Bitcoin คืออะไร ? Bitcoin Cash คืออะไร ? และต่างกันอย่างไร ?

Bitcoin กับ Bitcoin Cash คืออะไร ? ต่างกันอย่างไร ?
(What's Bitcoin and Bitcoin Cash. What's the Difference ?)

ในโลกยุคดิจิทัลที่ทุกคนเริ่มพูดถึงและรู้จัก คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือ สกุลเงินคริปโต กันมากขึ้น Bitcoin มักจะเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงเสมอเมื่อพูดถึงเรื่องคริปโต เพราะเป็นสกุลเงินคริปโตสกุลแรกที่เกิดขึ้นในโลก และเป็นสกุลที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกเช่นกัน ซึ่งเมื่อคุณเคยได้ยินเกี่ยวกับ Bitcoin ก็อาจจะเคยได้ยินว่ามี Bitcoin Cash อยู่ด้วย เพราะเป็นอีกหนึ่งสกุลที่มีความโด่งดังและมีมูลค่าในตลาดเช่นกัน

แล้ว Bitcoin กับ Bitcoin Cash สองสกุลเงินคริปโตนี้มันต่างกันตรงไหน และแต่ละสกุลมีไว้ทำอะไร ทำไม Bitcoin ถึงดัง และเป็นที่นิยมมากกว่า Bitcoin Cash ไปดูที่มาที่ไปกัน

ต้นกำเนิดของ Bitcoin และ Bitcoin Cash
(The origins of Bitcoin and Bitcoin Cash)

ต้นกำเนิดของ Bitcoin

Satoshi Nakamoto คือบุคคลผู้พัฒนา และเปิดตัว Bitcoin สู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) จึงทำให้ Bitcoin กลายเป็นสกุลเงินคริปโตสกุลแรกของโลกไปโดยปริยาย และถือเป็นก้าวแรกของคริปโตเหรียญอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นตามมา

เครดิตภาพ : https://coinmarketcap.com/th/currencies/bitcoin/

ในปัจจุบัน Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินคริปโตที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ซึ่งมูลค่าของมันนั้นพุ่งทะยานจากราคาเดิมเพียงแค่หลักร้อยดอลล่าร์ มาจนถึงหลักหมื่นดอลล่าร์เพียงไม่กี่ปีให้หลัง หรือเทียบง่าย ๆ ให้เห็นภาพก็คือ จากตอนแรกที่อยู่ในราคาที่ซื้อเกม PC มาเล่นได้ ตอนนี้ราคา Bitcoin เหรียญนึง อยู่ในระดับที่สามารถซื้อรถได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม Bitcoin ที่คุณเห็นกันในปัจจุบันนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผู้พัฒนาเคยคาดคิดมาก่อน เพราะตอนแรก พวกเขาเพียงแค่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า อยากจะให้ผู้คนทั่วไปได้ใช้ Bitcoin เป็นส่วนหนึ่งของการจ่ายเงินแบบ Peer-to-Peer ผ่านระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ด้วยความที่ธรรมชาติของมันผันผวนอย่างน่าผิดหวังก็เลยทำให้มันเป็นไปไม่ได้ และจุดนี้เองที่ทำให้เกิด Bitcoin Cash ขึ้น

ต้นกำเนิดของ Bitcoin Cash

ในช่วงกลางปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) ความกังวลเกี่ยวกับข้อบกพร่องของ Bitcoin นั้นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตัวคริปโตก็มีมูลค่ามากขึ้น และใช้เวลาในการดำเนินการในแต่ละธุรกรรม (Transaction) นานขึ้น ยากที่จะจัดสเกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) ก็เลยมีนักขุดบวกกับนักพัฒนาจำนวนหนึ่ง สร้างสกุลเงินคริปโตที่คล้ายกันกับ Bitcoin ขึ้นมา ใช้ชื่อว่า Bitcoin Cash เพื่อเอามาก้าวข้ามปัญหาเหล่านั้น

เครดิตภาพ : https://en.wikipedia.org/wiki/Bitcoin_Cash

การพัฒนา Bitcoin Cash นั้น เกี่ยวพันกับการ Hard Fork ที่เกิดขึ้นบนบล็อกเชนดั้งเดิมของ Bitcoin และการ Hard Fork นั้น ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแยกโปรโตคอลบนบล็อกเชน และสร้างเชนทั้งสองที่แยกออกจากกันอีกที ดังนั้น Bitcoin Cash ก็เลยประกอบไปด้วยโค้ดพื้นฐานชุดเดียวกันกับ Bitcoin แต่มีการเพิ่มส่วนเสริมและการปรับแต่งเข้าไป นึกภาพง่าย ๆ ก็คือ เหมือนมีเป็นคริปโตที่แบ่งออกเป็นสองสปีชีส์ เปรียบ Bitcoin Cash เป็นตัวที่วิวัฒนาการมาจากตัวบุกเบิกอย่าง Bitcoin อีกที

Hard Folk คืออะไร ?

Hard Fork คือ การแยกเครือข่ายบล็อกเชนใหม่ออกจากบล็อกเชนดั้งเดิม เพื่อจุดประสงค์ในการพัฒนา ปรับปรุง หรือเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้าไป โดยเครือข่ายใหม่จะไม่สามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายเดิมได้อีก

Bitcoin แตกต่างจาก Bitcoin Cash ตรงไหน ?
(What is the difference between Bitcoin and Bitcoin Cash ?)

Bitcoin Cash มีระยะเวลาทำธุรกรรมสั้นกว่า

อย่างแรกเลยคือ ระยะเวลาในการทำธุรกรรมของ Bitcoin Cash นั้นสั้นกว่า Bitcoin มาก ในปัจจุบัน รายการธุรกรรมของ Bitcoin ใช้เวลาราว 10 นาที เทียบได้กับการทำธุรกรรมมาตรฐานของ Visa ซึ่งถือว่าค่อนข้างนานพอสมควร ขณะที่ Bitcoin Cash ใช้เวลาในการดำเนินธุรกรรมเพียง 2 นาทีก็เสร็จแล้ว ทำให้สามารถมีผู้ใช้งานในการทำธุรกรรมกับ Bitcoin Cash ในเวลาพร้อม ๆ กันได้โดยไม่ต้องประสบปัญหากับการรอคิวเป็นหางว่าว

ขนาดบล็อกของ Bitcoin Cash ใหญ่กว่า มีความยืดหยุ่นมากกว่า

อีกหนึ่งความแตกต่างระหว่าง Bitcoin และ Bitcoin Cash คือขนาดบล็อกของทั้งสองเหรียญ ล่าสุด ขนาดบล็อกของ Bitcoin อยู่ที่ 1 MB. และเมื่อใช้ SegWit2x การอัปเกรดที่เหล่าคนขุดโหวตให้ผสานรวมเข้ากับ Bitcoin แล้ว ก็สามารถทำให้ขนาดใหญ่ขึ้นได้ถึง 2 MB. แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังนับว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดบล็อกของ Bitcoin Cash...

เพราะในส่วนของ Bitcoin Cash บล็อกของมันอาจมีขนาดใหญ่ได้ถึง 32 MB. ซึ่งบล็อกที่ใหญ่ขึ้น หมายถึงการที่มันสามารถรองรับรายการธุรกรรมได้มากขึ้น ดังนั้น Bitcoin Cash จึงอยู่ในฐานะที่สามารถยืดหยุ่นมากกว่า แถมยังช่วยทำให้ไม่เกิดปัญหารายการธุรกรรมคงค้างที่รอการยืนยันอยู่หลังบ้าน ที่ในปัจจุบันกำลังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับ Bitcoin ณ ช่วงเวลาหนึ่งที่มีคนทำธุรกรรมพร้อมกันมากถึง 100,000 คน รออยู่หลังบ้าน ก็อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่บนเครือข่าย และสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้ใช้งานได้ไม่น้อยเลยในเวลาเร่งรีบ

เครดิตภาพ : https://ccoingossip.com/differences-between-bitcoin-and-bitcoin-cash/

Bitcoin Cash มีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า

Bitcoin Cash ยังมีภาษีดีกว่าตรงที่มีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมถูก ทำให้สามารถเอื้อมถึง และเข้าถึงได้ง่ายกว่า Bitcoin ใน 1 รายการ คุณจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพียง 20¢ (ราว 6.53 บาท) เท่านั้นกับ Bitcoin Cash แถม Bitcoin Cash ยังทำธุรกรรมแบบ Smart Contracts ที่เหมือนกันกับ Bitcoin ที่คุณสามารถทำการเทรดได้โดยไม่ต้องใช้คนกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย ทำให้ขจัดปัญหา Human Error หรือความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ไปได้, ทำให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น, และยังช่วยให้ธุรกรรมของ Bitcoin Cash ดำเนินไปได้เร็วขึ้นด้วย

มาถึงจุดนี้ คุณอาจจะคิดว่า Bitcoin Cash ดูมีมูลค่ามากกว่าอีกเหรียญ แต่แท้จริงแล้ว ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม เพราะอันดับหนึ่ง ก็คืออันดับหนึ่งอยู่วันยันค่ำ ส่วน Bitcoin Cash นั้นยังอยู่ใน 30 อันดับสูงสุดของเหรียญคริปโตยอดนิยมและมีมูลค่าทั่วโลก ดังนั้น เรียกว่ามูลค่านั้นอยู่คนละระดับกันเลยจะถูกกว่า

ราคา ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022)

Infographic ความแตกต่างระหว่าง Bitcoin กับ Bitcoin Cash

ทำไม Bitcoin ถึงได้รับความนิยมมากกว่า Bitcoin Cash ?
(Why is Bitcoin more popular than Bitcoin Cash ?)

สำหรับหลาย ๆ คนแล้ว Bitcoin ถือเป็นบางสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายของคำว่าปฏิวัติ เพราะมันได้เปลี่ยนแปลงการจับจ่ายใช้สอย และการทำรายได้ให้มีเงินงอกเงย ทั้งยังก่อให้เกิดอุตสาหกรรมระดับหมื่นล้านเหรียญขึ้น เพราะเหตุนี้ Bitcoin จึงถือเป็นลัทธิ ๆ หนึ่งแบบกลาย ๆ ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ผู้ครอบครอง และนักขุด Bitcoin หลายคนถึงขั้นสาบานจงรักภักดีต่อเหรียญนี้เพียงเหรียญเดียว ดังนั้น ถึงแม้จะเกิด Hard Fork ขึ้น ก็ไม่สามารถลดความนิยมของมันลงไปได้เลย

เพิ่มเติมจากเหตุผลที่กล่าวมา Bitcoin ยังอาจเป็นคริปโตที่ถือเป็นคริปโตสามัญประจำบ้านเพียงเหรียญเดียวเท่านั้น เพราะมือใหม่ในวงการคริปโต มักมอง Bitcoin เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการลงทุนเพียงตัวเดียว เพราะความโด่งดังและมูลค่าในตัวของมัน ซึ่งเมื่อบุคคลที่ลงทุนในคริปโตมองแค่การลงทุนในระยะยาวแล้ว ก็มักจะไม่ต้องแคร์อะไรมากนักเกี่ยวกับเวลาในการทำธุรกรรม, ขนาดบล็อก, หรือสเกลของมันแต่อย่างใด (เพราะเก็บลืม หรือไม่ก็เก็บยาว ๆ ถือยาว ๆ)

เครดิตภาพ: https://appinventiv.com/blog/blockchain-wallets-complete-guide/

แน่นอนว่า Bitcoin นั้นก็มีข้อเสียในตัวมันเองเหมือนกัน แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่า เมื่อไหร่ที่ผู้พัฒนาจะมาทำการดัดแปลงแก้ไขมันในอนาคต ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของบรรดาผู้ใช้งานเป็นหลัก รวมไปถึงการขยายฐานผู้ใช้งานคริปโตเคอร์เรนซีที่จะต้องมีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ที่อาจเป็นไปได้ว่า ผู้พัฒนาอาจจะหันมาโฟกัสที่การพัฒนาเรื่องความสะดวกในการใช้งานหรือการเทรดเป็นหลักก็ได้

ข้อมูลเพิ่มเติม : รวมศัพท์ในวงการ สกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี