ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
THAIWARE.COM | ทิปส์ไอที
 

7 วิธีแก้ต่อ Wi-Fi ไม่ได้ บนมือถือสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตบน iOS และ Android

7 วิธีแก้ต่อ Wi-Fi ไม่ได้ บนมือถือสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตบน iOS และ Android
ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-psd/front-view-phone-with-wi-fi-5g-with-blurred-background_5749709.htm
เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 209,089
เขียนโดย :
0 7+%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD+Wi-Fi+%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89+%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%99+%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%99+iOS+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0+Android
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

7 วิธีแก้ต่อ Wi-Fi ไม่ได้ บนมือถือสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตบน iOS และ Android

เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยมีประสบการณ์คล้าย ๆ กันที่เล่นเกมหรือไถโซเชียลอยู่ดี ๆ ก็หมุนค้าง โหลดอะไรก็ไม่ไป ทั้งที่ต่อ Wi-Fi อยู่แต่ก็เหมือนจะใช้งานไม่ได้ขึ้นมาซะอย่างนั้น ? ซึ่งถ้าสมมติว่าเกิดปัญหานี้ในตอนที่ใช้งานลิฟต์ก็ยังพอเข้าใจได้ว่าเป็นจุดอับสัญญาณที่เมื่อออกจากลิฟต์สักระยะหนึ่งก็คงจะหาย

บทความเกี่ยวกับ Wi-Fi อื่นๆ

แต่ว่าหลาย ๆ ครั้งก็พบว่าปัญหานี้ดันเกิดในตอนนี้นอนเล่นมือถืออยู่บนโซฟาที่บ้านหรืออยู่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองที่ไม่มีทางจะเป็นจุดอับสัญญาณไปได้อย่างแน่นอน และเมื่อเจอแบบนี้เข้าบ่อยก็เริ่มจะรู้แกวแล้วว่าควรจะทำยังไงให้มันกลับมาใช้งานได้ปกติ (เสียที) วันนี้ก็เลยลองเอา วิธีแก้ Wi-Fi ต่อ (ไม่) ติด มาฝากกัน !

เนื้อหาภายในบทความ

  1. เช็คเมนูการเชื่อมต่อไวไฟ (Check Wi-Fi Menu)
  2. ปิดการใช้งานโหมดเครื่องบิน (Turn Off Airplane Mode)
  3. ลืมเครือข่ายนี้ (Forget This Network)
  4. มองหาหน้าเข้าสู่ระบบ - สำหรับการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะ (Find Login Page - For Public Wi-Fi Use)
  5. รีสตาร์ทอุปกรณ์เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง (Restart all Related Devices)
  6. ล้างการตั้งค่าเครือข่าย (Reset Network Settings)
  7. ล้างการตั้งค่าเราเตอร์ (Reset Router)

1. เช็คเมนูการเชื่อมต่อไวไฟ (Check Wi-Fi Menu)

แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนทำกันอยู่เป็นประจำแน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตขณะที่เปิดใช้ Wi-Fi ก็มักจะกดเข้าไปเช็คใน "เมนู Wi-Fi" ว่าเกิดปัญหาการใช้งานในด้านใด

ซึ่งสำหรับใครที่ตั้งค่าการใช้งาน Wi-Fi เป็นแบบการเชื่อมต่ออัตโนมัติ (Auto-Connect) แล้วละก็ เราจะพบว่าหลาย ๆ ครั้งเมื่อเข้าไปเช็คการเชื่อมต่อ Wi-Fi ใน "เมนู Settings" และกดไปที่ "เมนู Wi-Fi" ก็พบว่าโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของเราไปเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ของคนอื่นหรือ Wi-Fi ที่สัญญาณอ่อนเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาในการใช้งานขึ้นมาได้นั่นเอง หรือบางครั้งอาจขึ้นข้อความว่า "No Internet Connection" เพราะอยู่นอกระยะสัญญาณ Wi-Fi แล้วแต่เครื่องยังเชื่อมต่อกับตัว Wi-Fi อยู่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมา

เช็คเมนู Wi-Fi
ภาพจาก : https://www.makeuseof.com/iphone-ipad-wont-connect-to-wi-fi/

ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาก็มีอยู่ 2 อย่างง่าย ๆ คือ

  1. การเลือกใช้งาน Wi-Fi ที่สัญญาณแรงกว่า
  2. ปิดการใช้งาน Wi-Fi ไประยะหนึ่งแล้วกดเปิดใช้งาน "เมนู Wi-Fi" ใหม่อีกรอบ (อาจมีการกรอกรหัสหรือไม่มีก็ได้ แล้วแต่ชนิด Wi-Fi ที่เลือกใช้) ก็เป็นอันเรียบร้อย

เช็คเมนู Wi-Fi
ภาพจาก : https://www.metageek.com/training/resources/band-steering.html

2. ปิดการใช้งานโหมดเครื่องบิน (Turn Off Airplane Mode)

บางครั้งปัญหาการใช้งาน Wi-Fi ก็เกิดมาจากการเผลอไปกดใช้งาน โหมดเครื่องบิน (Airplane Mode) ที่จะตัดการเชื่อมต่อสัญญานทั้งหมดของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของเราเมื่อเปิดใช้งานโหมดนี้ ดังนั้นวิธีแก้ก็ได้แก่การกดปิดการใช้งานโหมดเครื่องบิน และดูให้แน่ใจว่าเปิดการใช้งาน Wi-Fi ไว้ก็น่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้แล้ว

ปิดการใช้งานโหมดเครื่องบิน
ภาพจาก : https://www.businessinsider.com/why-wont-my-android-phone-connect-to-wifi#make-sure-that-wi-fi-is-enabled-2

3. ลืมเครือข่ายนี้ (Forget This Network)

หากลองวิธีด้านบนแล้วยังไม่ได้ผลก็ลองทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. กดเข้าไปใน "เมนู Settings"
  2. จากนั้นเลือกที่ "เมนู Wi-Fi"
  3. แล้วกดไปที่ Wi-Fi ที่เรากำลังใช้งานอยู่ขณะนี้ จากนั้นเลือก "Forget This Network"
  4. กดเชื่อมต่อ Wi-Fi ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

โดยวิธีนี้เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi ส่วนตัวหรือขององค์กรที่สามารถถามถึงรหัส Wi-Fi ใหม่อีกรอบได้หากลืมรหัส Wi-Fi ขึ้นมา ซึ่งหากกรอกรหัสเดิมแล้วใช้งานไม่ได้อาจเป็นเพราะมีคนเปลี่ยนรหัสก็เป็นได้ ลองถามคนอื่น ๆ ถึงรหัส Wi-Fi ที่เปลี่ยนใหม่แล้วทำการเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง หรือหากยังเชื่อมต่อไม่ได้ก็ดูให้ดี ๆ ว่ากดรหัสถูกต้องทุกตัวอักษรแล้วหรือยัง (เช่น บางคนอาจใส่ตัว I (ตัวอักษร i พิมพ์ใหญ่) สลับกับ l (ตัวอักษร l พิมพ์เล็ก) ก็เป็นได้)

สไลด์รูปภาพ

 Forget This NetworkForget This NetworkForget This Network

ภาพจาก : https://www.makeuseof.com/iphone-ipad-wont-connect-to-wi-fi/ และ https://www.technipages.com/android-authentication-error

4. มองหาหน้าเข้าสู่ระบบ - สำหรับการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะ
(Find Login Page - For Public Wi-Fi Use)

สำหรับใครที่ไปห้างสรรพสินค้าหรือสนามบินที่ส่วนมากจะมีบริการ Wi-Fi ให้บริการอยู่แล้วนั้น ส่วนมากจะมีบริการ Wi-Fi มากกว่า 1 บริการ ให้เลือกเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ระยะสัญญาณใกล้บริเวณที่เรานั่งมากที่สุดโดยสังเกตที่จำนวนขีดของ Wi-Fi ที่มากที่สุด กดเชื่อมต่อการใช้งาน Wi-Fi นั้น ๆ จากนั้นระบบจะพาไปสู่หน้าเข้าสู่ระบบ (Login Page) ของ Wi-Fi นั้น ๆ เพื่อให้ทำการสมัครใช้งานหรือลงชื่อเข้าใช้งานบริการ Wi-Fi (หากเคยลงทะเบียนแล้ว)

แต่ในกรณีถ้ากดเชื่อมต่อแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ลองเปิด เว็บเบราว์เซอร์ ขึ้นมาและเข้าเว็บไซต์ใดก็ได้ ระบบจะขึ้นหน้าการลงทะเบียนใช้งาน Wi-Fi นั้น ๆ ขึ้นมาก่อนจึงจะสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้ โดยในขั้นตอนนี้ผู้ใช้จะต้องยอมรับข้อกำหนดในการใช้งานก่อนจึงจะสามารถลงทะเบียนใช้งานได้

มองหา Login Page (สำหรับการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะ)
ภาพจาก : https://www.pulpconnection.net/2018/04/google-starbucks-wifi-since-when/

ซึ่งหากใครใช้งาน Wi-Fi สาธารณะของค่ายมือถือที่ใช้งานอยู่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรมากนัก เพราะการลงทะเบียนใช้งานส่วนมากจะผูกกับเบอร์โทรศัพท์ของค่ายนั้น ๆ ที่มาพร้อมบริการ Wi-Fi แบบ Unlimited อยู่แล้ว สิ่งที่ต้องทำก็มีแค่การสมัครลงทะเบียนใช้งาน ตั้งชื่อผู้ใช้งาน (ส่วนมากจะบังคับตั้งเป็นเบอร์โทรศัพท์) และตั้งรหัสผ่านเพื่อเปิดใช้งานบริการ Wi-Fi นั้น ๆ ก็จะสามารถใช้งานได้แล้ว (บางค่ายมือถือจะมีรหัสผ่านกำหนดเอาไว้เป็นเลขท้ายเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง แต่แนะนำว่าไม่ต้องเปลี่ยนจะง่ายต่อการจำมากกว่า)

แต่ในกรณีถ้าหากในบริเวณที่อยู่ไม่มีบริการ Wi-Fi ของค่ายมือถือที่ใช้งานอยู่และไม่มีบริการ Wi-Fi สาธารณะอื่น ๆ ก็คงต้องทำใจและใช้งานเน็ตมือถือของตัวเองกันต่อไป

อีกวิธีง่าย ๆ สุดเบสิกที่หลายคนคงเคยทำกันมาแล้วอย่างการ "ปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่" ก็เป็นอีกวิธีแก้ปัญหาที่ดีทีเดียว เพราะในหลาย ๆ ครั้งที่ไม่รู้จะทำยังไงกับมันดีแล้ว วิธีนี้ก็ช่วยได้มากแถมไม่ยุ่งยากอีกต่างหาก ซึ่งถ้าใครประสบปัญหาการเชื่อมต่อ Wi-Fi ไม่ติดในบ้านของตัวเองก็แนะนำว่าให้รีสตาร์ทมันทั้งตัว เราเตอร์กระจายสัญญาณ Wi-Fi และสมาร์ทโฟน / แท็บเล็ต (หรืออุปกรณ์อื่น ๆ) ไปพร้อม ๆ กันเลยน่าจะดีกว่า และถ้ารู้สึกว่า Router ร้อนเกินไปก็ทิ้งระยะประมาณ 5 - 10 นาทีให้เครื่องเย็นลงแล้วค่อยเปิดใหม่ก็น่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้แล้ว

