การชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charging เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Inductive Charging หลักการคือ มีการใช้แถบอิเล็กทรอนิกส์ในการถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้า ระหว่างแท่นชาร์จ และมือถือที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ถามว่าสายชาร์จล่ะ สายก็เอาไปเสียบกับแท่นชาร์จ ไฟเข้าแท่นชาร์จ แต่เราไม่ต้องเอาสายไฟเสียบตูดมือถือ
บนแท่นชาร์จจะมีแผ่นคอยล์ เมื่อแถบบนมือถือ (หลังเครื่อง) สัมผัสกับแท่นชาร์จ ที่เสียบไฟอยู่ ก็จะมีการเหนียวนำกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จมือถือได้ แต่นั่นก็หมายความว่า แท่นชาร์จต้องวางอย่างมั่นคง และวางมือถือให้ตัวส่งและตัวรับตรงกับแผ่นวงจรชาร์จไร้สายด้วย
การชาร์จไฟแบบไร้สาย ไม่ได้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่รองรับทุกอุปกรณ์ที่ชาร์จแบบไร้สายได้ เพียงแต่ที่เราเห็นกันเยอะๆ ก็คือชาร์จมือถือนั่นเอง
หลักการทำงานของการชาร์จไร้สาย
ไฟกระแสหลักจะถูกแปลงไฟเป็นกระแสไฟ AC โดยส่งผ่านแผ่นคอยล์ (ดูภาพประกอบ) เป็นลักษณะสนามแม่เหล็กในคลื่นที่ตรงกัน ทางด้านการชาร์จก็จะแปลงจากไฟ AC เป็น DC ดังนั้นการชาร์จไร้สาย จึงจำเป็นจะต้องมีพื้นผิวสัมผัสของมือถือที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น โดยเฉพาะวัสดุเคสที่ไม่หนาจนเกินไป และจะต้องรองรับการชาร์จไร้สายได้ดี โดยไม่มีวัสดุที่ขัดขวางการชาร์จแบบไร้สาย เช่น เคสไม้ ซึ่งเคสพลาสติกหนาก็อาจมีผล
ประโยชน์ของการชาร์จไฟแบบไร้สาย
ถ้าเอาแบบคิดง่ายๆ ก็เลยคือ ใครที่ใส่เคสกันน้ำ แบบเอาไปเล่นน้ำเนี่ย เคสมีลักษณะปิดหุ้มทั้งเครื่อง จะชาร์จไฟก็ต้องแกะเคสออกมา ก็จะเสี่ยงหากใส่กลับไปกลัวน้ำเข้าได้อีก ถ้าเป็นชาร์จไร้สายนี่ ชาร์จทั้งเคสกันน้ำได้เลย และอีกข้อดีคือ การชาร์จมือถือแบบมีสาย เราอาจจะสะดุดสายเตะสายลากมือถือหล่นพื้นได้ แต่การชาร์จไร้สายสะดวกกว่าเยอะ
แท่นชาร์จ และมือถือต้องรองรับ Wireless Charging
แท่นชาร์จมักจะมียางกันลื่นเพื่อให้เราวางสมาร์ทโฟนชาร์จได้อย่างมั่นคง ไม่ลื่นหลุด ไหลหล่นพื้น ส่วนมือถือ / สมาร์ทโฟนก็จะต้องใส่เคส หรือมีวัสดุที่ไม่ลื่นไหลหล่นพื้นด้วยเช่นกัน
เทคโนโลยีการชาร์จไร้สาย Qi และสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับ
Qi (อ่านว่า ‘chee’) เป็นมาตรฐานท่ีได้รับความนิยมมากที่สุด มีแบรนด์ยักษ์ที่ใช้เทคโนโลยีนี้คือ Samsung, Google และ Nokia อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ในไทย Nokia มีการนำมาใช้สักระยะแล้ว แต่ไม่แพร่หลายเท่ากับตอนที่ Samsung เอามาใช้
รุ่นที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จไร้สาย Qi
ถ้ามีรุ่นดังต่อไปนี้ ซื้อแท่นชาร์จไร้สายมาใช้ได้เลย (ตอนซื้อสังเกตสเปค QI-ENABLE)
รุ่นที่รองรับ iPhone 8, 8 Plus, iPhone X, Galaxy Note 8, Galaxy S8, Galaxy S8 Plus, Galaxy S7/S7 Edge, Galaxy S6/S6 Edge, Nexus 4, Nexus 5, Lumia920 และรุ่นอื่นๆ Microsoft Lumia: 1520, 1020, 930, 929, 928, 920 และ Google Nexus: 4, 5, 6, 7 (2013) และรุ่นอื่นๆ ตรวจสอบรุ่นได้จากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ใช้งานอยู่
แต่ถ้าสมาร์ทโฟนของคุณไม่รองรับ แนะนำให้ใช้อะแดปเตอร์ที่แปลงร่างมือถือให้ชาร์จไร้สายได้ อะแดปเตอร์ที่ว่าก็คือ เคสที่รองรับการชาร์จไร้สาย แล้วตัวเคสมีขั้วที่เสียบกับข่องเสียบชาร์จไฟของสมาร์ทโฟนด้วย หรือไม่ก็เป็นแผ่นที่แปะด้านหลังมือถือโดยนำขั้วมาเสียบกับพอร์ตชาร์จไฟ Micro USB, Type-C หรือ Lightning
ทาง Thaiware เคยรีวิว อแดปเตอร์ชาร์จไร้สาย อ่านได้ที่ https://review.thaiware.com/956.html
อีกเทคโนโลยีเรียกว่า PMA (Power Matters Alliance) ภายใต้มาตรฐาน IEEE Standards Association (IEEE-SA) จัดการพลังงานได้ดี ปลอดภัย โดย PMA ได้ควบรวมกับ AirFuel Alliance ในปี 2015 อ้างอิง https://en.wikipedia.org/wiki/Inductive_charging
ที่เห็นก็คือบริการชาร์จไร้สายบนโต๊ะในร้านกาแฟ Starbucks เรียกว่า Powermat Spots ใช้มาตรฐาน PMA ที่จับมือร่วมกับ AT&T, Blackberry, HTC, Huawei, LG, Microsoft, Qualcomm, Samsung, TI และ ZTE
ที่มา https://news.starbucks.com/news/national-rollout-of-wireless-charging-by-duracell-powermat-begins-in-starbu
แท่นชาร์จ Wireless charger หาซื้อได้ที่ไหน
(ภาพจาก https://bgr.com/2017/11/20/best-wireless-charger-for-iphone-x-apple-watch/)
แนะนำให้สอบถามจากร้าน ฆ้นย ของแบรนด์นั้นๆ เช่น Samsung Shop, iStudio หรือถ้าเป็นของ IKEA ก็มีโต๊ะที่วางมือถือ ใช้ชาร์จไร้สายได้ หรือเอาที่ชาร์จไร้สายฝังบนโต๊ะ หรือโคมไฟได้ เพื่อความเนียน สวยงาม รวมไปถึงเคส (เฉพาะรุ่น) ที่มีวงจรชาร์จไร้สายในตัว
โคมไฟที่มีแท่นชาร์จไร้สายฝังในตัว หรือใช้ฝังบนโต๊ะ ทำให้การวางมือถือบนโต๊ะ บนโคมไฟ เป็นการชาร์จไฟไปในตัว
แท่นชาร์จไร้สายทั่วๆ ไป จะชาร์จมือถือได้ทีละเครื่อง แต่สำหรับคนที่มีหลายเครื่อง ก็มีแท่นชาร์จแบบที่ชาร์จพร้อมกันได้ 3 เครื่องให้เลือกซื้อ แต่ทุกเครื่องจะต้องรองรับการชาร์จไร้สาย หรือไม่ก็ต้องหาอแดปเตอร์แปลง
พูดถึงข้อดีมาเยอะแล้ว แต่ทุกอย่างย่อมมีอีกมุม คือข้อสังเกต และข้อความระวัง เพราะการชาร์จแบบไร้สายนั้น สะดวกสบายก็จริง แต่ก็มีการ Loss หรือสูญเสี่ยพลังงาน ก็เหมือนกับทุกๆ อย่างที่ไร้สาย Wi-Fi ก็ยังช้ากว่าใช้สาย LAN หรือโทรศัพท์บ้านมีสาย ก็เสถียรกว่าโทรศัพท์ไร้สายที่สัญญาณอาจขาดหายได้ อาจจะทำให้ชาร์จไฟช้าลง และด้วยความที่มาตรฐานยังมีหลากหลาย และอุปกรณ์ 3rd parties ก็พอมี แต่ยังไม่ได้มาตรฐานรับรองเหมือนสายชาร์จที่แพร่หลายมานานแล้ว เราจึงแนะนำให้เลือกใช้อุปกรณ์ชาร์จไร้สายของแท้จากผู้ผลิตแบรนด์เดียวกับสมาร์ทโฟน หรือแบรนด์ที่น่าเชื่อถืออย่าง IKEA, Belkin เพราะเรื่องความปลอดภัย ยังไงก็สำคัญกับวงจรไฟฟ้า
นอกจากนี้ถ้ามือถือของคุณรองรับการชาร์จไร้สาย และชาร์จแบบเร็ว (Quick Charge หรือ Fast Charge) แนะนำให้เลือกใช้อุปกรณ์จากผู้ผลิตที่รองรับการชาร์จเร็ว ทั้งสายชาร์จเร็ว และแท่นชาร์จเร็ว ส่วนของแบรนด์อื่นๆ สามารถใช้งานได้หากรองรับ แต่ด้วยความที่ใช้ของแท้จากผู้ผลิต จะจ่ายไฟ ตัดไฟได้ดีกว่าแบรนด์อื่นๆ ครับ
อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีจะมีการพัฒนาขึ้น เราก็ยังต้องคำนึงเรื่องความปลอดภัยในการชาร์จแบตมือถือ ไม่ควรเล่นไปชาร์จไป การใช้ที่ชาร์จไร้สายทำให้เราวางมือถือแบบไม่ต้องเสียบสายชาร์จ เน้นวางตอนนั่งทำงานบนโต๊ะ แต่ถ้าอยู่ข้างนอก ก็มีแบตสำรองหรือ Power Bank บางรุ่น ที่ทำหน้าที่เป็นตัวชาร์จมือถือได้ด้วยเช่นกัน ดังตัวอย่างสินค้าที่เคยรีวิวไว้ https://review.thaiware.com/1019.html
|