ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
THAIWARE.COM | ทิปส์ไอที
 

วิธีแก้ไขปัญหา ใช้คำสั่งค้นหาในเมนู Start ไม่ได้ บนระบบปฏิบัติการ Windows 10

วิธีแก้ไขปัญหา ใช้คำสั่งค้นหาในเมนู Start ไม่ได้ บนระบบปฏิบัติการ Windows 10
ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-vector/characters-fixing-computer-chatbot-isometric-icon-3d_16717151.htm , https://commons.wikimedia.org/wiki/File%3AWindows_10_Logo.svg
เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 16,208
เขียนโดย :
0 %E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2+%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9+Start+%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89+%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3+Windows+10
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

วิธีแก้ไขปัญหา ใช้คำสั่งค้นหาในเมนู Start ไม่ได้
บนระบบปฏิบัติการ Windows 10

ระบบค้นหาที่มีอยู่บนระบบปฏิบัติการ Windows 10 เป็นคุณสมบัติที่เรียกใช้งานได้อย่างง่ายดาย คุณแค่คลิกไปที่ "ปุ่ม Start" แล้วเริ่มต้น "พิมพ์" สิ่งที่ต้องการค้นหาได้ทันที แม้เดิมทีคุณสมบัตินี้มันจะทำมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เนื่องจากการแสดงผลลัพธ์ที่มี Cortana เข้ามาด้วย ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มันชวนงงเป็นที่สุด แต่หลังจากที่ได้รับการอัปเดตแพทช์ของเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) การทำงานของมันก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถแสดงรายละเอียดของการค้นหาได้อย่างแม่นยำตรงความต้องการมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ

บทความเกี่ยวกับ Microsoft อื่นๆ

อย่างไรก็ตาม บางครั้งเจ้าระบบค้นหาในเมนู Start มันก็อาจมีปัญหา ไม่สามารถทำงานได้ ไม่ยอมแสดงผลลัพธ์ หรือพิมพ์เพื่อค้นหาไม่ได้ บทความนี้ก็จะมาแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้นำไปใช้กัน ซึ่งก็มีอยู่หลายวิธีการ ลองไล่ทำไปทีละขั้นตอน น่าจะมีสักวิธีที่สามารถช่วยแก้ไขปัยหาให้คุณผู้อ่านได้อย่างแน่นอน

เนื้อหาภายในบทความ

  1. รีสตาร์ตโปรเซสการทำงานของเมนู Start
  2. ติดตั้งเมนู Start ใหม่อีกครั้ง
  3. ย้อนคืนค่ากลับไปก่อนติดตั้งตัวอัปเดต Windows
  4. เปิดใช้งานคุณสมบัติ Background Apps
  5. สร้างฐานดัชนีข้อมูลใหม่
  6. เรียกใช้งานเครื่องมือ Windows Troubleshooter
  7. ใช้เครื่องมือ System File Checker
  8. ปิดหรือรีสตาร์ท โปรแกรมแอนตี้ไวรัสบุคคลที่สาม และ เปิด Windows Firewall
  9. ตรวจสอบสถานะ การทำงานของ Windows Search Service

1. รีสตาร์ตโปรเซสการทำงานของเมนู Start

วิธีการที่ง่ายที่สุดในการแก้ปัญหาระบบค้นหาในเมนู Start ไม่ทำงาน ก็คือการรีสตาร์ตคอมพิวเตอร์ แต่ถ้ามันไม่ได้ผลก็อาจจะลองสั่งรีสตาร์ตเฉพาะระบบค้นหาดูก่อน ว่าจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้หรือไม่

วิธีรีสตาร์ตโปรเซสการทำงานของเมนู Start

  1. กด "ปุ่มชุด Ctrl + Shift + Esc" เพื่อเปิดหน้าต่าง Task Manager ถ้าการแสดงผลเป็นแบบย่อ ให้คลิกที่ "ปุ่ม More Details" ที่อยู่ตรงมุมซ้ายล่าง เพื่อดูการแสดงผลแบบเต็ม
  2. ใน "แท็บ Processes" ให้เลื่อนหา "เมนู Windows Explorer" แล้วคลิกขวา เลือก "เมนู Restart" จากนั้นคอมพิวเตอร์ของคุณจะเหมือนแครชไปชั่วขณะ ไม่ต้องตกใจ ให้รอสักครู่ แล้วทุกอย่างจะแสดงผลกลับมาเหมือนเดิมเอง

