ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวงการเทคโนโลยีหรือไม่ก็ตาม แต่ Fintech เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ในปัจจุบันนี้มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย และคนส่วนใหญ่ก็ใช้มันกันอยู่แล้ว เพียงแค่เราอาจจะไม่รู้ว่ามันเป็น Fintech เท่านั้นเอง
Fintech มีบทบาทสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมด้านการเงินให้มีความสะดวกสบาย กล่าวได้เลยว่า เราใช้งานมันจนชินจนไม่สามารถขาดมันไปได้อีกแล้ว
ในบทความนี้เราจะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับ Fintech กันให้มากขึ้น
Fintech เป็น Buzzword ที่มาจากคำว่า "Financial Technology" มันเป็นคำที่ใช้ในการอธิบายเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านการเงิน ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ มีความสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้ประกอบการ หรือว่าผู้บริโภคก็ตาม ซึ่งก็มีหลายอย่าง เช่น ระบบธุรกรรมออนไลน์, ระบบการเงินอัตโนมัติ ฯลฯ
สำหรับสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ จากเดิมในอดีต ที่เราจะต้องไปทำธุรกรรมที่ธนาคารในเวลาทำการ แต่ในปัจจุบันนี้ เราสามารถทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ได้ผ่านคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่สมาร์ทโฟนได้ตลอดเวลา สรุปง่าย ๆ Fintech ก็คือ เทคโนโลยีทางการเงิน นั่นเอง
คำว่า Fintech สามารถใช้กับนวัตกรรมอะไรก็ได้ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของผู้ใช้งาน ซึ่งเทคโนโลยี Fintech เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับความเฟื่องฟูของอินเทอร์เน็ต
Fintech ไม่ใช่เทคโนโลยีไกลตัว หลายกิจกรรมที่เราใช้ในชีวิตประจำวันมี Fintech เข้ามาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่การโอนเงินให้เพื่อนผ่านแอปธนาคารบนสมาร์ทโฟน, การสแกนจ่ายด้วย QR code, การโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็น Fintech ทั้งสิ้น
แม้คำว่า Fintech ฟังดูอาจจะเป็นคำใหม่ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ในความเป็นจริง แนวคิดนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493) จากการที่ Diners Club ได้เปิดตัวบัตรที่สามาารถใช้ชำระสินค้าแทนเงินสดได้ ซึ่งมันได้เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเป็นบัตรเครดิตในภายหลัง
ภาพจาก : https://www.dinersclub.com/about-us/history/
ในยุคเดียวกัน การเติบโตของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้มีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติระบบหลังบ้านของธนาคาร และระบบเทรดหุ้น ในที่สุดบัตรเครดิตก็ถูกสร้างขึ้นมา กล่าวได้ว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ Fintech ตัวแรกของโลก มันช่วยให้ผู้ใช้สามารถจับจ่ายใช้สอยได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องพกเงินสดอีกต่อไป
ต่อมาในปี ค.ศ. 1998 ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น PayPal บริษัทการเงินที่ให้บริการทางการเงินบนอินเทอร์เน็ตเป็นหลักได้ก่อตั้งขึ้น ซึ่งมันได้รับการยอมรับว่ามันเป็นบริษัท Fintech แห่งแรกของโลก
จากนั้นมันก็ถูกพัฒนาเรื่อยมา ซึ่งมีการแบ่ง Fintech ออกเป็น 3 ยุคหลัก ๆ ได้แก่
ภาพจาก : https://explodingtopics.com/blog/fintech-guide
ตอนนี้เรารู้แล้วว่า Fintech นั้นหมายถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเงินนั่นเอง ซึ่งมันก็มีอยู่หลายประเภท โดยสามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังต่อไปนี้
Mobile Banking เป็นเทคโนโลยีที่สถาบันทางการเงินหลายแห่งในปัจจุบันนี้ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความต้องการความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น ทำให้มีการแข่งขันที่สูงมาก
เราจะเห็นได้ว่าแอปธนาคาร มีการอัปเดตคุณสมบัติใหม่ ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้กันบ่อยมาก เพราะยิ่งใช้งานสะดวกมากเท่าไหร่ ก็สามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้มากเท่านั้น
Neobanks เป็นเหมือนธนาคารดิจิทัล เพราะมันไม่มีธนาคารบนโลกจริง แต่ได้ให้บริการบัญชี,ฝาก, ถอน และกู้เงิน ผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว ผู้ให้บริการประเภทนี้ก็อย่างเช่น Chime, Current, Aspiration, Varo ฯลฯ
สำหรับ Cryptocurrency และ Blockchain นั้นล้วนมีความสัมพันธ์กับ Fintech ในหลากหลายทาง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น เราจะสังเกตเห็นได้ว่ามีแพลตฟอร์มซื้อขาย Cryptocurrency เกิดขึ้นมากมายหลายเจ้า บริษัท Fintech หลายแห่งนำเอาเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในขั้นตอนการชำระเงิน และธุรกรรมต่าง ๆ
Fintech ได้ทำให้มีแอปพลิเคชันลงทุน และออมเงินเกิดขึ้นมาหลายตัว การลงทุนที่ผ่านมาในอดีตเหมือนกำแพงที่คนทั่วไปไม่เข้าใจ และยากจะเข้าถึง แต่มันได้ถูกทำลายลงด้วยบริษัท Fintech อย่าง Robinhood, Stash และ Acorn แม้บริษัทเหล่านี้จะใช้วิธีในเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน แต่รูปแบบหลักก็มีความคล้ายคลึงกัน คือรวมการออมทรัพย์ และลงทุนอัตโนมัติเข้าด้วยกัน ผู้ใช้สามารถลงทุน และปล่อยให้ระบบทำงานลงทุนให้อัตโนมัติ
การคาดการณ์อนาคตของตลาด ว่าทิศทางในอนาคตจะเป็นไปในทิศทางไหน เป็นหัวใจหลักของระบบการเงินที่มีมูลค่ามหาศาลไหลเวียนอยู่ จึงไม่น่าแปลกใจที่ Machine Learning ระบบที่สามารถคาดการณ์ได้โดยไม่มีอคติ และประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ดีกว่ามนุษย์ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญใน Fintech
"การเคลื่อนย้ายเงิน" เป็นหนึ่งในสิ่งที่ Fintech ทำได้ดี ประโยคอย่าง "ขอ QR โอนเงินหน่อย" "จ่ายผ่าน Truemoney ได้ไหม ?" เป็นประโยคที่เราน่าจะได้ยินกันบ่อยครั้งในยุคนี้ หากมีใครบอกว่า "เดี๋ยวกดเงินคืนให้" กลับกลายเป็นข้ออ้างของคนที่ไม่คิดจะจ่ายเงินไปเสียแล้ว เพราะถ้าคิดจะจ่ายจริง ๆ ปัจจุบันนี้มีระบบจ่ายเงิน Digital wallet มากมาย ให้เลือกใช้
เราสามารถสังเกตเห็นได้ว่า ตั้งแต่ Fintech ประสบความสำเร็จ มันทำให้กระบวนการกู้ยืมเงินง่ายขึ้นกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก เราสามารถกดกู้เงินจากแอปพลิเคชันได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องรอกระบวนการพิจารณาจากธนาคารนานเหมือนในอดีต
ธุรกิจประกันเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่นำเงินประกันจากลูกค้าไปลงทุน มันจึงอยู่ภายใต้ร่มเงาของ Fintech เช่นกัน ปัจจุบันนี้ บริษัทประกันเริ่มนำ Fintech มาปรับใช้ เพื่อให้ขั้นตอนการเคลมประกันสะดวกมากขึ้น และขยายการรับประกันออกไปในกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ได้
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |