แชร์หน้าเว็บนี้ :
วิธีเซ็นเอกสาร PDF หรือลงลายเซ็น PDF บน iPhone (How to sign a PDF Document on iPhone ?) แม้โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนจะไม่เข้าใจเหตุผลว่า ทำไมในยุคนี้ถึงยังต้องเซ็นรับรองเอกสารกันอยู่ ? แต่ในเมื่อบริษัทต่าง ๆ ห้างร้าน และหน่วยงานราชการส่วนใหญ่ ยังคงนิยมใช้งานกันอยู่เป็นจำนวนมาก เราก็คงต้องอยู่กับมันกันต่อไป อาจจะด้วยว่ามันเป็นวิธียืนยันตัวตนที่ทำได้ง่ายด้วยกระมัง
บทความเกี่ยวกับ PDF อื่นๆ
การเซ็นเอกสารในปัจจุบันนี้ หากไม่ใช่เอกสารสำคัญมาก เดี๋ยวนี้ก็สามารถเซ็นลงบน ไฟล์ PDF โดยตรงได้เลย ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ออกมาเซ็นด้วยลายเซ็นจริงด้วยน้ำหมึก (Wet Signature) เสมอไป โดยสามารถกดเซ็นจากบนสมาร์ทโฟนได้เลย ช่วยให้การเซ็นเอกสารสะดวกกว่าเดิมมาก
ในบทความนี้ จะมาแนะนำวิธีเซ็นเอกสารลง PDF บน iPhone มาศึกษากันว่าทำอย่างไร ? ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี
1. เซ็นเอกสาร PDF ผ่านแอป Files (Sign a PDF Document via Files Application) ในกรณีที่เรามีไฟล์ PDF เก็บอยู่บนแอป Files เราสามารถเซ็นเอกสารผ่านแอป Files ได้เลยโดยตรง ด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้
บน iPhone เปิด "แอป File" ขึ้นมา แตะเปิดไฟล์ PDF ที่ต้องการลงลายเซ็นขึ้นมา แตะที่ "ไอคอนรูปดินสอ" เพื่อสู่ "หน้าจอ Editor" แตะที่ "ไอคอน +" แล้วเลือก "เมนู Signature" เอานิ้วแตะเซ็นลายเซ็นบนหน้าจอ แตะ "เมนู Clear" หากต้องการแก้ไขใหม่ หากเรียบร้อยแล้วให้แตะที่ "เมนู Done" ลายเซ็นจะปรากฏบนเอกสารทันที ใช้นิ้วแตะลากปรับขนาด และวางลงในตำแหน่งที่ต้องการ เมื่อเรียบร้อยแล้ว แตะที่ "เมนู Done" เพื่อบันทึกไฟล์ เป็นอันเรียบร้อย
2. เซ็นเอกสาร PDF ผ่านแอป Safari (Sign a PDF Document via Safari Web Browser) ถ้าเราอ่านไฟล์ PDF บน เว็บเบราว์เซอร์ Safari อยู่ แล้วต้องการจะเซ็นเอกสารก็สามารถเซ็นผ่าน Safari ได้เลย ด้วยขั้นตอนที่ไม่ต่างจากการเซ็นผ่านแอป Files เท่าไหร่นัก โดยมีขั้นตอนดังนี้
บน iPhone ใน "เว็บเบราว์เซอร์ Safari" ที่เปิดไฟล์ PDF อยู่ แตะที่ "ไอคอน " แล้วตามด้วย "เมนู Markup" แตะที่ "ไอคอน +" แล้วเลือก "เมนู Signature" ถ้าเราเคยสร้างลายเซ็นไว้แล้ว ก็สามารถเลือกจากของเดิมที่มีอยู่ได้เลย แต่ถ้าต้องการสร้างใหม่ ก็ให้แตะที่ "เมนู Add or Remove Signature" แทน หากเรียบร้อยแล้วให้แตะที่ "เมนู Done" ลายเซ็นจะปรากฏบนเอกสารทันที ใช้นิ้วแตะลากปรับขนาด และวางลงในตำแหน่งที่ต้องการ เมื่อเรียบร้อยแล้ว แตะที่ "เมนู Done" จะมีแจ้งเตือนให้เราบันทึกไฟล์ แตะ "เมนู Save File To..." เพื่อบันทึกไฟล์ โดยเลือกได้ว่าจะบันทึกไว้ใน iCloud หรือใน iPhone ก็ได้ เป็นอันเรียบร้อย
3. เซ็นเอกสาร PDF ผ่านแอป Mail (Sign a PDF Document via Mail Application) ส่วนใหญ่แล้ว เราก็มักจะได้รับ PDF มาจากทางอีเมลนี่แหละ อาจจะเป็นลูกค้าส่งมา หรือพนักงานในบริษัทของคุณส่งมาขอลายเซ็นเพื่ออนุมัติ จึงไม่น่าแปลกใจที่เราสามารถเซ็น PDF ผ่านแอป Mail ได้โดยตรง
ใน "แอป Mail" ให้เราเปิดอีเมลที่มีไฟล์ PDF แนบมา แตะที่ PDF เพื่อดูพรีวิวไฟล์ แตะที่ "ไอคอน Markup" (ไอคอนรูปดินสอ) เพื่อเข้าสู่ "หน้า Editor" แตะที่ "ไอคอน +" แล้วเลือก "เมนู Signature" ถ้าเราเคยสร้างลายเซ็นไว้แล้ว ก็สามารถเลือกจากของเดิมที่มีอยู่ได้เลย แต่ถ้าต้องการสร้างใหม่ ก็ให้แตะที่ "เมนู Add or Remove Signature" แทน หากเรียบร้อยแล้วให้แตะที่ "เมนู Done" ลายเซ็นจะปรากฏบนเอกสารทันที ใช้นิ้วแตะลากปรับขนาด และวางลงในตำแหน่งที่ต้องการ เมื่อเรียบร้อยแล้ว แตะที่ "เมนู Done" จะมีให้เลือกว่าจะ "Reply All, New Message, Save to Files หรือ Discard Changes" ก็เลือกตามที่ต้องการใช้งานได้เลย
4. เซ็นเอกสาร PDF ผ่านแอป Notes (Sign a PDF Document via Notes Application) การใส่ลายเซ็น สามารถในแอป Notes ได้เช่นกัน
ใน "แอป Notes" ให้เราเปิดดู Notes ที่มีไฟล์ PDF ขึ้นมา แตะที่ "ไอคอน Markup" (ไอคอนรูปดินสอ) เพื่อเข้าสู่หน้า Editor แตะที่ "ไอคอน +" แล้วเลือก "เมนู Signature" ถ้าเราเคยสร้างลายเซ็นไว้แล้ว ก็สามารถเลือกจากของเดิมที่มีอยู่ได้เลย แต่ถ้าต้องการสร้างใหม่ ก็ให้แตะที่ "เมนู Add or Remove Signature" แทน หากเรียบร้อยแล้วให้แตะที่ "เมนู Done" ลายเซ็นจะปรากฏบนเอกสารทันที ใช้นิ้วแตะลากปรับขนาด และวางลงในตำแหน่งที่ต้องการ เมื่อเรียบร้อยแล้ว แตะที่ "เมนู Done" จะมีแจ้งเตือนให้เราบันทึกไฟล์ แตะ "เมนู Save File To..." เพื่อบันทึกไฟล์ โดยเลือกได้ว่าจะบันทึกไว้ใน iCloud หรือใน iPhone ก็ได้ เป็นอันเรียบร้อย จะเห็นได้ว่าการเซ็น หรือแก้ไข PDF บน iPhone เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ๆ เพราะเราสามารถเรียกใช้เครื่องมือ Markup ได้แทบทุกที่ของ iOS เลย ก็ลองไปประยุกต์ใช้งานกันดูนะ
ที่มา : www.maketecheasier.com