อีกหนึ่งพฤติกรรมการใช้มือถือ (หรืออุปกรณ์อะไรก็ตาม) ก็คือการเสียบชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้แบตเตอรี่เต็มพร้อมใช้งานในตอนเช้าและตลอดทั้งวัน และก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดเพราะเราแทบจะไม่ได้แตะมือถือกันในช่วงนั้น แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ที่ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้แบตเตอรี่เต็ม 100% แล้ว แล้วการปล่อยให้ชาร์จแบตเตอรี่ที่เต็มอยู่แบบนั้นกับอีกหลายชั่วโมงที่เหลือจะส่งผลยังไงกับตัวมือถือบ้าง ?
เมื่อชาร์จแบตเตอรี่มือถือทิ้งเอาไว้ข้ามคืน จะเกิดการรับไฟมากเกินไปจนระเบิดมั้ย ? หรือจะเกิดไฟไหม้รึเปล่า ? คงไม่ใช่เรื่องต้องกังวลสำหรับมือถือหรืออุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ที่มีชิปภายในตัวช่วยในการตัดไฟเมื่อชาร์จแบตเตอรี่เมื่อเต็มอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลนักที่มือถือจะรับประจุไฟมากเกินไปจนเกิดความร้อนและระเบิดขึ้น
แต่ในระหว่างที่เราหลับพักผ่อน แม้จะไม่ได้เล่นมือถือเลยแต่ตัวอุปกรณ์ก็ยังใช้แบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ยังคงทำงานได้ในบางฟังก์ชั่น ซึ่งเมื่อมีการใช้แบตเตอรี่ ประจุแบตเตอรี่ก็จะถูกเติมวนไปตลอดคืน ซึ่งก็จะแอบส่งผลให้อายุแบตเตอรี่สั้นลงได้ หรือที่เรียกว่า "แบตเสื่อม" นั่นเอง
มือถือสมาร์ทโฟนในปัจจุบันใช้ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion Battery) เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสามารถชาร์จได้เร็วกว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่นๆ ในอดีต ยิ่งรวมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว (Fast Charging หรือ Quick Charging) ก็ใช้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง แบตเตอรี่ก็เต็ม 100% แล้ว
และถึงแม้ว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนได้รับการยอมรับจากอุปกรณ์ส่วนใหญ่ในท้องตลาดและดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในปัจจุบันแต่ก็มาพร้อมจุดอ่อนที่แปลกประหลาด โดยเมื่อเราชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ตัวแบตเตอรี่จะเสื่อมเร็วหรือสามารถประจุแบตเตอรี่ได้ลดลงน้อยกว่าเดิมเร็วกว่าการชาร์จแบบไม่เต็มประจุ โดยมีผลการวิจัยจาก Battery University ถึงการยืดอายุแบตเตอรี่ลิเธียมดังนี้
อุณหภูมิ | ชาร์จแบตเตอรี่ที่ 40% | ชาร์จแบตเตอรี่ที่ 100% |
0°C | 98% (หลังจากใช้งาน 1 ปี) | 94% (หลังจากใช้งาน 1 ปี) |
25°C | 96% (หลังจากใช้งาน 1 ปี) | 80% (หลังจากใช้งาน 1 ปี) |
40°C | 85% (หลังจากใช้งาน 1 ปี) | 65% (หลังจากใช้งาน 1 ปี) |
60°C | 75% (หลังจากใช้งาน 1 ปี) | 60% (หลังจากใช้งาน 3 เดือน) |
ความสามารถในการจุแบตเตอรี่แบ่งตามระดับแบตเตอรี่และอุณหภูมิที่แตกต่างกัน
ข้อมูลจาก Battery University - How to Prolong Lithium-based Batteries
จะเห็นได้ว่าเมื่อเจอกับอุณหภูมิที่สูงจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว แต่เมื่อแบ่งระดับของการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยจะเห็นได้ว่าการชาร์จเต็ม 100% จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าการชาร์จเพียง 40% อยู่พอสมควรเลยทีเดียว
จากตารางในหัวข้อด้านบนจะเห็นได้ว่า 2 สิ่งที่มีผลทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นก็คือ ความร้อนและการประจุแบตเตอรี่เต็ม 100% ในส่วนของด้านความร้อนมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดความร้อนไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชั่นหรือเกมที่ใช้ หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) หรือหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) สูงๆ การใส่เคสมือถือที่ไม่ระบายความร้อน การชาร์จเร็วที่ก่อให้เกิดความร้อนสูง ไปจนถึงสภาพแวดล้อมภายนอก ที่หากหลีกเลี่ยงได้ก็จะสามารถยืดอายุแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดี
อีกเรื่องที่ดูจะขัดใจหลายๆ คนรวมทั้งผู้เขียนด้วยก็คือการชาร์จเต็ม 100% กลับส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีควรอยู่ระหว่าง 20 - 80% ไม่ควรน้อยกว่า 20% และไม่มากกว่า 80% ซึ่งก็มีหลายๆ แบรนด์รวมทั้ง Apple เองก็ได้ออกมาแนะนำว่าให้ควรชาร์จแบตเตอรี่มือถือไว้เพียงครึ่งเดียวพอ
เวลาที่เหมาะที่สุดในการชาร์จมือถือก็คงจะหนีไม่พ้นช่วงเวลานอนที่เราสัมผัสมือถือน้อยกว่าช่วงเวลาระหว่างวันอยู่แล้ว เมื่อตื่นมามือถือก็แบตเตอรี่เต็มพร้อมใช้งานทั้งวันพอดี แต่การที่เรานอน 5 - 10 ชั่วโมงกับระยะเวลาการชาร์จมือถือเพียง 1 - 2 ชั่วโมงก็ดูห่างกันเกินไปจนน่ากังวล ซึ่งถ้าเลี่ยงการชาร์จตอนกลางคืนไม่ได้ เราสามารถทำอย่างไรได้บ้างล่ะ?
Fast Charge บนมือถือใช้เวลาเร็วขึ้นแทบจะทุกครั้งที่รุ่นใหม่ออกใหม่ เพื่อเลี่ยงการชาร์จข้ามคืนก็วางแผนชาร์จมือถือก่อนนอนซัก 2 ชั่วโมง เพื่อให้มือถือชาร์จเต็มและจะได้ดึงปลั๊กก่อนเข้านอนพอดิบพอดี
ระหว่างนี้ถ้าอยากให้มือถือชาร์จได้ตามเวลาก่อนนอนเป๊ะๆ ให้ปิดแอปพลิเคชันหรือการใช้งานต่างๆ เพื่อจะได้ลดการใช้พลังงานมือถือระหว่างชาร์จด้วย เพราะบางแอปพลิเคชันใช้พลังงานจากแบตเตอรี่อยู่เยอะพอสมควร (รวมทั้งทำให้เครื่องทำงานจนร้อนด้วย)
ถ้ามีเวลาเหลือเฟือกับการชาร์จแบตเตอรี่ข้ามคืน ที่เราไม่จำเป็นต้องใช้ Fast Charge ก็ได้ เปลี่ยนมาใช้อะแดปเตอร์หรือสาย USB ที่ไม่รองรับการชาร์จเร็ว หรือถ้าปิดฟังก์ชันชาร์จเร็วได้ก็เป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งการชาร์จที่ช้าลงก็ส่งผลดีกับตัวแบตเตอรี่เช่นกันเพราะมีความร้อนที่ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมน้อยกว่าการชาร์จเร็ว
*การเลือกใช้อะแดปเตอร์ที่ไม่รองรับการชาร์จเร็วก็ขอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพราะถ้าไปใช้ของถูกไม่ได้คุณภาพก็จะเสี่ยงแบตเตอรี่เสื่อมจากการจ่ายไฟที่ไม่สม่ำเสมออยู่ดี
วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะกับผู้เขียนเท่าไหร่ (เพราะเป็นคนหลับลึก) แต่ถ้าใครมักจะตื่นกลางดึกมาเข้าห้องน้ำอยู่แล้วก็แวะมาถอดปลั๊กชาร์จก่อนจะหลับต่อสักหน่อยก็ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
สมาร์ทโฟนหรือซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ในตลาดมีฟังก์ชั่นช่วยตรงนี้ ที่เมื่อชาร์จเต็มก็จะตัดทันทีหรือชะลอการชาร์จเมื่อใกล้เต็ม 100% ซึ่งก็ช่วยเรื่องการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ไปได้เยอะเลย
การชาร์จแบตเตอรี่ทำให้มือถือเกิดความร้อน หากวางในที่ๆ ไม่ถ่ายเทความร้อน เช่น ใต้หมอน ใต้ผ้าห่มหรือในกระเป๋าต่างๆ จะทำให้แบตเตอรี่มีความร้อนสะสมตลอดคืน เปลี่ยนไปวางชาร์จบนโต๊ะ หัวเตียง หรือบนพื้นที่อากาศถ่ายเทสะดวกก็จะดีกว่า
เคสกันรอยหลายๆ รุ่นไม่ได้ออกแบบมาให้ถ่ายเทความร้อน การถอดเคสระหว่างการชาร์จทั้งคืนก็ช่วยป้องกันไม่ให้มือถืออมความร้อนจนแบตเตอรี่เสื่อมเช่นเดียวกับเหตุผลในข้อด้านบน
เอาจริงๆ แบตเตอรี่ก็มีอายุการใช้งานของมันไม่ว่าจะเก็บรักษาดีแค่ไหนซักวันก็จะเสื่อมลงอยู่ดี ถ้าวิธีการเก็บรักษาข้างต้นทำให้เราใช้งานมือถือได้ลำบากขึ้นและไม่สะดวก ก็ใช้งานตามปกติแล้วค่อยไปเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อถึงเวลาอันควรจะดีกว่า หรือถึงเวลานั้นจริงๆ อาจจะอยากเปลี่ยนมือถือรุ่นใหม่แล้วก็เป็นได้
|
... |