สำหรับ ระบบปฏิบัติการ Android ได้กลายเป็นขุมพลังในการทำงานให้กับอุปกรณ์หลายร้อยล้านเครื่องทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน (Smartphone), แท็บเล็ต (Tablet), อุปกรณ์ IoT (IoT Device), รถยนต์ (Car) ฯลฯ ซึ่งหนึ่งในภาพจำเมื่อเราคิดถึงคำว่า Android หลายคนก็น่าจะนึกถึงมาสคอตอย่างเจ้าหุ่นเขียว Bugdroid ที่อยู่คู่ขวัญกันมานานตั้งแต่ยุคเริ่มต้น
ต้องยอมรับว่าการออกแบบหุ่นยนต์ที่เป็นมาสคอนของระบบปฏิบัติการ Android นี้ ทำออกมาได้ดีทีเดียว มันลบภาพจำว่าหุ่นยนต์ต้องดูมีความจริงจังหน้าตาเหมือนมนุษย์ ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายดูเป็นมิตร สะท้อนภาพว่าระบบปฏิบัติการ Android นั้นใช้งานง่าย เหมาะกับผู้ใช้งานทุกคน
ในบทความนี้ก็เลยอยากจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับมาสคอตตัวนี้กันมากขึ้นกันเลย
อันที่จริงแล้ว ชื่อของมาสคอตนั้นไม่เคยมีการตั้งให้อย่างเป็นทางการ แต่มันเคยถูกเรียกว่า "Andy" ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจาก Andy Rubin ชื่อของผู้ที่สร้าง Android ขึ้นมา แต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าชื่อนี้มันมาจากชื่อนั้นจริงหรือเปล่า ? อย่างไรก็ตาม ทางทีมที่พัฒนา Android ได้เคยตอบคำถามนี้ในงาน Google I/O ปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) ว่า "เราไม่ได้ตั้งชื่อให้มันอย่างเป็นทางการ แต่พวกเราเรียกมันว่า Bugdroid" สามารถดูวิดีโอการตอบคำถามเรื่องชื่อนี้ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้
Bugdroid มาสคอตของ Android ถูกสร้างขึ้นมาโดยนักออกแบบที่ชื่อว่า Irina Blok ในระหว่างที่เธอทำงานอยู่ที่บริษัท Google โดยโจทย์ในขณะนั้นคือ การสร้างโลโก้ แบบ โอเพนซอร์ส (Open-source) เพื่อสำหรับใช้ในชุมชนนักพัฒนา ซึ่งด้วยความที่มันเป็น Open-Source นั่นหมายความว่า ไม่ว่าใครก็สามารถสร้างโลโก้ในแบบฉบับของตนเองขึ้นมาได้
ดีไซน์ Bugdroid ของ Blok นั้นเรียบง่าย แต่มีความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เสน่ห์ของมันทำให้มันไวรัลอย่างรวดเร็วในวงกว้าง ประสบความสำเร็จเกินกว่าที่ทางชุมชนนักพัฒนาได้คาดหวังเอาไว้ ด้วยความสำเร็จนี้ ทำให้ Irina Blok ได้ม๊โอกาสร่วมงานกับบริษัทในซิลิคอนแวลลีย์ ไม่ว่าจะเป็น Adobe, Apple, Facebook ฯลฯ
ด้วยความที่ Bugdroid นี้ถูกออกแบบมาแบบ Open-source และทาง Google ไม่เคยเคลมว่าเป็นเจ้าของ หรือออกกฏ Corporate Identity (CI) เพื่อควบคุมอัตลักษณ์ของโลโก้ มันจึงมีการนำ Bugdroid ไปออกแบบใหม่ต่ออย่างมากมายในธีมต่าง ๆ เช่น นินจา, โจรสลัด หรือแม้แต่แมว ภาพที่โด่งดัง และคุณน่าจะเคยผ่านตามาก็อย่างภาพ Bugdroid กัดแอปเปิล
ภาพจาก : https://medium.com/@tejapothkan/is-bugdroid-eating-away-the-half-bitten-apple-614ea0f9fea6
ความนิยมของมันทำให้มีสินค้า Merchandise ตามมาอีกมากมาย ทั้งสติกเกอร์, เสื้อยืด, พวงกุญแจ ฯลฯ ทาง Google ถึงกับเคยเปิดให้บริการ Androidify (ปัจจุบันปิดไปแล้ว) เว็บไซต์ที่ให้คุณออกแบบมาสคอต Android ในแบบที่คุณต้องการ
แม้ Bugdroid จะอยู่มามากกว่า 10 ปีแล้ว แต่ Bugdroid ก็ยังคงเป็นมาสคอตที่มีความทรงอิทธิพล ทุกคนที่เห็นจดจำมันได้ ทุกครั้งที่คิดถึงระบบปฏิบัติการ Android หน้า Bugdroid ก็ลอยมาอยู่เสมอ ทาง Google เองก็ดูเหมือนจะชื่นชอบเจ้า Bugdroid นี้อยู่ไม่ใช่น้อย เวลาที่ระบบปฏิบัติการ Android ออกเวอร์ชันใหม่ ก็มักจะสร้างรูปปั้น Bugdroid ออกมาตั้งหน้าแคมปัสด้วย หรือจะเป็นตอนที่ฉลองครบรอบ 10 ปี Google ก็ได้ทำมินิเกม ให้เราบังคับ Bugdroid บินเก็บของพร้อมกับหลบศัตรูไปด้วยออกมาให้เล่นกันขำ ๆ
ภาพจาก : https://www.neowin.net/news/google-unveils-new-lawn-statue-to-celebrate-the-release-of-android-90-pie/
Bugdroid มาสคอตที่เป็นไอโคนิคได้ถือกำเนิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ของ Irina Blok ที่เวลานั้นเธอทำงานเป็นดีไซเนอร์อยู่ที่ Google เธอเคยให้สัมภาษณ์กับ The New York Times เอาไว้ในปี ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) ว่าเธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากสัญลักษณ์ของผู้ชาย และผู้หญิง ที่มักจะปรากฏอยู่หน้าห้องสุขา อย่างไรก็ตาม ในภายหลังเธอได้ให้สัมภาษณ์กับ Insidder ว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง "มันเป็นแค่การสร้างบางสิ่งที่ทุกคนเห็นแล้วจะสามารถนึกถึงอีกสิ่งได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่นักพัฒนาส่วนใหญ่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว"
หน้าตามาสคอตที่เธอออกแบบนั้นไม่ได้ถูกแนะนำให้กับทีมของ Google โดยตรง แต่มันก็ไวรัลจนไปเข้าตาทีม และพนักงานของ Google อย่างรวดเร็ว
ดีไซน์นี้ถูกเผยแพร่แบบ Open-source โดยไม่ได้เป็นเครื่องหมายการค้า และมีกฏการใช้งานควบคุม เหมือนกับโลโก้ หรือมาสคอตของบริษัทส่วนใหญ่
ดีไซน์เริ่มต้นของ Bugdroid
ภาพจาก : https://blog.chinavasion.com/21586/the-story-behind-the-android-logo/
ถ้าจะให้เดาว่า Bugdroid ตัวไหนที่คนน่าจะเคยเห็นกันมากที่สุด (อย่างน้อยก็ในช่วงเริ่มต้นของระบบปฏิบัติการ Android) ก็น่าจะเป็น Bugdroid ที่ปรากฏอยู่บน Android Market เพราะมันเป็น App Store ของอุปกรณ์ Android โดยไอคอนของตัวแอปจะเป็นถุงช้อปปิ้งที่มีรูปหน้า Bugdroid โผล่มาตรงมุมล่างของถุง
ภาพจาก : https://www.howtogeek.com/901822/into-the-android-verse-the-history-of-the-android-robot/
อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) Google ได้เปลี่ยนชื่อ Android Market ใหม่เป็น "Google Play" โดยมันไม่ได้เป็นแค่ที่สำหรับดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่กลายเป็นร้านค้าดิจิทัลมีเดีย ที่มีเพลง, หนังสือ และวิดีโอ รวมด้วยอยู่ภายในนั้น ซึ่งนอกจากชื่อของมันจะเปลี่ยนไปแล้ว หน้าตาของไอคอนก็ถูกเปลี่ยนไปด้วย
Google เปิดตัวแอปพลิเคชัน Androidify ออกมาในปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) มันเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างหุ่นยนต์ Android ได้ในแบบของคุณเอง สามารถปรับแต่งสี, เสื้อผ้า และเครื่องประดับได้
;
โดยแอปพลิเคชัน Androidify เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "Be Together, Not the Same" (อยู่ด้วยกัน ไม่ต้องเหมือนกัน) ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์สื่อถึงการที่อุปกรณ์ Android มีหลายรุ่น หลายเวอร์ชัน แต่ก็ทำงานร่วมกันได้
น่าเสียดายที่แอปพลิเคชัน Androidify นั้น โดนถอดออกจาก Google Play ไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563)
CyanogenMod เป็นหนึ่งในคัสตอมรอมของระบบปฏิบัติการ Android ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ซึ่งในเวอร์ชันแรกมันได้ใช้โลโก้เป็น Bugdroid ไถสเก็ตบอร์ด โดยมีชื่อเรียกว่า "Andy" มันปรากฏตัวตามฟอรัมต่าง ๆ มากมาย และถูกใช้เป็นภาพบูตของ CyanogenMod อยู่นานหลายปี
ภาพจาก : https://www.howtogeek.com/901822/into-the-android-verse-the-history-of-the-android-robot/
โดยในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) ทีมผู้พัฒนา CyanogenMod ได้ตัดสินใจเปลี่ยน Andy ออก และแทนที่มันด้วยมาสคอตตัวใหม่ที่มีชื่อว่า "Cid" โดยทีมได้อธิบายผ่าน Blog เอาไว้ว่า "พวกเรารักในตัว Andy ผู้ซึ่งอยู่กับเรามาตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ที่ดูสนุกสนาน มันสะท้อนความห่ามสมัยที่เราเพิ่งเริ่มต้นโครงการนี้ ซึ่งเราเชื่อว่าในตอนนี้ เราเป็นมากกว่าแค่รอมสำหรับอุปกรณ์ Android ที่มีอยู่หลายล้านเครื่อง เราจึงรู้สึกว่า เราต้องลบภาพลักษณ์เดิม และนั่นจำเป็นต้องมีความเปลี่ยนแปลง"
อย่างไรก็ดี สุดท้าย CynaogenMod ก็ยุบทีมลงในปี ค.ศ. 2016 เนื่องจากปัญหาด้านรายได้ แต่มันก็ไม่ได้ตายจากไปโดยสิ้นเชิง โค้ดของ CyanogenMod ถูกนำมาพัฒนาต่อในชื่อ LineageOS ซึ่งก็ยังคงพัฒนาอยู่มาถึงปัจจุบันนี้
ระบบปฏิบัติการ Android 2.3 Gingerbread ถูกเปิดตัวออกมาในปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) โดย Google ได้ออกแบบ Bugdroid สำหรับงานนี้ออกมาด้วย ด้วยดีไซน์ที่เหมือนกับคุกกี้ขนมปังขิง ตามชื่อของเวอร์ชัน
นอกจากนี้ ยังเล่นใหญ่ด้วยการสร้างรูปปั้นมาวางไว้เคียงข้างกับ Bugdroid แบบธรรมดาอีกด้วย ซึ่งงานนี้ก็ได้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่าทุกครั้งที่ Android ออกเวอร์ชันใหม่ ก็จะมีการสร้างรูปปั้นมาวางไว้ที่หน้าสำนักงานใหญ่ของ Google ด้วยเสมอ
ภาพจาก : https://www.gizchina.com/2022/03/21/google-has-removed-all-android-statues-from-its-campus/
Dead Zebra Inc บริษัทที่ก่อตั้งโดยศิลปิน Andrew Bell ได้เริ่มวางจำหน่ายโมเดล Bugdroid แบบถูกลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) โดยสินค้ารุ่นแรกที่เริ่มวางจำหน่ายก็จะมี Bugdroid แบบดั้งเดิม และก็มีรุ่น "Hi-voltage" ฯลฯ
จากนั้นก็มีอีกหลายคอลเลคชั่นออกตามมาเรื่อย ๆ รวมถึงสินค้า Merchandise อื่น ๆ ของ Google ที่เกี่ยวกับ Android ตามมาอีกหลายอย่าง ใครสนใจก็ลองเข้าไปสั่งซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ได้
ภาพจาก : https://shop.deadzebra.com/
Google เปิดตัว Android 3.0 ในปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) มันเป็นระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันแรก ที่มีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับการทำงานบนอุปกรณ์ประเภทแท็บเล็ต มันมีชื่อเรียกเวอร์ชันว่า "Honeycomb" (รังผึ้ง) งานนี้ Google ได้เปลี่ยนเจ้า Bugdroid ให้กลายเป็นผึ้งน้อยสีน้ำเงิน ไม่ได้สีเหลืองเหมือนที่เวลาเรานึกถึงรังผึ้ง โดยได้แรงบันดาลใจมาจากสีของดีไซน์แบบ Holo ซึ่งเป็นแนวทางการออกแบบใหม่ที่ถูกนำมาใช้ในระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันนี้
ภาพจาก : https://www.howtogeek.com/901822/into-the-android-verse-the-history-of-the-android-robot/
Bugdroid ปรากฏกายบนโลกจริงตามงานอีเวนต์ต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้งในรูปแบบของชุดมาสคอต อย่างเช่น ในคลิปวิดีโอด้านล่างนี้ เราจะเห็น Bugdroid เต้นราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อยู่ที่หน้าบูธ Sony ในการโปรโมตโทรศัพท์รุ่นใหม่ Sony Ericsson Xperia Arc ที่ประเทศไต้หวัน (Chinese Taipei) ซึ่งหุ่นที่เหมือนจะเป็นตัวเดียวกันนี้ ก็ได้ปรากฏตัวภายในงาน Google I/O 2011 ด้วย
Google เผยโฉม Bugdroid ดีไซน์ใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) ควบคู่มากับระบบปฏิบัติการ Android 4.0 ที่มีชื่อว่า "IceCream Sandwich" โดยมีเวอร์ชัน 2D แบบพิกเซลเป็น ไข่อีสเตอร์ (Easter Egg) ที่ถูกซ่อนอยู่ใน "แอป Settings" อีกด้วย
ภาพจาก : https://www.howtogeek.com/901822/into-the-android-verse-the-history-of-the-android-robot/
สำหรับ Bugdroid ในเวอร์ชันนี้ ทุกคนที่เคยลงคัสตอมรอม หรือซ่อมเครื่องที่บริคมาก่อนน่าจะคุ้นเคยกันดี โดยมันจะปรากฏตัวในหน้า Bootloader และ Recovery Partition
โดยในตอนที่กำลังทำการติดตั้งเฟิร์มแวร์ (Firmware) ใหม่ บนหน้าจอของเราก็จะปรากฏเป็นรูปหุ่นยนต์ที่โดนเปิดฝาที่หน้าท้อง พร้อมกับหนวดที่กระดุกกระดิกไปมา
ภาพจาก : https://www.howtogeek.com/901822/into-the-android-verse-the-history-of-the-android-robot/
ระบบปฏิบัติการ Android 4.1 Jelly Bean เปิดตัวในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) แน่นอนว่า Google ก็ไม่พลาดที่จะปล่อย Bugdroid ดีไซน์ใหม่ออกมาด้วย โดยเป็นหัวหุ่นยนต์ที่วางอยู่บนโถที่ใส่เจลลี่บีนอาไว้ โดยไม่มีแขน ไม่มีขา
มีเรื่องน่าเศร้าตรงรูปปั้นของหุ่นตัวนี้ เหมือนจะตากแดดมากเกินไป จนหัวละลาย และเจลลี่บีนที่อยู่ข้างในไหลออกมา มีรายงานว่าเจลลี่บีนบางส่วนถูกขโมยไปด้วย แต่ภายหลังก็ได้รับการซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิม
นอกจากนี้ ยังมีเวอร์ชัน 2D เป็น Easter Egg ซ่อนอยู่ใน "แอป Settings" โดยเป็นเจลลี่บีนสีแดงมีเสาอากาศ พร้อมกับรอยยิ้มสุดสดใส
ภาพจาก : https://www.howtogeek.com/901822/into-the-android-verse-the-history-of-the-android-robot/
สำหรับระบบปฏิบัติการ Android 4.4 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) เป็นครั้งแรกที่ Google มีการทำตลาดร่วมกับแบรนด์อื่น โดยครั้งนี้มันเป็นหุ่นช็อคโกแลตแท่ง KitKat ที่ทาง Google ร่วมมือกับ Nestle ทำโฆษณาออกมาด้วย
อย่างไรก็ตาม วิดีโอเปิดตัวการติดตั้งรูปปั้นที่ Googel โปรโมตออกมา กลับมีปัญหาเกิดขึ้น เพราะในวิดีโอมีหลุดภาพพนักงานของ Google ถือสมาร์ทโฟน Nexus 5 ที่ยังไม่ได้เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการซะอย่างนั้น แม้ Google จะลบคลิปวิดีโอดังกล่าวออก แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว มีคนดูดมารีอัปโหลดใหม่เป็นที่เรียบร้อย
ข้ามเวลามาในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) ระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ครั้งนี้ Google มาในแนวซุปเปอร์ฮีโร่ มีวิดีโอโฆษณา หุ่นยนต์ Oreo ปรากฏตัวบนท้องฟ้า และบินไปบดบังดวงอาทิตย์ ซึ่งการเปิดตัวก็ถูกเลือกให้ตรงกับวันที่เกิดเหตุการณ์สุริยุปราคาอีกด้วย
แต่น่าเสียดายที่ นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ทาง Google ออกแบบหุ่น Bugdroid เวอร์ชันพิเศษควบคู่มากับตัวระบบปฏิบัติการ อย่างในเวอร์ชันถัดมา ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie มันก็เป็นเพียง Bugdroid เวอร์ชันธรรมดาที่ถือพายมาด้วยเฉย ๆ
ภาพจาก : https://www.howtogeek.com/901822/into-the-android-verse-the-history-of-the-android-robot/
Google ได้ตัดสินใจรีแบรนด์ระบบปฏิบัติการ Android อีกครั้งในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) ควบคู่ไปกับการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android 10 โดยเป็นการเปิดตัวที่ไม่มีชื่อขนมห้อยท้ายตามมาด้วยอีกต่อต่อไป โดยทาง Google อธิบายว่า ชื่อขนมมันเฉพาะทาง คนทั้งโลกที่อยู่ในชุมชนไม่เข้าใจความหมายของมัน
นอกจากนี้ ทาง Google ยังให้เหตุผลว่าการออกเสียง L และ R มันคล้ายคลึงกันในบางภาษา มันทำให้เกิดความสับสนได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการใช้ชื่อขนมภายในองค์กรเหมือนเดิม เช่น Android 13 ก็จะถูกเรียกว่า Tiramisu
Android 10 ยังมาพร้อมกับโลโก้แบบใหม่ โดยเหลือไว้เพียงส่วนหัวของหุ่นยนต์ที่มีสีเขียว และตามด้วยข้อความสีดำที่เขียนว่า "android"
ภาพจาก : https://www.howtogeek.com/901822/into-the-android-verse-the-history-of-the-android-robot/
Google ได้เขียน Blog อธิบายว่า "การออกแบบโลโก้ใหม่ในครั้งนี้ เราได้รับแรงบันดาลใจมาจาก เพื่อนที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในชุมชนของเรา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่มนุษย์ก็ตามซึ่งก็คือหุ่นแอนดรอยด์นั่นเอง มันเป็นของทุกคนในชุมชน และเป็นสัญลักษณ์ของความสนุก และความอยากรู้อยากเห็น อันเป็นหัวใจของระบบปฏิบัติการ Android และตอนนี้มันก็ยังคงมีตำแหน่งพิเศษอยู่บนโลโก้ของเรา "
อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) Google ก็ได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์อีกเล็กน้อย โดยตัว "a" ได้ปรับเป็นตัว "A" และหัวของหุ่นยนต์ถูกเพิ่มแสงเงา ให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น
ภาพจาก : https://www.howtogeek.com/901822/into-the-android-verse-the-history-of-the-android-robot/
ไม่รู้เหมือนกันว่าในอนาคต ทาง Google จะนำ Bugdroid จะกลับมาใหม่หรือไม่ ? แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า Bugdroid น่าจะไม่หายไปไหน มันจะยังอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตกับเราไปอีกนานเลยล่ะ ตราบใดที่ยังมีแฟนที่ชื่นชอบมันอยู่
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |