ในปัจจุบันนี้สมาร์ทโฟนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราไปแล้ว นับตั้งแต่ที่ Ericsson R380 โทรศัพท์รุ่นแรกที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Symbian OS ถูกเปิดตัวในปี ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) ความสำเร็จของ Symbian OS คงไม่ต้องอธิบายเยอะ มันทำให้ Nokia กลายเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอยู่นานหลายปี
จนกระทั่ง Apple เปิดตัวใน iPhone รุ่นแรกออกมาในปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) มันได้ปฏิวัติการใช้งาน และการออกแบบโทรศัพท์มือถือไปตลอดกาล มีคู่แข่งอย่างระบบปฏิบัติการ Android เปิดตัวตามกันในปีถัดมา
หลังจากนั้นโทรศัพท์มือถือแบบธรรมดา ๆ (Mobile phone) และฟีเจอร์โฟน (Feature Phone) ก็ทยอยหายไปจน เหลือผู้ใช้อยู่น้อยมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้สูงวัย หรือในประเทศยากจนที่ไม่ได้มีระบบสื่อสารที่ทันสมัยมากนัก
แต่ล่าสุดในปี ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) เหล่าเซเลป (ในต่างประเทศ) และวัยรุ่น Gen Z (ในต่างประเทศเช่นกัน) ได้เริ่มเทรนด์ใหม่ โบกมือลาสมาร์ทโฟน หันกลับไปใช้งานฟีเจอร์โฟนกันเพียบ โดยเฉพาะรุ่นที่มีดีไซน์แบบฝาพับ โดยพวกเขาพร้อมใจกันให้เหตุผลว่าพวกเขาต้องการแค่เครื่องมือสื่อสารที่ไว้โทรติดต่อหากันได้ สมาร์ทโฟนมันมีแจ้งเตือนมากมายที่ทำให้พวกเขารู้สึกชีวิตวุ่นวาย เหมือนโดนติดตามอยู่ตลอดเวลา
สำหรับใครที่เกิดไม่ทันฟีเจอร์โฟน ไม่รู้ว่ามันคือโทรศัพท์แบบไหน ? แตกต่างจากสมาร์ทโฟนอย่างไร ? ในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบพวกมันกัน
ก่อนที่เราจะเปรียบเทียบกันว่า Feature Phone และ Smartphone มันต่างกันยังไงนั้น อยากเรามาเข้าใจการจำแนกรูปแบบของโทรศัพท์มือถือกันก่อนสักเล็กน้อย โดยถ้าแยกตามคุณสมบัติในการทำงานของตัวโทรศัพท์มือถือ เราสามารถแบ่งได้ออกเป็น 3 ประเภท ดังต่อไปนี้
Mobile Phone หรือถ้าแปลเป็นไทยคือ "โทรศัพท์เคลื่อนที่" ซึ่งฝรั่งเค้าจะนิยมเรียกกันว่า "Dumb Phone" ซึ่งคำว่า "Dumb" ก็แปลว่า "โง่เขลา" นั่นเองถ้าจะเรียกเป็นภาษาไทยมันก็คือ "โทรศัพท์โง่ ๆ" นั่นเอง
โดยคุณสมบัติพื้นฐานของมันเลยคือใช้ในการโทรศัพท์ และรับส่งข้อความ SMS ราคาของมันในปัจจุบันนี้ถูกมาก แม้จะไม่ค่อยมีใครมันแล้ว แต่ในบางพื้นที่ในแถบแอฟริกา และประเทศอินเดีย เนื่องจากแบตเตอรี่ที่อึดมาก, มีความทนทานสูง, มีปุ่มกด และไม่ติดสัญญากับผู้ให้บริการ
Nokia 8210 4G
ภาพจาก : https://www.nokia.com/phones/th_th/nokia-8210-4g/specs?sku=16LIBL21A03
Feature Phone จัดว่าเป็นโทรศัพท์มือถือชนิดที่อยู่ตรงกลางระหว่าง Mobile Phone กับ Smartphone โดยจะมีลูกเล่นอะไรบางอย่างที่ทางผู้ผลิตใส่เข้าไปทำให้มันเป็นโทรศัพท์ที่มีความฉลาดมากขึ้น เช่น ถ่ายรูปภาพความละเอียดสูงได้, รองรับการฟัง เพลงคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res, ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ได้, เชื่อมต่อกับ โซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ได้แต่ผ่านซอฟต์แวร์ที่ผู้ผลิตติดตั้งมาให้ ฯลฯ มันทำอะไรได้คล้ายคลึงกับสมาร์ทโฟน เพียงแต่ยังไม่ฉลาดเท่า ไม่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มได้ ไม่ได้มีชิปประมวลผลที่เร็ว และแรงเหมือนกับสมาร์ทโฟน
Kyocera DuraXV Extreme
ภาพจาก : https://kyoceramobile.com/duraxv-extreme/
Smartphone หากแปลเป็นภาษาไทยตรงๆ เลยก็คือ "โทรศัพท์อัจฉริยะ" มันคือสิ่งที่เป็นมากกว่าโทรศัพท์มือถือไปไกล มันเป็นอุปกรณ์ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล่าสุด โดยในปัจจุบันนี้มันทำงานแทบจะไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์เลย สิ่งสำคัญของสมาร์ทโฟนคือ มีระบบปฏิบัติการในตัว ผู้ใช้สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเองได้ตามความต้องการ ในปัจจุบันนี้ ที่ครองตลาดอยู่ ก็จะมีระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple และระบบปฏิบัติการ Android ของ Google
Galaxy Z Fold4
ภาพจาก : https://www.samsung.com/th/Smartphone/galaxy-z-fold4/buy/
สำหรับ Feature Phone นั้น เราสามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นบรรพบุรุษก่อนที่จะมีสมาร์ทโฟน โดยจุดที่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนคือ มักจะมีหน้าจอขนาดเล็กกว่า มีปุ่มกดสำหรับใช้ในการสั่งงาน ซอฟต์แวร์ภายในมีคุณสมบัติหลายอย่างที่ทำงานได้มากกว่า Mobile Phone แบบเดิม ๆ
เช่น การรองรับการเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต (Internet), ถ่ายรูป และฟังเพลงได้ ในอดีตแบรนด์มือถืออย่าง Nokia และ Blackberry ถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการนี้เลยล่ะ
สรุปได้ว่า Feature Phone เป็นโทรศัพท์ที่ใช้เพื่อการสื่อสารเป็นหลัก แม้มันจะทำอะไรได้ไม่เท่ากับสมาร์ทโฟน แต่มันก็ช่วยให้คุณอยู่ในโลกความเป็นจริงมากขึ้น ไม่ติดไปกับวังวนโลกเสมือนที่ Smartphone สร้างขึ้นมา เราไม่ต้องเปิดอ่าน LINE ทุกครั้งที่มีการแจ้งเตือน หรือดูแจ้งเตือน Facebook ทุก ๆ 5 นาที
Smartphone หรือโทรศัพท์มือถือที่เราใช้งานกันอยู่ในยุคปัจจุบันนี้ จุดเด่นของสมาร์ทโฟนคือมีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ และสั่งงานผ่านการสัมผัสหน้าจอเป็นหลัก มีระบบปฏิบัติการที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ โดยปัจจุบันนี้ก็จะมีอยู่ 2 ค่าย คือ iOS และ Android นั่นเอง
จุดสำคัญของสมาร์ทโฟนคือ ฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Feature Phone มาก รองรับการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาติดตั้งเพิ่มในตัวเพื่อเพิ่มความสามารถได้ ในทางเทคนิคแล้ว Smartphone มีโครงสร้างที่ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์ เพราะมีทั้งซีพียู, แรม และหน่วยความจำ
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า Smartphone เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้มีไว้แค่เพื่อการโทรเข้าโทรออก แต่มันทำได้ทุกอย่างเหมือนคอมพิวเตอร์เครื่องจิ๋วที่คุณพกติดตัวไปได้ทุกที่ทุกเวลา
สุดท้ายแล้ว ใครใคร่ใช้ Smartphone ใช้ ใครใคร่ใช้ Feature Phone ก็ใช้ แล้วแต่ชอบเลย ไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่แล้ว
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |