หลาย ๆ คนน่าจะเคยเห็นชื่อและหน้าตาของ กล้องมิเรอร์เลส (Mirrorless Camera) และกล้องดิจิทัล SLR (Digital Single-Lens Reflex : DSLR) ที่ทุกคนเรียกติดปากกันว่า "กล้อง DSLR" แล้วกล้องถ่ายภาพทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร ? ถ้าต้องซื้อกล้องสักตัวควรเลือกแบบไหนดี มาดูกัน
ข้อนี้น่าจะเป็นตัวแบ่งแยกระหว่างกล้องมิเรอร์เลสและกล้อง DSLR เพราะกล้องมิเรอร์เลสมักมีขนาดเล็กกว่ากล้อง DSLR เนื่องจากส่วนประกอบภายในที่มีชิ้นส่วนน้อยลง จากการตัดในส่วนของกระจกสะท้อนภาพออกไป ประกอบกับวัสดุที่ใช้ทำตัวบอดี้กล้องมีหลากหลายและน้ำหนักเบา เช่น แมกนีเซียมอัลลอยในกล้อง Sony A6400 หรือกล้องระดับเริ่มต้นบางรุ่นก็หันไปใช้พลาสติกที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง
ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อขนาดของกล้องกันเลย เพราะในกล้อง DSLR มีกระจกที่สะท้อนภาพเข้าที่ช่องมองภาพแบบออพติคอล (Optical Viewfinder) ซึ่งในขณะที่ถ่ายภาพ กระจกจะแกว่งขึ้น และม่านชัตเตอร์ข้างในกล้องจะเปิดขึ้น จากนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ภาพถูกฉายและจับภาพบนเซ็นเซอร์ภาพตามระยะเวลาของสปีดชัตเตอร์ (พวกตัวเลข 1/2 1/10 1/100 นั่นเอง มีหน่วยเป็นวินาที) หลังจากนั้นม่านชัตเตอร์จะปิดลง กระจกจะกลับไปทำมุม 45 องศา และกลไกขับเคลื่อนในตัวกล้องจะปรับม่านชัตเตอร์ให้พร้อมสำหรับการเปิดรับแสงครั้งต่อไป
ภาพจาก : https://arranelstudios.com/mirrorless-vs-dslr/
ในขณะที่กล้อง Mirrorless ก็ตามชื่อเลย นั่นคือตัดกระจกสะท้อนภาพออกไป กล้องมองภาพแล้วยิงเข้าเซนเซอร์รับภาพโดยตรง ใช้วิธีมองภาพผ่าน EVF (Electronic Viewfinder) แทน เรียกได้ว่าระบบภายในกล้องมิเรอร์เลส คือการจำลองระบบในกล้อง DSLR แล้วตัดกระจกสะท้อนภาพและช่องมองภาพแบบออพติคอลออกไป
ในส่วนของช่องมองภาพ หรือ Viewfinder ก็เป็นอีกส่วนที่กินพื้นที่ตัวกล้องไม่ใช่น้อย แต่ถ้าใครที่จำเป็นต้องใช้ นี่คือตัวช่วยสำคัญเลยล่ะ ซึ่งในกล้องมิเรอร์เลสระดับเบื้องต้นหรือระดับกลางมักจะตัดช่องมองภาพนี้ออกไป ส่วนรุ่นที่มีก็จะใช้ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (Electornic Viewfinder) หรือช่องมองภาพแบบ OLED (OLED Electornic Viewfinder) เสมือนยกภาพหน้าจอแสดงผลมาไว้ในช่องมองภาพ
ภาพจาก : https://www.nikonusa.com/en/learn-and-explore/a/products-and-innovation/nikon-z-system-electronic-viewfinder-evf.html
ส่วนกล้อง DSLR ใช้ช่องมองภาพแบบออพติคอล (Optical Viewfinder) เนื่องจากต้องทำงานร่วมกับกระจกสะท้อนภาพขณะถ่ายภาพนั่นเอง แต่เมื่อเข้าสู่โหมดพรีวิวภาพในกล้อง กล้อง DSLR มักจะมีเทคโนโลยีที่ทำให้ดูภาพผ่านช่องมองภาพได้ เช่น เมนู Live View ของกล้อง CANON ที่สามารถแสดงผลเมนูและภาพถ่ายในช่องมองภาพ หรือจะเลือกปิดโหมดนี้ก็ได้
เนื่องจากการใช้งานกล้องดิจิทัลมีทั้งงานภาพ เสียงและวิดีโอ จึงทำให้ในตัวกล้องมีพอร์ตเชื่อมต่อเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งกล้องมิเรอร์เลสส่วนใหญ่มักจะมีพอร์ตเชื่อมต่อดังต่อไปนี้
อย่างไรก็ตาม กล้องมิเรอร์เลสอาจไม่มีพอร์ตข้างต้นครบทุกจุดเสมอไป (แต่ต้องมีช่องชาร์จแบตเตอรี่นะ) กล้องบางรุ่นใส่แฟลชหัวกล้องมาให้ในตัว แลกกับการที่ใช้งานแฟลชภายนอกไม่ได้ บางรุ่นอาจใช้พอร์ตชนิดอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่แบบนี้เหมือน ๆ กัน ส่วนช่องหูฟัง ช่องต่อไมโครโฟนและอื่น ๆ กล้อง DSLR มักจะมีให้แบบครบครันมากกว่ากล้องมิเรอร์เลส
ส่วนกล้อง DSLR แทบทุกรุ่น มักจะมีแฟลชในตัวและพอร์ต Hot Shoe ในที่เดียว เนื่องจากช่างภาพส่วนใหญ่ต้องการสภาพแสงที่ดีในการถ่ายภาพ แต่ไม่ใช่ทุกสถานที่ที่จะมีแสงที่เพียงพอ จึงทำให้แฟลชภายนอกกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับช่างภาพไปโดยปริยาย และในส่วนของ Hot Shoe นี่เองที่ทำให้ช่างภาพส่วนใหญ่เลือกใช้กล้อง DSLR มากกว่า ส่วนพอร์ตอื่น ๆ จำพวก HDMI ช่องหูฟัง ในกล้อง DSLR ส่วนใหญ่ก็มีด้วยเช่นกัน
กล้องมิเรอร์เลส | กล้อง DSLR |
|
|
ระหว่างกล้องมิเรอร์เลสกับกล้อง DSLR ซื้อกล้องแบบไหนดี ? บางคนอาจคิดว่าซื้อกล้องตัวใหญ่ ๆ แบบที่มือโปรใช้กันดีไหม ? หรือซื้อกล้องราคาแพงน่าจะได้ฟังก์ชันการใช้งานมากกว่ากล้องราคาย่อมเยา มาไล่ดูกันทีละข้อเลยว่า จะเลือกซื้อกล้องสักตัว ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
เพราะบางคนมีงบส่วนนี้จำกัด หรือบางคนเลือกซื้อกล้องใช้งานในนามบริษัท หน่วยงาน ก็ต้องเลือกตัวเลือกที่คุ้มค่าเงินที่สุด หากลองค้นหาว่า "กล้องราคาไม่เกิน xxx" ตามงบประมาณที่วางไว้ ก็สามารถกำหนดตัวเลือกที่ต้องการได้ไม่ยาก
หากต้องการกล้องพกพาง่าย ก็ต้องมองกล้องมิเรอร์เลสในระดับเบื้องต้นถึงระดับกลางที่มีขนาดเล็ก พกสะดวก แต่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องการพกพา กล้องมิเรอร์เลสระดับกลางถึงสูง และกล้อง DSLR ก็เป็นคำตอบที่ดี
นี่เป็นคำถามสำคัญเลยทีเดียว เพราะการใช้งานบางอย่าง ใช้กล้องระดับพื้นฐานก็เพียงพอแล้ว เช่น การถ่ายภาพทั่วไป การถ่ายวิดีโอแบบ Vlog แต่ถ้าเป็นการถ่ายวิดีโอที่ต้องนำไฟล์ไปเกรดดิ้งสี (Color Grading) หรือปรับแต่งขั้นสูงเพิ่มเติม ก็ต้องใช้กล้องมิเรอร์เลสหรือกล้อง DSLR ที่รองรับการถ่ายวิดีโอ S-Log เป็นต้น
แม้เรื่องความจุของ แบตเตอรี่เป็นสิ่งสำคัญ แต่กล้องจะแบตหมดช้าเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน ปกติแล้ว กล้องดิจิทัลส่วนใหญ่ไม่สามารถชาร์จไฟพร้อม ๆ กับขณะถ่ายภาพได้ แต่เนื่องจากกล้องมิเรอร์เลสและกล้อง DSLR ถูกนำไปใช้งานอย่างอื่นมากขึ้น เช่น ใช้เป็นกล้อง Live สดที่ต้องมีกระแสไฟเลี้ยงกล้องตลอดเวลา ก็ต้องใช้กล้องที่รองรับอุปกรณ์เสริมที่ทำให้ชาร์จไฟไปพร้อม ๆ กับ Live ได้
คำถามนี้บางครั้งจะได้คำตอบก็ต่อเมื่อไปลองเล่นกล้องตัวโชว์ที่หน้าร้าน บางคนไปลองพับหน้าจอแสดงผลของกล้องแล้วอยากได้กล้องจอพับได้ หรือบางคนอาจกลัวกล้องพังเพราะพับหน้าจอบ่อย ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ความชอบของแต่ละคนจริง ๆ
