เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในด้านการสื่อสารทางไกล ทุกคนมักจะนึกถึง การใช้งานโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต (Internet) ซึ่งเป็นสื่อกลางที่สามารถเข้าถึงผู้คนได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด ทำให้มนุษย์เราสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างสะดวกมากขึ้น
สำหรับ "VoIP" (ย่อมาจากคำว่า "Voice Over Internet Protocol") ถือเป็นหนึ่งใน เทคโนโลยีที่จับสองสิ่งนั้นมารวมกันต่อยอดกลายเป็นระบบการสื่อสารรูปแบบใหม่ ที่มีอินเทอร์เน็ตตัวกลาง ซึ่งเราจะมาอธิบายกันในบทความว่ามันทำงานอย่างไร และมีการใช้งานในรูปแบบไหนได้บ้าง ?
คำว่า VoIP ย่อมาจากเป็น ระบบการโทรผ่านอินเทอร์เน็ต หรือก็คือเป็นการประยุกต์ระบบอินเทอร์เน็ตเอามาใช้เป็นสื่อกลางสำหรับการสื่อสารในรูปแบบเสียง ให้คุณสามารถโทรออกและพูดคุยกันบนสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้
ซึ่งแต่เดิมที่เราใช้เป็นระบบเครือข่ายโทรศัพท์สวิตซ์สาธารณะ หรือ Public Switched Telephone Network (PSTN) มันจะมีค่าใช้จ่ายเวลาโทรทุกครั้ง ยิ่งเวลาโทรทางไกล ก็จะยิ่งมีต้นทุนที่สูง และถึงแม้ปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนมาใช้มือถือกันมากขึ้น แต่ก็แค่เป็นการเพิ่มความสะดวก ต้นทุนในการใช้งานเราก็ยังมีอยู่
ในขณะที่การใช้ VoIP เหมือนทำให้เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน สามารถใช้การโทรคุยผ่านอินเทอร์เน็ตได้เลย และด้วยความที่ทั่วโลกมีอินเทอร์เน็ตใช้งานอย่างแพร่หลายกันอยู่แล้ว ก็ทำให้ VoIP จึงสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นระบบการสื่อสารที่ใคร ๆ ก็นิยมเพราะช่วยประหยัดได้มากขึ้น
ที่มาภาพ : https://blog.tmcnet.com/blog/tom-keating/assets_c/2011/06/vocaltec-internet-phone-thumb-572xauto-9346.jpg
ต้นกำเนิดของ VoIP ต้องย้อนไปถึงปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) Vocaltec Internet Phone ซอฟต์แวร์ตัวแรกของโลกที่มีระบบ VoIP ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย Alan Cohen และ Lior Haramaty ผู้ก่อตั้งบริษัท Vocaltec สัญชาติอิสราเอล ผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีโทรคมนาคม
Vocaltec Internet Phone เป็นซอฟต์แวร์ที่เกิดจากแนวคิด ที่ต้องการลดต้นทุนการใช้ระบบโทรศัพท์แบบดั้งเดิมเพื่อติดต่อทางไกล พวกเขาได้พัฒนาตัวรับส่งและแปลงเสียงเป็นข้อมูลดิจิทัล (Audio Transceiver) ออกมาได้ ทำให้สามารถใช้ระบบสื่อสารด้วยเสียงบนเครือข่ายของอินเทอร์เน็ต
ซึ่งซอฟต์แวร์ดังกล่าวถูกวางขายในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) โดยมีฟีเจอร์ที่เรียบง่ายคือให้คุณสามารถโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยใช้ ไมโครโฟน และ ลำโพงจากคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตามเงื่อนไขคือ ผู้ใช้งานทั้งสองฝั่งต้องโทรผ่านซอฟต์แวร์ Vocaltec Internet Phone เหมือนกันถึงจะสามารถโทรติด
