ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
THAIWARE.COM | ทิปส์ไอที
 

บริการ Cloud แบบ IaaS, PaaS, SaaS, DaaS และ On-Premise คืออะไร ? มีการทำงานอย่างไร ? และ แตกต่างกันอย่างไร ?

บริการ Cloud แบบ IaaS, PaaS, SaaS, DaaS และ On-Premise คืออะไร ? มีการทำงานอย่างไร ? และ แตกต่างกันอย่างไร ?

เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 22,825
เขียนโดย :
0 %E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3+Cloud+%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A+IaaS%2C+PaaS%2C+SaaS%2C+DaaS+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0+On-Premise+%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F+%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0+%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

บริการ Cloud แบบ IaaS, PaaS, SaaS, DaaS และ On-Premise คืออะไร ? มีการทำงานอย่างไร ? และ แตกต่างกันอย่างไร ?

การวางระบบแม่ข่าย หรือ เซิร์ฟเวอร์ (Server) ของบริษัทนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการประกอบธุรกิจต่าง ๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับ เครื่องเซิร์ฟเวอร์เก็บไฟล์ (Files Server) ที่ช่วยในการจัดเก็บเอกสารและข้อมูลสำคัญ ๆ ของบริษัทเอาไว้บน Server กลางที่ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลร่วมกันได้ อีกทั้งยังสามารถเสริมความปลอดภัยของข้อมูลไม่ให้รั่วไหลไปสู่ภายนอกได้อีกต่างหาก ซึ่งการวางระบบ Server นั้นก็มีให้เลือกใช้งานด้วยกัน 2 รูปแบบใหญ่ ๆ ด้วยกัน ได้แก่ ระบบ Server แบบ On-Premise และระบบ Server แบบ On-Cloud

บทความเกี่ยวกับ Cloud Computing อื่นๆ

เนื้อหาภายในบทความ

ระบบ Server แบบ On-Premise และระบบ Server แบบ On-cloud
ภาพจาก : https://www.integrate.io/blog/cloud-vs-onpremise/

ระบบ Server แบบ On-Premise คืออะไร ?

On-Premise เป็นระบบ Server รูปแบบดั้งเดิมที่มีการติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ Server ไว้ในบริษัทที่ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่อยู่บนคอมพิวเตอร์ส่วนกลางได้ โดยทางบริษัทสามารถที่จะเลือกใช้งานและจัดสเปคของ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) และ ซอฟต์แวร์ (Software) ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ (Operating System), อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage Device), เครือข่ายภายใน (Intranet), ระบบ Virtual, เครื่องกลาง (Middleware), เวลาการใช้งานระบบ (Runtime), ข้อมูล (Data) และแอปพลิเคชัน หรือซอฟต์แวร์ (Application or Software) ภายในบริษัทเองก็สามารถออกแบบเองได้อย่างเต็มที่

ตู้ Server ของระบบ On-Premise
ภาพจาก : https://usersnap.com/blog/wp-content/uploads/2015/12/cloud-vs-on-premise-hosting-saas.jpg

จะเห็นได้ว่าการวางระบบ Server แบบ On-Premise นั้น ทางบริษัทจะต้องเป็นผู้จัดการดูแล "ทุกอย่าง" ด้วยตนเอง จึงทำให้การวางระบบในรูปแบบนี้มีค่าใช้จ่ายโดยรวมค่อนข้างสูง เพราะทางบริษัทจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งการดูแลอัปเกรดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์, การลงระบบซอฟต์แวร์ และการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลในระบบ อีกทั้งยังต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาดูแลระบบทั้งหมดอีกด้วย

ข้อดี

  • ไม่จำเป็นต้องใช้งานอินเทอร์เน็ตในการเข้าถึงไฟล์ต่าง ๆ 
  • ข้อมูลถูกเก็บเป็นความลับภายในองค์กรเท่านั้น
  • สามารถจัดการโครงสร้าง Server ภายในได้ในทุกภาคส่วน

ข้อสังเกต

  • ค่าใช้จ่ายโดยรวมสูง ต้องดูแลฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ด้วยตนเองทั้งหมด
  • จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ในการดูแลระบบ
  • ปรับเพิ่ม - ลดขนาดของ Server ได้ยาก ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมดเท่านั้น
  • มีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหายสูง เพราะข้อมูลถูกเก็บไว้บนฮาร์ดแวร์ของบริษัทเท่านั้น หากเครื่อง Server ติดไวรัสก็อาจทำให้ข้อมูลสูญหายได้

 

ระบบ Server แบบ On-Cloud คืออะไร ?

ระบบ Server แบบ On-Cloud หรือ การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) เป็นบริการ Server ที่ให้บริการโดย "บริษัทอื่น" ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ เพราะทางบริษัทสามารถเช่าใช้งานเครื่อง Server ของผู้ให้บริการ Cloud ในการจัดเก็บและจัดการข้อมูลได้จากระยะไกล (Remote) แบบออนไลน์

ข้อมูลเพิ่มเติม : Cloud Computing คืออะไร ? มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ? และ มีข้อดีข้อเสีย อย่างไร ?

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จาก "ทุกที่ ทุกเวลา" ที่มี อินเทอร์เน็ต (Internet) ดังนั้นการใช้งาน Server รูปแบบนี้จึงได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน เพราะหากเทียบกับการใช้งานระบบ On-Premise ที่ต้องดูแลทุกอย่างด้วยตนเองแล้ว การทำงานของระบบ Cloud นั้นช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

โดยบริการ Server แบบ On-Cloud นั้นก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานทั้ง IaaS, PaaS, SaaS และ DaaS ที่มีความแตกต่างกันออกไปตามรูปแบบการให้บริการ ดังต่อไปนี้

IaaS คืออะไร ?

IaaS (Infrastructure as a Service) เป็นบริการ Cloud Computing ที่ผู้ใช้งานจะสามารถเลือกปรับแต่งโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ของระบบได้ตามต้องการ เช่น CPU, RAM, Storage จัดเก็บข้อมูล, เครือข่าย Network, Bandwidth หรือ Hosting Server โดยทางผู้ให้บริการ IaaS จะเป็นเจ้าของเครื่อง Server ที่สามารถเลือกเช่าใช้ได้ตามสะดวก ซึ่งผู้ใช้บริการก็จะต้องเป็นผู้ลงระบบปฏิบัติการ, ซอฟต์แวร์ และพัฒนาแอปพลิเคชันต่าง ๆ ขึ้นบน Virtual Machine ด้วยตนเอง รวมถึงต้องเป็นผู้จัดการและควบคุมดูแลระบบหลังบ้านด้วย

ระบบ Cloud แบบ IaaS
ภาพจาก : https://financesonline.com/what-is-iaas/

โดยบริการ Cloud รูปแบบนี้นั้นจะมีการจัดเก็บข้อมูลบน Server ของ IaaS ที่ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลผ่าน Dashboard หรือ APIs บนเครื่องจำลอง (Virtual Machine) ได้อย่างอิสระ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีฮาร์ดแวร์เป็นของตัวเองแต่อย่างใด ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของการซ่อมบำรุงและดูแลฮาร์ดแวร์ไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

บริการ IaaS สามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการทำ เว็บแอปพลิเคชัน (Web Application), ประมวณผล Big Data, รัน CRM (Customer Relationship Management), จัดเก็บข้อมูล, Backup, สร้างแผนกู้คืนข้อมูล (Disaster Recovery) หรือบริการอื่น ๆ ตามความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ IaaS

ข้อดี

  • ผู้ใช้บริการ IaaS สามารถควบคุมและจัดการวางโครงสร้างในระบบหลังบ้านได้ตามต้องการ
  • ปรับลด - เพิ่มขนาดได้ง่าย จึงเหมาะกับบริษัทตั้งแต่ระดับ Startup ไปจนถึงองค์กรใหญ่ ๆ 
  • ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ เนื่องจากเป็นการจ่ายเงินตามบริการที่ต้องการใช้งาน
  • ย้ายข้อมูลไปยังแพลทฟอร์มรูปแบบอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก
  • เข้าใช้งานได้พร้อม ๆ กันบนอุปกรณ์หลายเครื่อง
  • ผู้ให้บริการ IaaS ให้การดูแลด้านฮาร์ดแวร์ทั้งหมด ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและเปลี่ยนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่

ข้อสังเกต

  • ต้องจัดการดูแลซอฟต์แวร์ภายในระบบด้วยตัวเองทั้งหมด จึงอาจต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูแลระบบหลังบ้าน หรือต้องศึกษาเกี่ยวกับการทำระบบหลังบ้านด้วยตนเอง
  • Virtual Machine ของผู้ใช้จะมีการทำงานบนฮาร์ดแวร์ที่แชร์กับองค์กรอื่น ๆ จึงมีโอกาสที่ข้อมูลอาจรั่วไหลไปภายนอกได้หากมีการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่รัดกุมมากพอ
  • ต้องคอยอัปเดตความปลอดภัยและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ด้วยตนเอง

 

ตัวอย่างบริการ IaaS

  • Amazon Elastic Compute Cloud (EC2)
  • Cisco Metacloud
  • DigitalOcean
  • Google Compute Engine
  • Hortonworks Data Platform
  • Rackspace

ตัวอย่างระบบ Cloud แบบ IaaS
ภาพจาก : https://static.javatpoint.com/cloudpages/images/iaas2.png

PaaS คืออะไร ?

PaaS (Platform as a Service) เป็นบริการบนคลาวด์ (Cloud Service) อีกชนิดหนึ่ง ที่ผู้สมัครใช้บริการสามารถที่จะ "ยืม" ใช้งานเครื่องมือฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างแอปพลิเคชันเป็นของตนเองได้ และเนื่องจากเป็นบริการบนอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก ผู้ใช้บริการจึงไม่ต้องกังวลในเรื่องของการจัดเก็บและจัดการข้อมูล รวมไปถึงการอัปเดตความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการต่าง ๆ เพราะทางผู้ให้บริการ PaaS จะเป็นผู้ให้การดูแลในส่วนนี้ ผู้ใช้บริการ PaaS จึงสามารถมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาตัวแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ของตนเองได้อย่างเต็มที่

ระบบ Cloud แบบ PaaS
ภาพจาก : https://arrowtheme.com/iaas-vs-paas-vs-saas-what-are-differences/

โดยส่วนมากแล้วผู้ใช้บริการ PaaS มักเป็น Developer ที่ต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันเป็นของตนเองแต่ต้องการเครื่องมือช่วยทุ่นแรง เพราะผู้ให้บริการ PaaS จะเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถยืมใช้งาน Framework และเครื่องมือต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิมเพื่อนำเอามาปรับแต่งและสร้างเป็นแอปพลิเคชันของตนเองได้ แต่ยังต้องใช้ความสามารถและความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคอยู่บ้าง บางครั้งอาจพบบริการ PaaS ที่สร้างขึ้นบนแพลทฟอร์มของ IaaS เพื่อลดความจำเป็นในการดูแลระบบลง

ข้อดี

  •  ผู้ให้บริการ PaaS จะช่วยดูแลในเรื่องการอัปเดตซอฟต์แวร์ ระบบปฏิบัติการและความปลอดภัยต่าง ๆ จึงสามารถให้ความสนใจกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้เต็มที่
  • สามารถเข้าใช้งานได้พร้อมกันผ่านอุปกรณ์หลายเครื่อง
  • มีเครื่องมือตัวช่วยในการจัดการและพัฒนาแอปพลิเคชัน ช่วยประหยัดเวลาในการพัฒนาแอปพลิเคชัน
  • สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานของแอปพลิเคชันแบบผสม (Hybrid) (Public/Private) ได้

ข้อสังเกต

  • ไม่สามารถควบคุมโครงสร้างและระบบหลังบ้านทั้งหมดได้
  • ข้อมูลถูกจัดเก็บไว้กับผู้ให้บริการ PaaS จึงมีความเสี่ยงที่ข้อมูลของผู้ใช้แอปพลิเคชันจะรั่วไหลได้หากผู้ให้บริการ PaaS ไม่มีมาตรการรับมือที่ดีพอ
  • มีฮาร์ดแวร์ให้เลือกใช้งานได้อย่างจำกัดและน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ IaaS

 

ตัวอย่างบริการ PaaS

  • AWS (Amazon Web Services)
  • Apprenda
  • Github
  • Google App Engine
  • Heroku
  • Red Hat Openshift
  • Microsoft Azure
  • VMware

ตัวอย่างระบบ Cloud แบบ PaaS
ภาพจาก : https://static.javatpoint.com/cloudpages/images/paas2.png

SaaS คืออะไร ?

SaaS (Software as a Service) เป็นบริการที่น่าจะคุ้นหูคุ้นตากันมากที่สุด เนื่องจากเป็นบริการ Cloud แบบสำเร็จรูปแบบพร้อมใช้งานที่ผู้ให้บริการเป็นผู้ดูแลโครงสร้างและแพลทฟอร์มทั้งหมดของบริการ Cloud ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรต่าง ๆ ที่ไม่เชี่ยวชาญก็สามารถใช้งานได้อย่างง่าย ๆ เพียงแค่สมัครแอคเคาท์ขึ้นมาและสมัครใช้บริการก็สามารถใช้งานระบบ Cloud ได้ทันที (บางครั้งอาจพบว่าระบบ SaaS รันบน PaaS อีกทีหนึ่งด้วย)

ระบบ Cloud แบบ SaaS
ภาพจาก : https://dev.to/caffiendkitten/iaas-paas-saas-982

โดยระบบของ SaaS จะมีการทำงานบนอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้สามารถเข้าถึงบริการได้จากทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งแอปพลิเคชันก็สามารถใช้งานได้ผ่าน  โปรแกรมเปิดเว็บ หรือ เว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) เพราะมันทำงานในรูปแบบของ เว็บแอปพลิเคชัน (Web Application หรือ Web App) แต่บางบริการก็มีซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันให้สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งด้วยตัวเองบนเครื่องได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญ เป็นบริการที่ช่วยทำให้ประหยัดเวลาและกำลังคนในการพัฒนาระบบไปได้ค่อนข้างมากทีเดียว

ข้อดี

  •  สามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์, ทุกที่ ทุกเวลาหากมีอินเทอร์เน็ต
  • ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมี Developer หรือผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาแอปพลิเคชันขึ้นมาใช้งานเอง ก็สามารถใช้งานบริการได้อย่างลื่นไหล
  • ไม่ต้องดูแลฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ด้วยตัวเอง
  • ทราบจำนวนเงินที่แน่นอนที่ต้องจ่ายเพื่อสมัครใช้บริการ จึงสามารถควบคุมงบประมาณที่ใช้จ่ายไปกับการใช้งานระบบ Cloud ได้

ข้อสังเกต

  •  สามารถใช้งานได้เฉพาะฟีเจอร์ต่าง ๆ ของซอฟต์แวร์ที่มีอยู่เดิม ไม่สามารถเพิ่มหรือปรับแต่งแก้ไขซอฟต์แวร์ในระบบได้
  • เป็นสมาชิกของบริการ ไม่ได้เป็นเจ้าของแอปพลิเคชันโดยตรง
  • ไม่สามารถย้ายข้อมูลไปยังบริการหรือแพลทฟอร์มอื่นได้

 

ตัวอย่างบริการ SaaS

  • Adobe Creative Cloud
  • DocuSign
  • Dropbox
  • Google Apps
  • Microsoft 365
  • Paypal
  • Slack

ตัวอย่างระบบ Cloud แบบ SaaS
ภาพจาก : https://www.coderus.com/wp-content/uploads/2020/10/examples-of-software-as-a-service-saas-by-coderus.jpg

ระบบ Cloud แบบ DaaS คืออะไร ?

DaaS (Desktop as a Service) นั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "Cloud PC" เป็นระบบ Cloud Computing ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อผู้ใช้งานแบบ End User โดยเฉพาะ โดยผู้ใช้จะสามารถเช่าใช้งาน Virtual Machine ที่มี "สเปค" สูงกว่าเครื่องฮาร์ดแวร์ที่เรากำลังใช้งานอยู่ได้ โดยสามารถปรับแต่งและเลื่อกใช้งานได้ทั้ง CPU, RAM, Storage, ระบบปฏิบัติการ และสเปคอื่น ๆ ได้อย่างอิสระ

ระบบ Cloud แบบ DaaS
ภาพจาก : https://www.acecloudhosting.com/blog/best-daas-providers/

ข้อดี

  • สามารถปรับแต่งสเปคของคอมพิวเตอร์ที่ต้องการใช้งานได้อย่างอิสระ
  • ประหยัดเงินในส่วนของการซื้อและดูแลอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์
  • ใช้งาน Virtual Machine ในระบบปฏิบัติการใดก็ได้
  • ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางเทคนิคก็สามารถใช้งานได้เพียงแค่สมัครบริการเท่านั้น

ข้อสังเกต

  • ใช้งานได้เฉพาะพื้นที่ที่อินเทอรืเน็ตเข้าถึงเท่านั้น
  • หากระบบ Server ของผู้ให้บริการ DaaS ล่มก็จะไม่สามารถใช้งานได้
  • ไม่ได้เป็นเจ้าของแอปพลิเคชันหรือบริการนั้น ๆ โดยตรง จึงไม่สามารถปรับแต่งฟีเจอร์ภายในได้

 

ตัวอย่างบริการ DaaS

  • Amazon Workspaces
  • Citix Managed Desktops
  • Cloudize DaaS
  • DinCloud Din Workspace
  • Elove IP Workspaces
  • Microsoft Windows Virtual Desktop
  • Microsoft 365
  • VMware Horizon Cloud

ตัวอย่างบริการ DaaS
ภาพจาก : https://searchvirtualdesktop.techtarget.com/definition/desktop-as-a-service-DaaS

ความแตกต่างของบริการ On Premise และ On-Cloud คืออะไร ?

ข้อแตกต่างหลัก ๆ ของบริการ On-Premise และ On-Cloud นั้นจะอยู่ที่ "Hardware" เป็นหลัก เพราะในขณะที่บริการ On-Premise ทางบริษัทจะต้องเป็นผู้จัดการและดูแลอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ด้วยตนเองแล้ว บริการ On-Cloud นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมีฮาร์ดแวร์หลักเป็นของตัวเองแต่อย่างใด

เปรียบเทียบความต่างของบริการ On Premise, On-cloud
ภาพจาก : https://www.stackscale.com/blog/cloud-service-models/

หรือจะเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ แล้วการใช้งานบริการ SaaS ก็คล้ายกับการรับประทานอาหารนอกบ้านที่ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร มีเพียงแค่เงินก็สามารถเลือกอาหารที่ถูกใจได้ แต่อาจมีข้อจำกัดตรงที่ไม่สามารถกำหนดวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหารและปริมาณอาหารได้, บริการ PaaS ก็คล้ายกับการกดสั่งอาหารมารับประทานที่บ้านที่ต้องมีพื้นที่ในการนั่งรับประทานอาหารภายในบ้าน, บริการ IaaS ก็คล้ายกับการซื้อวัตถุดิบสำเร็จรูปมาปรุงอาหารที่บ้าน ส่วน On Premise ก็เป็นการเลือกซื้อวัตถุดิบและปรุงอาหารด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน ในขณะที่ DaaS ก็เหมือนกับการ "ยืมครัว" ใช้งานในการทำอาหารต่าง ๆ นั่นเอง

สไลด์รูปภาพ

 เปรียบเทียบความต่างของบริการ On Premise, On-cloudเปรียบเทียบความต่างของบริการ On Premise, On-cloud

ภาพจาก : https://www.bigcommerce.com/blog/saas-vs-paas-vs-iaas/#executive-summary-summing-up-saas-vs-paas-vs-iaas และ shorturl.at/lyD08


ที่มา : www.bmc.com , archerpoint.com , www.bigcommerce.com , www.jamesserra.com , byobi.wordpress.com , blog.hubspot.com , www.morefield.com , www.stackscale.com , www.cloud-ace.sg , www.vmware.com , searchvirtualdesktop.techtarget.com

0 %E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3+Cloud+%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A+IaaS%2C+PaaS%2C+SaaS%2C+DaaS+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0+On-Premise+%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F+%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0+%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
สมาชิก : Member    สมาชิก
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่..
 
 
 

ทิปส์ไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น