แม้กล้องมิเรอร์เลสจะมีทั้งรุ่นระดับพื้นฐาน ระดับกลาง ระดับโปร
แต่ส่วนใหญ่ก็มีขนาดพอเหมาะ พกพาและถือใช้งานสะดวกกว่ากล้อง DSLR
ภาพจาก : https://www.maxpixel.net/Photo-camera-Camera-Mirrorless-Sony-Digital-4123304
แต่ถ้าใครไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองต้องการกล้องแบบไหน ลองอ่านนิยามด้านล่าง เผื่อจะเจอกับข้อความที่บ่งบอกความเป็นคุณ และช่วยประกอบการตัดสินใจที่ง่ายขึ้น
กล้องมิเรอร์เลส เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความคล่องตัวในการถ่ายภาพและวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์, บล็อกเกอร์, ช่างภาพและวิดีโอบางสายงานที่ต้องการความสะดวก รวดเร็วขณะทำงาน หรือแม้แต่ผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการกล้องดิจิทัลเพิ่มเติมจากกล้องมือถือ อยากได้ภาพที่ดูสด คมชัด เห็นปุ๊บรู้เลยว่าใช้กล้อง
โดยกล้องมิเรอร์เลสส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้มีขนาดพกพาสะดวก น้ำหนักกำลังดี คุณภาพภาพถ่ายและวิดีโออยู่ในระดับดี เปลี่ยนเลนส์ได้ หากใช้งานต่อเนื่องสามารถเตรียมแบตเตอรี่สำรองไว้ได้ หรือบางรุ่นใช้งานร่วมกับ Powerbank ได้เลย แถมยังใช้ร่วมกับไมโครโฟน แฟลชภายนอก ขาตั้ง กิมบอลและอื่น ๆ ที่ช่วยให้ภาพและวิดีโอมีความสมบูรณ์ที่สุด
ภาพจาก : https://pxhere.com/en/photo/1553693
เดิมทีแล้ว กล้อง DSLR มักแบ่งแยกจากกล้องดิจิทัลคอมแพคต์ (Digital Compact Camera) โดยสิ้นเชิง เพื่อแบ่งว่าผู้ใช้งานทั่วไปไปใช้กล้องคอมแพกต์ ส่วนใครที่เป็นช่างภาพมืออาชีพหรือกำลังฝึกปรือฝีมือ ก็ใช้กล้อง DSLR แต่เมื่อมีกล้องมิเรอร์เลสเข้ามาในตลาด ทำให้ส่วนแบ่งตลาดเปลี่ยนไป รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช้กล้อง DSLR ก็ลดลง
ปัจจุบัน ผู้ใช้ที่เหมาะกับกล้อง DSLR ก็คือช่างภาพระดับมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพสูงสุด ภายในระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเทคโนโลยีกล้องใหม่ ๆ ได้ภาพสวย คมชัดที่รวดเร็ว แม่นยำ แม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขันที่ยากต่อการจัดองค์ประกอบภาพ และแน่นอนว่าเหมาะกับผู้ที่ไม่ซีเรียสเรื่องขนาดและน้ำหนักของตัวกล้องที่ใหญ่กว่า หนักกว่า พกพายากกว่ากล้องมิเรอร์เลส
แล้วมือใหม่อยากเป็นช่างภาพ ใช้กล้อง DSLR ได้ไหม ? แน่นอนว่าได้ หากมีความตั้งใจที่จะเป็นช่างภาพจริง ๆ ก็ต้องฝึกฝีมือกับอุปกรณ์ของจริงให้คุ้นชิน แต่ไม่ว่าจะเลือกกล้องประเภทไหนก็ตาม สิ่งที่ผู้รักการถ่ายภาพ ไปจนถึงช่างภาพมือโปรต้องหมั่นฝึกฝนอยู่เสมอก็คือ การใช้กล้องให้คล่องมือ แล้วถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ผ่านภาพถ่ายออกมา
|
Web Content Editor ท่านหนึ่ง นิยมการเล่นมือถือเป็นชีวิตจิตใจ |