จากนั้นในปีต่อ ๆ มา Vocaltec ก็ค่อย ๆ พัฒนาระบบที่ทำให้สามารถโทรแบบ VoIP จากคอมพิวเตอร์ สู่ โทรศัพท์ หรือ จากโทรศัพท์ สู่ โทรศัพท์ได้ โดยออกแบบอุปกรณ์อะแดปเตอร์ (Adaptor) เพื่อเชื่อมต่อโทรศัพท์และใช้แปลงสัญญาณ
ที่มาภาพ : https://siscalopasi.blogspot.com/2017/01/vocaltec-internet-phone.html
หลังจาก Vocaltec Internet Phone ปรากฏตัวขึ้นในอุตสาหกรรมได้สักพัก ก็เหมือนเป็นการจุดประกายขึ้นมา ทำให้ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรศัพท์และเครือขา่ยโทรคมนาคม พยายามทำตามและพัฒนาทั้งคุณภาพ และ ต้นทุน ส่งผลให้สินค้าที่เกี่ยวกับระบบ VoIP ถูกวางจำหน่ายเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เช่น เครื่องแปลงสัญญาณ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Analog Telephone Adapter (ATA) และ โทรศัพท์บ้านที่ใช้ VoIP ได้แบบ built-in เรียกว่า IP Phone
โดยในปัจจุบันการพัฒนาของระบบอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็ว และ แรงมากขึ้น ก็เปรียบเสมือนตัวเร่งประสิทธิภาพ VoIP ยิ่งการส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตมีเสถียรภาพมากเท่าไหร่ VoIP ก็ยกระดับคุณภาพตามได้อย่างก้าวกระโดด โดยระบบ VoIP ได้กลายเป็นระบบสื่อสารพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะภายในองค์กรธุรกิจสามารถพบเห็นได้ทั่วไป เพราะมีการนำมาใช้เป็นระบบโทรศัพท์ของสำนักงานด้วยเพื่อติดต่อสื่อสารภายในองค์กร และ นอกองค์กรได้แบบประหยัดต้นทุน
พื้นฐานการใช้งาน VoIP เราต้องเข้าก่อนว่า การทำงานของมันเป็นอย่างไร โดยสามารถอิงตามกระบวนส่งข้อมูลบนระบบอินเทอร์เน็ตได้ เพราะปกติแล้วข้อมูลต่าง ๆ ที่สื่อสารกันบนโลกอินเทอร์เน็ตจะถูกแปลงเป็นหน่วยย่อยที่เรียกว่า แพ็กเกจ (Packet) และใช้ ชุดข้อบังคับอินเทอร์เน็ต (Internet Protocol) ในการส่งไปยังปลายทาง
ส่วน VoIP แค่เปลี่ยนจากข้อมูลที่เป็นประเภทอื่น ๆ มาเป็นข้อมูลเสียง โดยสัญญาณเสียงจะถูกแปลงจากสัญญาณอนาล็อกด้วยอุปกรณ์เครือข่ายสำหรับ VoIP (Packet Switching, IP Phone และ ATA Adapters) ให้กลายเป็นสัญญาณดิจิทัลและอยู่ในรูปแบบแพ็กเกจเหมือนกัน พร้อมอาศัย โปรโตคอล SIP (Session Initiation Protocol) ในการเป็นตัวส่งสัญญาณบนโลกอินเทอร์เน็ตไปยังปลายทางก่อนที่อุปกรณ์ปลายทางจะแปลงสัญญาณดิจิทัลกลับมาเป็นสัญญาณอนาล็อกให้เสียงที่ปลายสายจะได้ยิน นั่นเอง
ภาพจาก : https://getvoip.com/library/what-is-voip/
ถ้าเป็นระบบโทรศัพท์ VoIP ในบ้าน ความจริงจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ และคนทั่วไปยังใช้เป็นโทรศัพท์แบบ Analog กันอยู่เลย เหตุผลเพราะว่า ยุคสมัยของเทคโนโลยีมันเติบโตไวเกินไป โดยเฉพาะการมาของสมาร์ทโฟน ก็ทำให้ไม่มีใครมานั่งสนใจว่าโทรศัพท์บ้านจะโทรออกได้ถูกหรือแพงแค่ไหน ซึ่งถ้าคุณอยากจะใช้งานจริง ๆ ก็มีขั้นตอนที่ต้องทำอยู่ไม่กี่อย่าง
ภาพประกอบ : https://getvoip.com/uploads/ip-phones-header.png
หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้าเราเปลี่ยนโทรศัพท์บ้านให้โทรผ่านเน็ตได้แล้ว จะติดต่อกับโทรศัพท์ที่เป็นอนาล็อกได้ไหม คำตอบก็คือได้ไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับในทางตรงข้าม ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าคู่สายจะมี VoIP เหมือนเราหรือไม่ อันที่จริงเบอร์โทรสำนักงานต่าง ๆ หรือระบบ Call Center ของหลายองค์กรในปัจจุบัน ก็มีการใช้ระบบ VoIP ติดต่อกับลูกค้าภายนอก ที่เป็นทั้ง 2 แบบได้อยู่แล้ว
ภาพจาก : https://www.pcnetworked.com/wp-content/uploads/2017/12/voip-phone-services-miami-south-florida-862x558.png
ถ้าหากพูดในระดับธุรกิจ ระบบ VoIP นั้นค่อนข้างได้รับความนิยมมากแตกต่างจากการใช้งานส่วนบุคคล หนึ่งเพราะต้นทุนในการใช้โทรศัพท์ของแต่ละองค์กรนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูง ระบบ VoIP เป็นตัวช่วยส่วนหนึ่งที่จะลดต้นทุนได้ โดยไม่ต้องเดินสายโทรศัพท์แบบดั้งเดิม ช่วยประหยัดค่าโทร และสามารถปรับแต่งคุณสมบัติขั้นสูงที่เพิ่มความยืดยุ่นในระบบโทรศัพท์ขององค์กร เช่น ระบบ Softphone ที่มักจะเป็นฟีเจอร์พ่วงมากับระบบโทรศัพท์แบบ VoIP ทำให้คุณสามารถรับการติดต่อจากโทรศัพท์ตั้งโต๊ะบนมือถือได้ เป็นต้น
ถ้าองค์กรสนใจ การใช้งาน VoIP ในระดับธุรกิจจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบใหญ่ ๆ คือ On-Premise Software และ Hosted Software (แบบคลาวด์)
On-Premise Software ความหมายก็คือการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน และ วางระบบซอฟต์แวร์ VoIP ภายในสำนักงาน หากคุณเป็นองค์กรใหญ่ อาจเลือกใช้วิธีนี้ เนื่องจากสามารถจัดระบบความปลอดภัย และ ระบบที่ต้องการด้วยตัวเองได้ แต่ก็ต้องมีการดูแลเซิร์ฟเวอร์ และ จัดการค่าบำรุงรักษาเอง
ในขณะที่ Hosted Software คือการใช้ระบบ VoIP บนคลาวด์เซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ VoIP เหมาะกับองค์กรขนาดเล็ก ที่ไม่ต้องการลงทุนในฮาร์ดแวร์เอง ยุคใหม่ของ VoIP
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสรุปว่า VoIP นั้นใช้ทดแทนในระบบโทรศัพท์บ้าน และ โทรศัพท์องค์กรเท่านั้น แต่ที่จริงแล้ว VoIP นั้นอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด
ถ้าวันนี้คุณเปิดเข้าไปใน แอปพลิเคชัน LINE หรือ แอป Facebook Messenger แล้วกดโทรหาผู้ติดต่อผ่าน Account นั่นก็คือระบบ VoIP ที่ผู้พัฒนาได้ใส่เข้ามาบนแอปพลิเคชันทำให้เราสามารถโทรคุยด้วยเสียงผ่านซอฟต์แวร์ของเขาได้ นอกจากนี้ตัว LINE เองยังมีฟีเจอร์หนึ่งที่เรียก LINE Out หากคุณเติมเงิน (Call Credit) ลงไปคุณสามารถใช้ LINE ในการโทรหาผู้ติดต่อแบบทางไกลไปต่างประเทศ ด้วยเบอร์โทรศัพท์พื้นฐานได้ด้วย สิ่งนี้ก็คือระบบ VoIP เหมือนกัน
แล้วอะไรอีกบ้างที่ใช้ระบบ VoIP ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมประชุมออนไลน์ผ่านวิดีโอ (Meeting Video Conference), เกมออนไลน์ก็มี และ โปรแกรม Skype ซึ่งต้องบอกว่าจริง ๆ แล้ว Skype ถือเป็นบริการ VoIP แรกเลยที่เปิดให้เราสามารถใช้งานได้ฟรี ๆ บนแพลตฟอร์มของเขา จะเห็นว่านวัตกรรม VoIP นั้นไม่ได้อยู่แค่ในกรอบของคำว่าระบบโทรศัพท์ แต่มันถูกพัฒนาขึ้นมาแตกย่อยไปใช้ประโยชน์ในเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกหลายอย่างเลยทีเดียว
|
งานเขียนคืออาหาร ปลายปากกา ก็คือปลายตะหลิว |