วิธีแก้ไขปัญหา ใช้คำสั่งค้นหาในเมนู Start ไม่ได้ บนระบบปฏิบัติการ Windows 10

  1. ถ้าปัญหายังไม่หายไป อย่าเพิ่งถอดใจ คราวนี้ให้ไปที่ "แท็บ Details" เลื่อนหา "เมนู SearchApp.exe" และ "เมนู SearchUI.exe" จากนั้นก็คลิกขวาแล้วเลือก "เมนู End task"

หน้าจอ ตัวจัดการงาน (Task Manager) บนระบบปฏิบัติการ Windows 10

2. ติดตั้งเมนู Start ใหม่อีกครั้ง

ในเมื่อเมนู Start มีปัญหา การติดตั้งมันใหม่ย่อมสามารถช่วยแก้ปัญหาให้ได้ อย่างไรก็ตาม ติดตั้งเมนู Start ใหม่อีกครั้ง จะทำให้พวก แอป Windows ที่คุณเคยลบ ไปแล้ว กลับมาใหม่อีกครั้งด้วยเช่นกัน จึงไม่ต้องแปลกใจหากพบว่ามีแอปพลิเคชันแปลก ๆ โผล่ขึ้นมาด้วย สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่ลบมันใหม่อีกครั้งเท่านั้นเอง

วิธีติดตั้งเมนู Start ใหม่อีกครั้ง

  1. คลิกขวาที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "เมนู Windows PowerShell (Admin)"
  2. พิมพ์คำสั่งด้านล่างนี้ลงไป แล้วกด "ปุ่ม Enter"
    Get-AppXPackage -AllUsers | Foreach {Add-AppxPackage -DisableDevelopmentMode -Register "$($_.InstallLocation)\AppXManifest.xml"}
  3. รอมันทำงานจนเสร็จ ปัญหาน่าจะได้รับการแก้ไขแล้ว

Windows PowerShell ของระบบปฏิบัติการ Windows

3. ย้อนคืนค่ากลับไปก่อนติดตั้งตัวอัปเดต Windows

บ่อยครั้งที่ระบบค้นหาใน "เมนู Start" นั้นเกิดปัญหาขึ้นหลังจากที่คุณได้ติดตั้งแพทช์อัปเดต ของระบบปฏิบัติการ Windows ไป ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น เราก็ขอแนะนำว่าคุณควรถอนการติดตั้งแพทช์อัปเดตล่าสุดออกไปก่อน

วิธีย้อนคืนค่ากลับไปก่อนติดตั้ง Windows 10 Update

  1. กด "ปุ่ม Windows + i" เพื่อเปิดหน้าต่าง Settings ขึ้นมา
  2. คลิกไปที่ "เมนู Update & Security"
  3. ในพาเนลด้านซ้าย คลิกที่ "เมนู Windows Update"
  4. ในพาเนลด้านขวา คลิกที่ "เมนู View Update History"
  5. คลิกที่ "เมนู Uninstall Updates"

หน้าจอแสดงประวัติการอัปเดตวินโดวส์ (Windows Update History Screen)

  1. หน้าต่างแสดงรายการอัปเดตจะถูกแสดงขึ้นมา ให้เราสังเกตวันที่ คลิกขวาที่แพทช์ที่ถูกติดตั้งในวันเวลาล่าสุด แล้วเลือก "เมนู Uninstall"

หน้าจอถอนการติดตั้ง หรือลบ Windows Update บนระบบปฏิบัติการ Windows

4. เปิดใช้งานคุณสมบัติ Background Apps

นับตั้งแต่ที่แพทช์ Creator Update ถูกปล่อยออกมาในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) ก็มีผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows 10 บางส่วนที่พบบั๊กที่เกี่ยวกับการทำงานของแอป Windows ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง (Background Apps) โดยบั๊กนี้จะทำให้เมื่อคุณปิดการทำงานของคุณสมบัติ "Let apps run in the background" จะทำให้ระบบค้นหาใน "เมนู Start" ไม่สามารถทำงานได้ไปด้วย

ซึ่งบั๊กดังกล่าวก็ยังมีอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งปัญหาที่คุณพบอาจจะเป็นเพราะคุณเป็นหนึ่งในผู้ใช้งานที่ประสบกับบั๊กดังกล่าวอยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำ คือ ไปเปิดใช้งานคุณสมบัติ "Let apps run in the background"

วิธีเปิดใช้งานคุณสมบัติ Background Apps

  1. กด "ปุ่ม Windows + i" เพื่อเปิดหน้าต่าง Settings ขึ้นมา
  2. คลิกไปที่ "เมนู Privacy"
  3. ในพาเนลด้านซ้าย คลิกที่ "เมนู Background App"
  4. ในพาเนลด้านขวา ใต้ "เมนู Let apps run in the background" คลิกให้เป็น "On"

หน้าจอเปิด Background Apps บน Windows 10

5. สร้างฐานดัชนีข้อมูลใหม่

การที่ระบบค้นหาใช้งานไม่ได้ มีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากการที่ระบบดัชนีข้อมูล (Search Index) ของตัว Windows มีความเสียหายเกิดขึ้น ส่งผลให้ไม่สามารถค้นหาข้อมูลได้ ซึ่งก็มีผู้ใช้หลายคนที่รายงานเรื่องนี้บนเว็บบอร์ดต่าง ๆ ตั้งแต่แพทช์อัปเดตเวอร์ชัน 1903 เป็นต้นมา

ทางแก้ก็คือ คุณจะต้องสร้างฐานดัชนีข้อมูลขึ้นมาใหม่

วิธีสร้างฐานดัชนีข้อมูลใหม่

  1. กด "ปุ่ม Windows + R" เพื่อเปิดโปรแกรม Run ขึ้นมา
  2. พิมพ์ลงไปว่า "control" แล้วกด "ปุ่ม Enter"
  3. ตรงด้านขวาบน ให้เลือกเป็น "View by: large icons"
  4. คลิกที่ "ไอคอน Indexing Options"
  5. คลิกที่ "ปุ่ม Advanced" 
  6. คลิกที่ "ปุ่ม Rebuild" แล้วตามด้วย "ปุ่ม OK" จากนั้นก็รอให้มันดำเนินการจนเสร็จสิ้น

6. เรียกใช้งานเครื่องมือ Windows Troubleshooter

ทางแก้ที่ทำได้ง่ายที่สุด คือ การใช้เครื่องมือซ่อมแซมอัตโนมัติที่มีอยู่แล้วในตัว ระบบปฏิบัติการ Windows นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ที่เราไม่แนะนำวิธีนี้เป็นลำดับแรก ๆ ก็เพราะ มันไม่ค่อยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีสักเท่าไหร่ แต่ลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหาย

วิธีเรียกใช้งานเครื่องมือ Windows Troubleshooter

  1. กด "ปุ่ม Windows + R" เพื่อเปิดโปรแกรม Run ขึ้นมา
  2. พิมพ์ลงไปว่า "control" แล้วกด "ปุ่ม Enter"
  3. ตรงด้านขวาบน ให้เลือกเป็น View by: large icons
  4. คลิกที่ "ไอคอน Troubleshooting" แล้วคลิกที่ "เมนู System and Security" ตามด้วย "เมนู Search and Indexing"
  5. คลิกที่ "ปุ่ม Next" ในหน้าต่างที่ปรากฏขึ้นมา

วิธีเรียกใช้งานเครื่องมือ Windows Troubleshooter

  1. จะมีตัวเลือกให้เราติ๊ก ก็ให้เรา ☑ ลงไปในตัวเลือกที่ตรงกับปัญหาของเรา ซึ่งสามารถติ๊กได้หลายช่องนะ แนะนำให้ติ๊กที่ "Can't start a search or see results" และ "Files, Fodlers, apps or settings don't appear in results" จากนั้นก็คลิก "ปุ่ม Next" เพื่อเริ่มดำเนินการแก้ไขปัญหา

ระบบการค้นหา (Searching) และ ทำดัชนีสารบัญ (Indexing) ของ Windows

7. ใช้เครื่องมือ System File Checker

System File Checker เป็นสุดยอดเครื่องมือในการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ที่เราได้เอ่ยถึงไปหลายครั้งแล้ว อย่างที่เราเคยบอกไป ไม่ว่า Windows จะมีปัญหาอะไร ให้ลองใช้ System File Checker ดูก่อน มันอาจจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ

วิธีใช้เครื่องมือ System File Checker

  1. "คลิกขวา" ที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "เมนู Windows Powershell (Admin)"
  2. ในหน้าต่าง Windows Powershell ให้พิมพ์คำสั่งด้านล่างนี้ลงไป แล้วกด "ปุ่ม Enter"
    sfc /scannow

การใช้เครื่องมือ System File Checker (SFC) บน Windows

8. ปิดหรือรีสตาร์ท โปรแกรมแอนตี้ไวรัสบุคคลที่สาม และ เปิด Windows Firewall

ก่อนอื่นต้องขออธิบายให้ชัดเจนก่อนว่า เราไม่แนะนำให้คุณปิด หรือลบ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส (Antivirus Software) แบบ บุคคลที่สาม (3rd-Party) ออกจากเครื่องไปจนหมดจดเลยนะครับ แต่ก็มีรายงานหลายฉบับที่ระบุว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสมีส่วนที่ทำให้ Windows Search เกิดความผิดปกติได้ อย่าง โปรแกรม Avast นี่ก็ตกเป็นจำเลยอยู่บ่อยครั้ง (ขอโทษแฟน Avast ไว้ ณ ที่นี้ด้วย) คุณอาจจะลองลบมันออกไปก่อน แล้วเลือกใช้งานโปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวอื่นแทน (ในกรณีที่ต้องการใช้) ซึ่งอันที่จริง Windows Defender ที่มีติดตัวมากับระบบปฏิบัติการก็ทำงานได้ดีมากแล้วนะ

คุณอาจจะเริ่มที่หยุดการทำงานของ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส 3rd-Party ไปก่อนชั่วคราว ถ้าปิดแล้วระบบค้นหากลับมาใช้งานได้ คุณก็คงต้องยอมตัดใจลบมันทิ้งแล้วล่ะ

หน้าจอเปิด และตั้งค่า Windows Defender Firewall

ในขณะเดียวกัน มีผู้ใช้หลายคนระบุว่าการเปิดใช้งาน Windows Firewall สามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าระบบค้นหา และการทำ Index ของระบบปฏิบัติการ Windows จะมีความอ่อนไหวต่อการตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวระบบรักษาความปลอดภัย 

วิธีเปิดใช้งาน Windows Firewall

  1. กด "ปุ่ม Windows + R" เพื่อเปิดโปรแกรม Run ขึ้นมา
  2. พิมพ์ลงไปว่า "control" แล้วกด "ปุ่ม Enter"
  3. ตรงด้านขวาบน ให้เลือกเป็น "View by: large icons"
  4. คลิกที่ "ไอคอน Windows Defender Firewall" 
  5. ในพาเนลด้านซ้าย คลิกที่ "เมนู Turn Windows Defender Firewall on or off"
  6. เลือก ◉ Turn on Windows Defender Firewall ทั้งใน Private network settings และ Public network settings

หน้าจอเปิด และตั้งค่า Windows Defender Firewall

9. ตรวจสอบสถานะ การทำงานของ Windows Search Service

บางทีปัญหาอาจจะมีเหตุผลพื้น ๆ มากกว่าที่คิด คือ มาจากตัว Windows Search Service หยุดทำงาน โดยตามปกติ Windows Search Service เริ่มต้นทำงานอัตโนมัติในทันทีที่ระบบถูกบูตขึ้นมา

วิธีตรวจสอบสถานะการทำงานของ Windows Search Service

  1. กด "ปุ่ม Windows + R" เพื่อเปิดโปรแกรม Run ขึ้นมา
  2. พิมพ์ลงไปว่า "services.msc" แล้วกด "ปุ่ม Enter"
  3. เลื่อนหา "Windows Search" แล้วตรวจสอบ Status ว่า อยู่ในสถานะ "Running" หรือเปล่า หากไม่ให้คลิกขวา แล้วเลือก "เมนู Properties"
  4. คลิกที่ "ปุ่ม Start" แล้วตรงช่อง Startup type: ให้เลือกเป็น "Automatic" หรือ "Automatic (Delayed Start)"
  5. คลิก "ปุ่ม Apply" แล้วตามด้วย "ปุ่ม OK"

การตรวจสอบสถานะการทำงานของ Windows Search Service


หวังว่าวิธีที่เราได้รวบรวมมาจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้คุณผู้อ่านที่ไม่สามารถใช้งานคุณสมบัติค้นหาในเมนู Start ได้นะครับ


ที่มา : www.maketecheasier.com

0 %E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2+%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9+Start+%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89+%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3+Windows+10
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
ระดับผู้ใช้ : Admin    Thaiware
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ
 
 
 

ทิปส์ไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น