สไลด์รูปภาพ

 ปิดเครื่อง iPhoneRestart เครื่อง iPhoneปิด / Restart เครื่อง Androidปิด / Restart เครื่อง Android

ภาพจาก : shorturl.at/jqvR3 และ shorturl.at/kqM16

6. ล้างการตั้งค่าเครือข่าย (Reset Network Settings)

ถ้าลองมาหลายวิธีแล้วยังไม่หายก็ให้ลองกดเชื่อมต่อ Wi-Fi อันอื่นที่นอกเหนือจากที่ใช้งานอยู่เป็นประจำดู หากไม่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Wi-Fi ใด ๆ ได้เลยอาจเป็นปัญหาที่ตัวเครื่องของเราก็เป็นได้ ซึ่งหากเกิดปัญหานี้นอกจากการปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ก็มีอีกวิธีที่น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ นั่นก็คือการ "กด Reset Network Settings"

แต่วิธีนี้จะเป็นการล้างการเชื่อมต่อเครือข่าย (Reset Network Connection) ภายนอกทั้ง Wi-Fi, Bluetooth,  VPN และการเชื่อมต่อของเครือข่ายมือถือทั้งหมดให้กลับไปยังค่าตั้งต้น ดังนั้นจึงไม่ค่อยแนะนำเท่าไรนัก

โดยสำหรับผู้ใช้ iOS

  1. ไปที่ "เมนู Setting"
  2. ไปที่ "เมนู General"
  3. จากนั้นเลื่อนลงไปด้านล่างสุดและเลือกที่ "เมนู Transfer or Reset iPhone"
  4. กดไปที่ "Reset Network Setting"
สไลด์รูปภาพ

 Reset Network SettingReset Network Setting

ภาพจาก : https://www.makeuseof.com/iphone-ipad-wont-connect-to-wi-fi/

ส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต Android

  1. ให้เลือกที่ "เมนู Setting"
  2. จากนั้นกดที่ "เมนู General Management"
  3. แตะที่ "เมนู Reset"
  4. เลือกที่ "เมนู Reset Network Settings"
  5. จากนั้นกด "Reset Settings" เพื่อยืนยันการ Reset การเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งหมด
สไลด์รูปภาพ

 Reset Network SettingReset Network SettingReset Network SettingReset Network Setting

7. ล้างการตั้งค่าเราเตอร์ (Reset Router)

ถ้าหากทำการรีเซ็ต หรือล้างการตั้งค่าเครือข่าย (Reset Network Settings) แล้วยังไม่ได้ผลก็อาจต้องลอง ล้างการตั้งค่าเราเตอร์ (Reset Router) ใหม่ดู โดยการกดปิดเครื่อง ดึงปลั๊กและสายเชื่อมต่อออกประมาณ 30 วินาทีแล้วเสียบไฟใหม่อีกครั้งหนึ่ง หรือถอดปลั๊กออกแล้วกดค้างที่ "ปุ่ม Reset" ไว้ 5 - 10 วินาที จากนั้นทำการเปิดเครื่องและตั้งค่าการใช้งานเราเตอร์ และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ใหม่อีกครั้ง

แต่ถ้าหากทดลองหมดทั้ง 7 วิธีข้างต้นแล้วยังพบปัญหาการใช้งาน Wi-Fi อยู่ก็น่าจะเป็นปัญหาการใช้งานที่เราไม่สามารถแก้ไขได้เองและต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญโดยการเอาเครื่องเข้าศูนย์ซ่อม หรือใช้เงินแก้ปัญหาอย่างการซื้อเครื่องใหม่แทนแล้วล่ะ


ที่มา : www.makeuseof.com , www.businessinsider.com , www.androidauthority.com

0 7+%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD+Wi-Fi+%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89+%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%99+%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%99+iOS+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0+Android
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
สมาชิก : Member    สมาชิก
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่..
 
 
 

ทิปส์ไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น