แม้ Windows จะเป็นระบบปฏิบัติการที่ดี มีประสิทธิภาพสูง แต่มันก็มีช่วงเวลางอแงที่ทำให้ผู้ใช้อย่างเราเกิดความหงุดหงิดได้เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่เราได้ติดตั้ง ซอฟต์แวร์บุคคลที่สาม (3rd-Party Software) หรือลงไดร์เวอร์ของฮาร์ดแวร์ตัวใหม่เข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์
แต่แล้วทันใดนั้นเอง ! คอมพิวเตอร์ก็เกิดอาการอ๊อง, ใช้งานไม่ได้, หรือทำการบูทเข้า Windows ไม่สำเร็จ ฯลฯ ซึ่งบางครั้งเมื่อเกิดอาการเหล่านี้ คอมพิวเตอร์จะบูทเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows ที่หน้าตาต่างไปจากเวลาปกติ สังเกตได้ง่าย ๆ หน้าจอจะเป็นสีดำ ไม่มีภาพพื้นหลังและมีข้อความระบุว่า Safe Mode อยู่ตามมุมของหน้าจอแสดงผล บทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Safe Mode กันเลย (เลือกเมนูด้านล่างกันก่อนได้เลยนะ)
Safe Mode เป็นรูปแบบหนึ่งในการทำงานของระบบปฏิบัติการ Windows ที่ออกแบบมาเพื่อใช้แก้ปัญหาในเวลาที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานในรูปแบบปกติของระบบปฏิบัติการ Windows โดยมันช่วยให้ผู้ใช้เข้าสู่ Windows เพื่อตรวจหาสาเหตุว่าปัญหาอะไรที่ทำให้มันไม่สามารถทำงานตามปกติได้ หลังจากที่ตรวจเจอ และแก้ไขแล้ว ก็จะสามารถรีบูทเพื่อเข้าใช้งาน Windows ได้ตามปกติ
โดยการทำงานของ Safe Mode ระบบจะบูทเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows โดยเรียกใช้งานเฉพาะไฟล์ระบบที่สำคัญเท่านั้น พวกซอฟต์แวร์ 3rd-Party และไดร์เวอร์ที่ไม่จำเป็นจะไม่ถูกเรียกใช้งานเลย
ถ้าหากว่าเราสามารถบูทเข้า Safe Mode ได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าสาเหตุที่ทำให้คุณไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่ได้มาจากไฟล์พื้นฐานของระบบ แต่มาจากซอฟต์แวร์ 3rd-Party และไดร์เวอร์ที่คุณได้ติดตั้งเพิ่มเข้าไป ซึ่งเราสามารถถอนการติดตั้งพวกมันได้ใน Safe Mode ได้เลย ไดร์เวอร์บางตัวอย่างเช่น การ์ดจอ หากจะถอนการติดตั้งให้สิ้นซาก ก็ควรจะทำในโหมดนี้นี่แหละ
วิธีเข้า Safe Mode
- สามารถอ่านวิธีเข้า Safe Mode แบบละเอียดได้ในลิงก์บทความด้านล่างนี้เลยครับ
https://tips.thaiware.com/1134.html
เมื่อเราสั่งบูทระบบปฏิบัติการ Windows ให้เข้าสู่ Safe Mode กระบวนการบูทก็จะแตกต่างจากการบูท Windows ตามปกติ อยู่หลายอย่าง ประกอบไปด้วย
ในระบบปฎิบัติการ Windows 10 จะมี Safe Mode ให้เลือกใช้อยู่ 4 รูปแบบ แต่ละแบบจะมีลักษณะการทำงานแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้ครับ
ตามปกติแล้ว เราจะใช้ Safe Mode ก็ต่อเมื่อคอมพิวเตอร์ของเราเกิดอาการงอแง ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่คำถาม คือ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้า Safe Mode ?
หลังจากที่คอมพิวเตอร์ของเรางอแง แล้วเราหาทางเข้า Safe Mode ได้แล้ว หลายคนน่าจะมีคำถามตามมาต่อว่า เข้ามาได้แล้วให้ทำอะไรต่อ ? ส่วนใหญ่แล้วก็จะทำสิ่งต่อไปนี้ครับ
เป็นท่าพื้นฐานที่ทำค่อนข้างง่าย สมมติว่าคุณติดตั้งไดร์เวอร์เสร็จปุ๊ปแล้วเจอปัญหา ก็เข้า Safe Mode มาลบไดร์เวอร์ที่เพิ่งติดตั้งเท่านั้นเอง หากเป็นเพราะซอฟต์แวร์ ก็ลบซอฟต์แวร์ดังกล่าวทิ้ง
System Restore หรือ ย้อนค่าระบบ เป็นเครื่องมือฟรีที่มีอยู่แล้วใน Windows มันสามารถสั่งย้อนเวลาไปยังช่วงที่คอมพิวเตอร์ของเรายังสามารถทำงานได้ตามปกติ
อ่านวิธีทำ System Restore ได้ในลิงก์บทความด้านล่างนี้ครับ
สำหรับ มัลแวร์ (Malware) บางประเภท แฮกเกอร์ได้สร้างมาให้ยากต่อการตรวจจับ และลบออก แอบทำงานในเบื้องหลังอยู่ตลอดเวลา การเข้า Safe Mode ก่อน แล้วค่อยสแกนหามัลแวร์ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตรวจเจอมากขึ้น
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |