แน่นอนว่ายุคสมัยนี้อุตสาหกรรมเกมเปลี่ยนแปลงและพัฒนาสูงกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเกมคอมพิวเตอร์ (Computer) หรือเกมคอนโซล (Console) และสิ่งหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ จอภาพมอนิเตอร์ (Monitor) อุปกรณ์หลักที่ช่วยในด้านการแสดงผลภาพที่เราใช้ในการเล่นเกม
สำหรับคนทั่วไปๆ ที่ใช้งานจอภาพมอนิเตอร์แบบเดิมๆ อาจจะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก แต่เมื่อได้ยินคำว่า "จอเกมมิ่ง" ก็อาจจะมีคำถามว่า ระหว่างจอเกมมิ่ง (Gaming Monitor) และ จอธรรมดา (Regurlar Monitor) มันมีความแตกต่างกันอย่างไรใช้งานได้เหมือนกันไหม? เราไปดูรายละเอียดพร้อมๆ กันเลย
โดยปกติแล้วจอภาพมอนิเตอร์ (Monitor) ถูกสร้างออกมาหลายรูปแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้งาน โดยมีตั้งแต่ "จอภาพแสดงผลทั่วไป" (Regular Monitor) ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ท่องเว็บไซต์ พิมพ์เอกสาร, "จอภาพสำหรับงานออกแบบ - ถ่ายภาพ" (Monitor for Graphic Design - Photography) ที่เน้นการแสดงผลด้านเฉดสี ความเที่ยงตรงของสีที่ใช้ผลิตงานต้องใกล้เคียงกับสีในความเป็นจริงมากที่สุด
และเหตุผลที่ "จอภาพเกมมิ่ง" (Gaming Monitor) นั้นแตกต่างกว่าจอประเภทอื่นก็เพราะเกมกราฟฟิกระดับสูงในยุคสมัยนี้ ต้องการการแสดงผลที่มีความละเอียดสูงและความรวดเร็วในการแสดงผลพร้อมๆ กัน เพื่อให้ผู้ใช้งานใช้ได้สัมผัสการตอบสนองของภาพได้อย่างเต็มอรรถรส คล้ายกับเวลาที่เราดูหนังภาพยนตร์แอคชั่นต่อสู้ หนังสงคราม หรือรถแข่ง ที่สลับฉากเร็วๆ บนจอทีวีให้อารมณ์ได้มากกว่าภาพที่เคลื่อนไหวช้าๆ
ขอบคุณภาพจาก : https://unsplash.com/
ดังนั้น จอประเภทนี้จะมีความโดดเด่นในด้านความรวดเร็วในการแสดงผลกว่าประเภทอื่นๆ เหมาะแก่การเล่นเกม หรือ กีฬาอีสปอร์ต (E-sport) ที่เป็นกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ เกี่ยวกับการแข่งขันวิดีโอเกมที่ได้รับความนิยมมาก และในปัจจุบัน "จอภาพเกมมิ่ง" ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้ประโยชน์จากการแสดงผลที่รวดเร็วเช่นนี้ได้
ลองมาดูข้อมูลและรายละเอียดของ "จอเกมมิ่ง" ว่าแตกต่างจาก "จอภาพธรรมดา" อย่างไร
ขอบคุณภาพจาก : https://blog.bestbuy.ca/
วิดีโอเทียบตัวอย่างการแสดงผลที่ 60 Hz และ 144 Hz
จุดที่เห็นความแตกต่างหลักๆ ของ "จอเกมมิ่ง" จะเป็นอัตราการแสดงผลภาพที่สูงกว่า
(Higher Refresh Rate) และ แสดงผลไวกว่า (Higher Respond Rate)
ทำให้ภาพลื่นไหลกว่า "จอภาพมอนิเตอร์ธรรมดาทั่วไปๆ"
เทคโนโลยีจอภาพในปัจจุบันส่วนใหญ่ จะเป็นจอภาพแบบ TN (Twisted Nematic), VA (Vertical Alignment) และ IPS (In-Plane-Switching) ซึ่งจอภาพทั้งสามแบบนี้ก็จะมีลักษณะข้อดีและข้อเสียของตัวเองอยู่
จอเกมมิ่งใช้คอมพิวเตอร์สเปกสูงกว่าจอภาพแบบธรรมดา หากใช้งานคอมพิวเตอร์สเปกต่ำกว่ากำหนดร่วมกับจอเกมมิ่ง ผู้ใช้งานอาจจะใช้การแสดงผลสูงสุดในระดับ Full HD (1920 x 1080) ที่ 60 Hz เท่านั้น ในขณะที่จอเกมมิ่งรองรับการแสดงผลระดับ 4K (3840 x 2160) 144 Hz ทำให้ผู้ใช้งานจำเป็นต้องอัปเกรดฮาร์ดแวร์ภายในตัวเครื่อง เช่น หน่วยประมวลผล (CPU) และ การ์ดจอ (GPU) หรือบางครั้งอาจจะต้องซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ยกเซ็ต
หากผู้ใช้งานต้องการใช้จอเพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะ และมีคอมพิวเตอร์และการ์ดจอแสดงผลที่สูงอยู่แล้ว จอภาพเกมมิ่งนั้นก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด ด้วยการแสดงผลที่มีความเร็วของ Refresh Rate และ Respond Rate สูงกว่าจอภาพปกติ และการแสดงผลรายละเอียดที่สูงจนถึงระดับ 4K ให้อรรถรสที่ดี เพลิดเพลินกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ไม่มีติดขัด
แต่ถ้าหากมีงบประมาณที่จำกัด และไม่ได้เน้นการเล่นเกมเป็นหลัก ก็อาจจะลองมองหาจอภาพที่สเปกทั่วๆ ไป ซึ่งในปัจจุบันก็มีจอภาพที่ Refresh Rate เริ่มต้นที่ 75 Hz ขึ้นไป แถมมีราคารุ่นเริ่มต้นที่ราวๆ 4,000 - 5,000 บาท ถือว่าไม่ได้แพงอย่างที่คิด เพียงพอต่อการเล่นเกมทั่วไป อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานควรเลือกประเภทจอให้เหมาะสมต่อการใช้งานเป็นหลักจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ
|
It was just an ordinary day. |