติ XMLHttpRequest เข้าไปใน JavaScript การทำงานรูปแบบนี้ได้กลายเป็นลักษณะการทำงานหลักของเว็บแอปพลิเคชันทุกตัวมาจนถึงปัจจุบัน แม้ Microsoft จะไม่ได้เป็นคนบัญญัติคำว่า AJAX ขึ้นมา แต่หลักการทำงานของมันก็มีจุดเริ่มต้นมาจากสิ่งที่ Microsoft สร้างขึ้นมานี่แหละ
ภาพจาก : : https://www.webdesignmuseum.org/old-software/web-browsers/internet-explorer-5-0
จะเห็นได้ว่าในยุคของ Internet Explorer 3 จนถึง Internet Explorer 5.x เนี่ย ทาง Microsoft ได้มีการทุ่มเททรัพยากรในการพัฒนาเพื่อแข่งขันกับเว็บเบราว์เซอร์คู่แข่งอย่างชัดเจน ในขณะที่ Netscape Navigator 3 ก็เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดมากมาย พอเขยิบมาที่ Netscape Navigator 4 ก็ช้า ไม่มีระบบเรนเดอร์ ไม่ต้องพูดถึง CSS เลย เปิดเว็บไซต์แล้วล่ม (Crash) บ่อยมาก ๆ ทำให้ท้ายที่สุด Internet Explorer ก็ครองตลาดไปได้อย่างสวยงาม
ถึงแม้ว่า เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 6 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) จะเต็มไปด้วยช่องโหว่ด้านความปลอดภัยมากมาย และไม่รองรับมาตรฐานของเว็บไซต์สมัยใหม่ จนถูกประณามว่าเป็น "ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่แย่ที่สุดตลอดกาล" สื่อใหญ่อย่าง PC World ก็ระบุว่าเป็น "ซอฟต์แวร์ที่มีความปลอดภัยต่ำที่สุดในดาวเคราะห์ดวงนี้" แต่มันก็ยังมีส่วนแบ่งผู้ใช้ในตลาดสูงสุดถึง 90% ในช่วงกลางปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)
กล่าวได้ว่าปัญหาที่ Netscape เคยโดน Internet Explorer 6 ก็โดนแบบเต็ม ๆ
การเสื่อมความนิยมของเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer สามารถกล่าวได้ว่ามันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ที่ Microsoft ตัดสินใจนำมันมารวมเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ Windows แถมออกแบบระบบมาให้ถอนการติดตั้งได้ยาก และไม่เป็นมิตรต่อการใช้เว็บเบราว์เซอร์ตัวอื่น กล่าวได้ว่ามันเป็นการใช้ช่องโหว่ของธุรกิจในฐานะที่ตนเองเป็นผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows เพื่อผูกขาด และการขับไล่คู่แข่งขันออกจากตลาด แถมยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทด้วย เมื่อคนจำนวนมากเริ่มมองว่าบริษัท Microsoft เป็นเหมือนกับอาณาจักรแห่งความชั่วร้าย
เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 6 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) มีคุณสมบัติมากมายเพิ่มเข้ามาให้นักพัฒนาเว็บไซต์ได้ใช้งานก็จริง แต่หลังจากนั้นอาจจะเพราะ Microsoft รู้สึกว่าเอาชนะสงครามเว็บเบราว์เซอร์ได้สำเร็จแล้ว ด้วยจำนวนผู้ใช้ในตลาดที่มากกว่า 90% ทำให้ Microsoft ละทิ้งความพยายามในการแข่งขัน แม้ขณะนั้นทาง Firefox ก็เริ่มเปิดตัว เข้ามาผสมโรงในตลาดด้วยแล้วก็ตาม
ปัญหาหลักของนวัตกรรมจาก Microsoft คือ มันมีความแตกต่างไปจากมาตรฐานเว็บไซต์ทั่วไป เดิมทีมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer เป็นเจ้าใหญ่ในตลาดอยู่แล้ว แต่เมื่อทาง Firefox และ Webkit ได้เข้าร่วมในตลาด ซึ่งทั้งคู่ได้พัฒนาตามแนวทางมาตรฐานเว็บไซต์ที่ถูกกำหนดไว้ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่นักพัฒนาเว็บไซต์ต้องปวดหัว
ในเมื่อ Microsoft ได้ตัดสินใจแล้วว่าไม่จำเป็นต้องพยายามอีกต่อไป เป็นผลให้เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ไม่สามารถแข่งขันกับ Firefox และเว็บเบราว์เซอร์เจ้าอื่นได้ (นึกถึงผลลัพธ์ของนิทานอีสปเรื่องกระต่ายกับเต่า)
และที่น่ากลัว คือ เรื่องที่ Microsoft ไม่พยายามปรับปรุงเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer เนี่ย มันรวมไปถึงการแก้ไขช่องโหว่ และบั๊กในการทำงานของตัวมันเองด้วย ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น โค้ดด้านล่างนี้ ก็เป็นบั๊กตัวหนึ่งที่สามารถทำให้ เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 6 ล่มอย่างง่ายดาย ผลลัพธ์ คือ ภาพด้านล่างนี้
< script >for(x in document.write){document.write(x);}< /script > |
ภาพจาก : https://www.howtogeek.com/howto/32372/htg-explains-why-do-so-many-geeks-hate-internet-explorer/
เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 6 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) แต่กว่าที่ทาง Microsoft จะเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 7 ก็ต้องรอถึงปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) เป็นเวลาห่างกันนานถึง 5 ปี เลยทีเดียว
โดยเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 7 มาพร้อมกับคุณสมบัติแท็บ และปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับนักพัฒนาเว็บไซต์แล้ว ฝันร้ายที่เคยมีอยู่ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เพราะความยุ่งยากในการพัฒนาเว็บไซต์ให้แสดงผลได้ถูกต้องบนทุกเว็บเบราว์เซอร์ก็ยังต้องทำ 2 แบบอยู่เหมือนเดิม แทนที่จะทำได้แบบเดียว (ปัญหาเรื่อง "Microsoft มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากเกินไป")
ส่วนเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 8 กว่าที่ Microsoft จะเข็นมันออกมาได้ก็ใช้เวลาไปอีก 2 ปีครึ่ง โดยมันเปิดตัวในปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) เวอร์ชันนี้มีการเพิ่มความสามารถเข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพของ CSS สำหรับนักพัฒนาเว็บไซต์, เพิ่มคุณสมบัติใหม่อย่าง Private browsing,แยกแท็บได้อิสระ และระบบป้องกัน การฟิชชิง (Phishing) ทุกอย่างเหมือนจะดูดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ผู้ใช้บางส่วน ณ เวลานั้น ได้หันไปใช้ เว็บเบราว์เซอร์ Firfefox หรือ เว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome กันแล้ว
ตามปกติแล้ว ของเก่าที่เป็นเรโทรเทคโนโลยีก็ยังมักจะมีกลุ่มคนที่หลงรักมันอยู่ เหมือนที่หลายคนยังชอบเล่นแฟมิคอม, บางคนสะสมคอมพิวเตอร์ Commodore 64, บางคนคิดถึง MSN, อยากกลับไปใช้ BlackBerry, บางคนยังฟังชอบเพลงผ่านแผ่นเสียงไวนิล ฯลฯ แต่พอพูดถึงเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer กลับเป็นเทคโนโลยีที่ไม่เคยได้ยินว่ามีใครหลงใหล คิดถึงมันบ้างเลย ทำไมเรื่องราวมันถึงต่างกันขนาดนั้นล่ะ ?
ตัวอย่างที่เห็นภาพได้อย่างชัดเจน สำหรับนักพัฒนาเว็บไซต์ คุณใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสร้างหน้าเว็บไซต์ให้มันออกมาดูดี สวยงาม คุณทดสอบการทำงานของมันในเว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome, Mozilla Firefox, Safari หรือแม้กระทั่ง Opera ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบตามต้องการ
จากนั้น คุณนำมันไปทดสอบเปิดบนเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ทุกอย่างออกมาเหมือนทุกอย่างที่คุณทำไว้โดนเอาไปปั่นในเครื่องผสมอาหาร แล้วคุณต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงในการแก้โค้ด เพื่อให้มันแสดงผลได้อย่างถูกต้องบน เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 6 และ 7 ซึ่งเป็นงานที่สุดน่าเบื่อ แน่นอนว่าไม่มีนักพัฒนาคนไหนชอบงานนี้
โชคดีที่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) จำนวนผู้ใช้เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 6 และ 7 มีจำนวนลดลงมาก ทำให้เว็บไซต์หลายแห่งตัดสินใจเลิกสนับสนุนมันไปเลย แม้แต่เว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 8 ก็ยังมีจำนวนผู้ใช้ลดลงเหลือเปอร์เซ็นต์เป็นหลักหน่วยด้วยซ้ำไป
ไม่ว่าเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer จะแย่ขนาดไหนก็ตาม แต่ด้วยความที่ในยุคนั้น มันเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่มีจำนวนผู้ใช้มากที่สุด มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ที่การทำเว็บไซต์, ทำซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการวางระบบจะต้องทำให้รองรับการทำงานร่วมกับเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ด้วย ทั้ง ๆ ที่มีเว็บเบราว์เซอร์ตัวเลือกอื่นที่ดีกว่าให้เลือกใช้แล้วก็ตาม
โชคดีที่ Mcirosoft ก็เรียนรู้ และยอมรับความล้มเหลวของเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer เราถึงได้เห็นเว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge ที่มาแทนที่ในระบบปฏิบัติการ Windows 10 และถึงแม้สุดท้ายเว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่สุดท้าย Microsoft ก็ตัดสินใจเปลี่ยนชุดเครื่องมือ (Engine) ในการพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge มาใช้ Chromium แทน ทำให้ทำทุกอย่างได้เหมือนเว็บเบราว์เซอร์ Chrome แถมมีหลายอย่างที่ดีกว่าด้วย ใครยังไม่ได้ใช้ก็อยากให้ลองใช้ดูนะ
อ่านรีวิวเว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge Chromium ได้ที่นี่
ส่วนเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ก็เตรียมโบกมือลาอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) เหลือไว้เพียงความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเราเคยใช้งานมัน
ลาก่อน IE ...
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |