อย่างที่ทราบกันดีว่า ตลาดของ บล็อกเชน (Blockchain) กำลังเติบโต และได้รับความนิยมสูงและเป็นที่นิยมกันมากในหมู่นักลงทุนต่าง และยิ่งช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็มีช่องทางต่าง ๆ เปิดให้ผู้คนทั่วไปมาสามารถลงมาร่วมวงได้อย่างง่ายดายกันมากขึ้นจนมันกลายเป็น Red Ocean ที่มีผู้คนจำนวนมากแหวกว่ายกันในทะเล Cypto เพื่อหาโอกาสในการเติบโตทางการเงินที่มากขึ้น
โดยในตลาด Blockchain นี้ เราก็มักจะได้ยินชื่อของ Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ ผ่านหูกันมาอยู่บ่อย ๆ ซึ่งบางครั้งอาจถูกเรียกว่า Crypto Coin (เหรียญคริปโต) แต่หลายครั้งเราก็ได้ยินคำเรียกว่า Crypto Token (คริปโตโทเคน) อยู่ด้วย ซึ่งหากมองเผิน ๆ แล้วทั้งคู่ก็คล้ายคลึงกันจนทำให้หลายคนเรียกรวมกันไปเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ใช้เธรดกันบนระบบ Blockchain เหมือน ๆ กัน แต่อันที่จริงแล้วทั้ง Crypto Coin และ Crypto Token นี้ก็มีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย
ภาพจาก : https://wolfcone.com/content/images/wordpress/2018/08/coinvstokencover.jpg
สำหรับ เหรียญคริปโต (Crypto Coin) นั้น ถือว่าเป็นทรัพย์สินดิจิทัล (Digital Asset) ที่มีระบบเครือข่าย Blockchain และ สกุลเงิน (Cryptocurrency) เป็นของตัวเองอย่างชัดเจน ทำให้มันมีมูลค่าในตัวของมันเองและมีลักษณะเทียบเทียบเท่ากับ “เงิน” ในชีวิตจริง เพราะสามารถนำเอาไปเทรดแลกเปลี่ยน (Trade) หรือทำธุรกรรม (Transaction) อย่างเช่นการโอน ผ่านระบบ Blockchain ที่จะเป็นการถ่ายโอนข้อมูลของ “เหรียญ” บนระบบออนไลน์ (ไม่มีตัวเหรียญจริงที่สามารถจับต้องได้)
ภาพจาก : https://www.investopedia.com/cryptocurrency-regulations-around-the-world-5202122
ตัวอย่าง Crypto Coin ที่หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดีก็ได้แก่ Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Ripple (XRP) หรือ Dogecoin (DOGE) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของตลาด Crypto นั้นก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนในปัจจุบันนี้เราสามารถซื้อสินค้าบางประเภทด้วย Crypto Coin ได้แล้ว เช่น การใช้ Bitcoin เพื่อซื้อรถ Tesla หรือร้านค้าบางร้านในต่างประเทศก็มีบริการ "จ่ายด้วยสกุลเงินคริปโต (Cryptocurrency)" แล้ว รวมไปถึงทาง Mastercard และ Visa เองก็มีการวางแผนจะออก บัตรเครดิตสำหรับการใช้จ่ายด้วย Cryptocurrency (Crypto Card) แทนสกุลเงินในชีวิตจริงออกมาโดยเฉพาะอีกด้วย
สิ่งที่น่าสนใจอีกส่วนของ Crypto Coin คือ นอกจากมันจะสามารถใช้เธรดและซื้อขายแลกเปลี่ยนคล้ายเงินในชีวิตจริงได้แล้ว มันยังสามารถ "ขุด (Mine)" เหรียญได้อีกด้วย เนื่องจากเจ้าของ Cryptocurrency ต่าง ๆ จะทยอยปล่อยเหรียญ (Coin) ของตัวเองออกมาในระบบ Blockchain ผ่านการทำธุรกรรมที่เข้ารหัส (Encryption) ไว้ ซึ่งหากนักขุด (Miner) คนใดสามารถถอดรหัสชุดตัวเลขนั้น ๆ ได้สำเร็จก็จะได้รับรางวัลเป็น Crypto Coin ในระบบนั้น ๆ และทำให้มูลค่าของ Cryptocurrency พุ่งสูงขึ้น ซึ่งจุดนี้เองก็เป็นสิ่งล่อตาล่อใจจนสามารถตกนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลกลงมาในเหมือง Crypto นี้ได้แบบยากจะถอนตัวขึ้น
ภาพจาก : https://images.financialexpress.com/2021/05/BitCoin-Reuters.jpg
โดยการ “ขุด” หรือการถอดรหัสชุดตัวเลขได้นั้นก็จะต้องใช้ระบบการ “เดาสุ่ม” ด้วยการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ ซึ่งหากมีการประมวลผลชุดตัวเลขต่าง ๆ ได้ไวเท่าไรก็มีแนวโน้มว่าจะสามารถสุ่มเจอและถอดรหัสมันได้มากเท่านั้น นี่จึงเป็นสาเหตที่เมื่อตลาด Crypto เติบโตขึ้นก็ทำให้ราคาของ การ์ดจอ (GPU) และ CPU มีมูลค่าสูงขึ้นในเวลาอันรวดเร็วตามความต้องการของตลาด (บางที่ถึงกับขาดตลาดไปชั่วคราวเลยทีเดียว)
และนอกจากนี้แล้ว กระแสของมันก็นำมาซึ่งการกำเนิดของ ASIC หรืออุปกรณ์สำหรับขุด Crypto Coin โดยเฉพาะ เพราะมันสามารถประมวลผลได้รวดเร็วกว่าการ์ดจอหลายเท่าเลยทีเดียว (แต่เจ้าเครื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะราคาเบา ๆ ดังนั้นราคาของ GPU และ CPU จึงพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ แบบไม่มีวี่แววว่าจะลดลงมาเลย)
ภาพจาก : https://www.arabnews.com/node/1903216/business-economy, shorturl.at/fhDEQ และ shorturl.at/dyzL5
ในส่วนของ Token หรือ Crypto Token นั้นเองก็เป็นหนึ่งในทรัพย์สินดิจิทัล (Digital Asset) ที่ทำงานบนระบบ Blockchain และสามารถใช้เพื่อเธรดแลกเปลี่ยนหรือโอนไปให้คนอื่น ๆ ได้คล้ายกับ Crypto Coin เพียงแต่มันจะ “ไม่มีระบบ Blockchain” เป็นของตัวเอง เป็นเพียงการสร้าง Token ขึ้นมาผ่าน Smart Contracts เพื่อการใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปบนระบบ Blockchain ที่มีอยู่เดิม ซึ่ง Token นี้อาจเป็นโปรเจคแยกย่อยของ Blockchain ค่ายเดิมหรือโปรเจคของบริษัทอื่นใดที่สนใจ “เช่าพื้นที่ใช้งานร่วม” บน Blockchain ของค่ายต่าง ๆ ในการสร้าง Token ของตนเองขึ้นมาก็ได้เช่นเดียวกัน (ไม่จำเป็นต้องสร้างระบบ Blockchain ขึ้นมาทำให้สามารถโฟกัสไปที่สิ่งที่ต้องการได้อย่างเต็มที่)
โดย Token ที่มักพบได้บ่อยนั้นได้แก่ DAI, LINK, COMPF, SOV, EOS, VEST ที่คุ้นหูคุ้นตากันมากที่สุดอย่าง CryptoKitties สุดน่ารักเองก็จัดว่าเป็นหนึ่งใน Crypto Token เช่นเดียวกัน (แม้ว่า Token ที่ยกตัวอย่างมาส่วนใหญ่จะรันบนระบบ Blockchain ของ Ethereum แต่ก็ยังมี Token เล็ก ๆ น้อย ๆ จากค่ายอื่นอีกมากมาย)
ภาพจาก : shorturl.at/mqGV8
หรือหากจะยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ๆ มันก็คล้ายกับ Token เหรียญในเกมเซนเตอร์ที่จะมีมูลค่าจำกัดแค่ในเขตเกมเซนเตอร์เท่านั้น ไม่สามารถนำเอาไปซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากการเล่นเกมได้ แม้ว่าจะสามารถเก็บเอาไว้เล่นวันหลังหรือเอาไปใช้ที่สาขาอื่นได้แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกเหนือจากที่กฎได้กำหนดเอาไว้
Crypto Token เองก็เช่นเดียวกัน เพราะถึงแม้เราจะทำการเธรดหรือโอน Token ได้ แต่มันก็ทำได้เฉพาะแค่ในขอบข่ายที่กำหนดเท่านั้น เช่น แลกบริการ, ซื้อตัวละคร, แลกเงินปันผล หรือส่วนลดในการทำธุรกรรมต่าง ๆ บนระบบ Blockchain (หรือที่เรียกกันว่าส่วนลดค่า Gas) และความสามารถในการใช้งานด้านอื่น ๆ
ในขณะที่ Token บนแพลทฟอร์ม Ethereum ใช้ระบบ ETH-20 หรือ EIC-20 ที่เป็น Token แบบ Fungible ที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่น ๆ ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด แต่ NFT หรือ Non-Fungible Token ของ Ethereum นั้นกลับใช้ระบบ ETC-721 ซึ่งทำให้มันมีความ “ต่าง” ออกไปจาก Token ประเภทอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง เพราะ NFT นั้น “ไม่สามารถ” แลกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ แต่สามารถทำการขายทอดต่อหรือโอนสิทธิ์การเป็นเจ้าของ Token ให้กับผู้อื่นเพื่อแลกกับเงิน Crypto สกุลต่าง ๆ ได้ (ส่วนมากมักเป็น ETH)
ภาพจาก : https://miro.medium.com/max/1123/1*os9UFDHIEqbiQrEN6FvUkQ.png
จึงทำให้ NFT นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ Crypto Token เช่นเดียวกับ Token อื่น ๆ เพียงแค่มันมีความพิเศษอยู่ที่ “ข้อจำกัด” ในการถือสิทธิ์เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวที่ทำให้มันแตกต่างออกไปจาก Crypto Token ประเภทอื่น ๆ นั่นเอง (เช่น CryptoKitties ที่ผู้ถือครอง Token จะมีสิทธิการเป็นเจ้าของแมวดิจิทัลตัวนั้น ๆ แต่เพียงผู้เดียว และสามารถนำเอาไปขายต่อหรือโอนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของให้กับผู้อื่นได้)
หากจะสรุปสั้น ๆ แล้วละก็ Crypyo Coin ก็เปรียบเสมือนกับเงินที่เราใช้ในชีวิตประจำวันที่มีมูลค่าในตัวของมันเองและมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกลไกตลาดและเศรษฐกิจ และมีระบบ Blockchain เป็นของตนเอง ส่วน Crypto Token นั้นจะไม่มีระบบ Blockchain เป็นของตนเองและมีการทำงานคล้ายกับเหรียญในเกมเซนเตอร์ที่จะสามารถใช้งานได้ “ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด” เพียงเท่านั้น
ภาพจาก : https://developers.rsk.co/kb/get-crypto-on-rsk/cryptocurrency-vs-token/
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |