แชร์หน้าเว็บนี้ :
วิธีเข้า Safe Mode บนระบบปฏิบัติการ Windows ทุกเวอร์ชัน
สำหรับ โหมดปลอดภัย (Safe Mode) จัดว่าเป็นรูปแบบหนึ่งในการทำงานของ ระบบปฏิบัติการ Windows ที่ออกแบบมาเพื่อใช้แก้ปัญหาในเวลาที่เกิดเหตุการณ์รุนแรง ที่ (อาจจะ) ส่งผลกระทบต่อการทำงานในรูปแบบปกติของระบบปฏิบัติการ Windows ได้
บทความเกี่ยวกับ Safe Mode อื่นๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม : Safe Mode คืออะไร ? มีกี่ประเภท และ มีประโยชน์กับระบบปฏิบัติการ Windows อย่างไร ?
โดยประโยชน์ของ Safe Mode ก็คือ มันจะสามารถช่วยให้ผู้ใช้เข้าสู่ Windows เพื่อตรวจหาสาเหตุว่าปัญหาอะไรที่ทำให้มันไม่สามารถทำงานตามปกติได้ หลังจากที่ตรวจเจอ และแก้ไขแล้ว ก็จะสามารถรีบูทเพื่อเข้าใช้งาน Windows ได้ตามปกติ
การเข้า Safe Mode นั้น สามารถทำได้หลายวิธี เลือกใช้ตามที่ถนัดได้เลย จะมีวิธีไหนบ้าง เชิญอ่านต่อได้เลยครับ
1. เข้าผ่านแอปพลิเคชันการตั้งค่า (Settings App)
- กด "ปุ่ม Windows + i" เพื่อเปิด "แอป Settings"
- ในพาเนลด้านซ้ายคลิกที่ "เมนู System"
- ในพาเนลด้านขวาคลิกที่ "เมนู Recovery" ตามด้วย "ปุ่ม Restart now" ที่อยู่ใน "เมนู Advanced Startup"
- คอมพิวเตอร์จะเข้าสู่ "หน้าจอ Advanced Startup" ให้เราคลิกเลือก "เมนู Troubleshoot" ตามด้วย "เมนู Advanced Options" ตามด้วย "เมนู Startup Settings" แล้วก็ "เมนู Restart"
ภาพจาก https://support.microsoft.com/en-us/windows/start-your-pc-in-safe-mode-in-windows-92c27cff-db89-8644-1ce4-b3e5e56fe234
- หลังรีสตาร์ต เราจะเห็น "หน้าจอ Startup Settings" ที่มาพร้อมกับ ตัวเลือกมากมาย ให้เราเลือก "เมนู Enable Safe Mode" ด้วยการกด "ปุ่ม F4" หรือ "ปุ่ม F5" หากต้องการเข้า Safe Mode แบบที่ต่ออินเทอร์เน็ตได้ด้วย
ภาพจาก https://answers.microsoft.com/en-us/windows/forum/all/windows-10-freezes-at-startup-settings/8ff77423-d2fd-481e-8d13-8b75ac9a593c
2. เข้าจากหน้าจอเข้าสู่ระบบ (Sign-in) ของ Windows
หากพูดถึง "หน้าจอ Windows Sign-in" จริงๆ แล้วมันก็คือ หน้าจอที่ให้เราเลือกบัญชีผู้ใช้งาน และใส่รหัสผ่านเพื่อเข้าสู่หน้าจอเดสก์ท็อป (Desktop) หากเราไม่สามารถเข้า Safe Mode จาก "แอป Settings" ได้ ก็ให้ลองเข้าจากหน้าจอนี้แทน
หน้าจอ Windows sign-in
ภาพจาก https://softwarekeep.com/help-center/how-to-fix-windows-10-login-problems
- ใน "หน้าจอ Windows Sign-in" ให้เรากด "ปุ่ม Shift" ค้างเอาไว้ แล้วคลิกที่ "ไอคอน Power" (มุมขวาล่าง) แล้วเลือก "เมนู Restart"
- คอมพิวเตอร์จะเข้าสู่ "หน้าจอ Advanced Startup" ให้เราคลิกเลือก "เมนู Troubleshoot" ตามด้วย "เมนู Advanced Options" ตามด้วย "เมนู Startup Settings" แล้วก็ "เมนู Restart"
- หลังรีสตาร์ต เราจะเห็น "หน้าจอ Startup Settings" ที่มีตัวเลือกมากมาย ให้เราเลือก "เมนู Enable Safe Mode" ด้วยการกด "ปุ่ม F4" หรือ "ปุ่ม F5" หากต้องการเข้า Safe Mode แบบที่ต่ออินเทอร์เน็ตได้ด้วย
3. เข้าผ่าน Windows Recovery Environment (winRE)
ในกรณีที่บูตคอมพิวเตอร์ไม่สำเร็จ เข้าหน้าจอ Windows ไม่ได้เลย แนะนำให้ลองใช้งานวิธีการนี้ดู
- กด "ปุ่ม Power" (ที่เคสคอมพิวเตอร์) ค้างไว้ 10 วินาที จนคอมพิวเตอร์ดับ หยุดทำงาน
- กด "ปุ่ม Power" (ที่เคสคอมพิวเตอร์) อีกครั้ง เพื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
- เมื่อคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานอีกครั้ง อาจจะสังเกตจากโลโก้ของผู้ผลิตที่ปรากฏบนหน้าจอ ให้กด "ปุ่ม Power" (ที่เคสคอมพิวเตอร์) ค้างไว้ 10 วินาที จนคอมพิวเตอร์ดับ หยุดทำงาน อีกครั้งหนึ่ง
- ทำตามขั้นตอนในข้อ 1.-3. ทั้งหมดสามครั้ง (เปิด-ปิด คอมพิวเตอร์ 3 รอบติดกัน)
- กด "ปุ่ม Power" (ที่เคสคอมพิวเตอร์) เพื่อเปิดเครื่องตามปกติ หากไม่มีอะไรผิดพลาด เราจะเข้าสู่ Windows Recovery Environment (winRE)
- เมื่อเข้าสู่ Windows Recovery Environment (winRE) เราจะเจอกับ "หน้าจอ Choose an option " ให้เราคลิกเลือก "เมนู Troubleshoot" ตามด้วย "เมนู Advanced Options" ตามด้วย "เมนู Startup Setting" ตามด้วย "เมนู Restart"
ภาพจาก https://support.microsoft.com/en-us/windows/start-your-pc-in-safe-mode-in-windows-92c27cff-db89-8644-1ce4-b3e5e56fe234
- หลังรีสตาร์ต เราจะเห็น "หน้าจอ Startup Settings" ที่มีตัวเลือกมากมาย ให้เราเลือก "เมนู Enable Safe Mode" ด้วยการกด "ปุ่ม F5" เพื่อเข้า Safe Mode แบบที่ต่ออินเทอร์เน็ตได้ด้วย
4. เข้าผ่านส่วนของ การกำหนดค่าระบบ (System Configuration)
ในกรณีที่ยังสามารถบูตเข้าสู่ Windows ได้ เราสามารถเข้า Safe Mode ผ่าน MSConfig หรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ System Configuration ได้เช่นกัน ด้วยขั้นตอนดังนี้
- กด "ปุ่ม Windows + R" เพื่อเปิด "แอป Run" ขึ้นมา
- พิมพ์ลงไปว่า "msconfig" แล้วกด "ปุ่ม Enter"
- ไปที่ "แท็บ Boot" และตรง "Boot Options" ให้คลิกเลือกที่ "☑ Safe boot"
- คลิก "ปุ่ม Apply" ตามด้วย "ปุ่ม OK"
- รีสตาร์ตคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าสู่ Safe Mode หลังจากที่รีสตาร์ตเสร็จแล้ว ระบบก็จะรันเข้า Safe Mode โดยอัตโนมัติ ถ้าหากเราอยากรู้ว่าเราอยู่ใน "หน้า Safe Mode" แล้วหรือยัง ก็ให้สังเกตที่มุมทั้ง 4 จะมีข้อความที่เขียนว่า "Safe Mode" แสดงอยู่
วิธีออกจาก Safe Mode ด้วย System Configuration
หากใช้วิธีที่ 1 ถึงวิธีที่ 3 แค่รีสตาร์ต เราก็จะออกจาก Safe Mode ได้แล้ว แต่หากใช้วิธีที่ 4 ที่เข้าผ่าน System Configuration ให้เราทำเหมือนเดิม แต่ตรง Boot options ให้เราคลิกเอาเครื่องหมาย "✓" ออกจาก "▢ Safe boot" เท่านั้นเอง จากนั้นก็รีสตาร์ตคอมพิวเตอร์เพื่อออกจาก Safe Mode ได้เลย
หวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้เพื่อนๆ เข้า Safe Mode กันได้แบบง่าย ๆ นะครับ สวัสดีครับ
ที่มา : support.microsoft.com