เมื่อเราเปิดกล่องจดหมายขึ้นมา มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ในนั้นจะเต็มไปด้วยอีเมลสแปม (Spam Email), สแปม และก็สแปม เคยมีรายงานการสำรวจของ บริษัท Cisco (บริษัทด้านไอที และระบบเครือข่ายระดับโลก) พบว่าในแต่ละเดือนมีอีเมลสแปมถูกส่งอยู่ในระบบเฉลี่ยถึงวันละ 250,000,000,000 ฉบับ คิดเป็นปริมาณที่มากถึง 85% ของอีเมลทั้งหมดที่ถูกส่งเลยทีเดียว
อีเมลสแปม จริงๆ ก็คือคำที่ใช้เรียกที่นิยมเลยก็คือ "อีเมลขยะ (Junk Email)" คำนี้ถูกบรรจุลงในดิกชันนารีของอ๊อกซฟอร์ดตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ระบุความหมายเอาไว้ว่า "จดหมายส่งข้อความที่ไม่พึงประสงค์ที่ถูกส่งทางอินเทอร์เน็ตโดยทั่วไปจะส่งไปยังผู้ใช้จำนวนมากเพื่อจุดประสงค์ในการโฆษณา (Ads), ฟิชชิง (Phishing), หวังแพร่กระจาย มัลแวร์ (Malware) ฯลฯ"
แต่ประเด็นที่เราจะมาเล่าในบทความนี้ คือ คำว่า Spam มีต้นกำเนิดที่มาจากอะไร ? มาอ่านข้อมูลกันต่อเลย
ที่มาของคำว่า Spam ต้องย้อนกลับไปถึงปี ค.ศ. 1937 ตอนนั้น บริษัท Hormel Foods Corporation ได้คิดค้นอาหารกระป๋องชนิดใหม่ขึ้นมา มันเป็นเนื้อหมู, แฮม แบบสุก ที่ปรุงแต่งรสชาติด้วย น้ำซุป, เกลือ, น้ำตาล, แป้งมันฝรั่ง และใช้โซเดียมไนไตรท์เป็นสารกันบูด
ชื่อเมนูอาหารกระป๋องตัวใหม่นี้ถูกระดมไอเดียผ่านการแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัลมูล $100 ถือว่าสูงมากนะครับในสมัยนั้น หากเป็นในตอนนี้ก็เทียบได้กับเงินมูลค่า $1,808 (ประมาณ 54,115 บาท) เลยทีเดียว ซึ่งผู้ที่คว้ารางวัลไปคือ นาย Ken Daigneau ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้บริหารบริษัท Hormel Foods Corporation โดยชื่อที่ตั้งขึ้นมาก็คือ "SPAM" นั่นเอง โดยเป็นการย่อมาจากคำว่า Spiced Ham
ภาพจาก https://twitter.com/OfficialSPAMUK/status/586125930671767552/photo/1
เจ้า SPAM นี่ได้กลายเป็นเสบียงที่มีบทบาทสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ. 1939-1945 (พ.ศ. 2482-2488) เป็นอย่างมาก ตอนนั้นทางกองทัพของสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาในการส่ง "เนื้อสัตว์" ไปให้ทหารในสนามรบ แล้ว SPAM ก็กลายเป็นพระเอกที่มาช่วยแก้ปัญหาให้ มันกลายเป็นเสบียงหลักที่ทหารทุกนายจะได้รับ ประมาณการเอาไว้ว่าทางกองทัพได้จัดซื้อ SPAM ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองไปมากถึง 68,000 ตัน เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งฉายาให้ SPAM ในเหล่าทัพเอาไว้มากมาย เช่นว่า แฮมที่ปราศจากกายภาพขั้นพื้นฐาน, มีตโลฟที่ไม่ผ่านการฝึกฝน และเนื้อของกองทัพพิเศษ ซึ่งเป็นการเสียดสีในเชิงว่ามันเป็น "เนื้อปลอม" ลองจินตนาการตามดูสิว่าในสงครามที่ยืดเยื้อ และเนื้อสัตว์ที่คุณต้องทานเป็นประจำ คือ เนื้อกระป๋องจาก SPAM ที่รสชาติไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่สามารถสู้เนื้อที่ทำแบบสดใหม่ได้
มีเรื่องเชื่อว่าที่คนเรียกอีเมลขยะว่า Spam เริ่มมาจากการที่มันถูกเสียดสีว่าเป็น "เนื้อปลอม" ซึ่งอีเมลขยะก็จัดว่าเป็น "อีเมลปลอม" เช่นกัน คนก็เลยหยิบคำว่า SPAM มาใช้ แต่จากหลักฐานที่ปรากฏเชื่อว่านั่นน่าจะไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง
เหตุผลที่น่าจะถูกต้องคาดว่า เริ่มมาจากตอนหนึ่งของซีรีส์แนวคอมเมดี้เรื่อง Monty Python's Flying Circus ที่ถูกฉายทางช่อง BBC1 ในปี ค.ศ. 1970 (พ.ศ. 2513) โดยในฉากนั้นจะมีเนื้อหาว่าเมนูอาหารทั้งหมดในภัตตาคารทุกเมนู จะถูกทำจาก SPAM เมื่อลูกค้าในร้านบ่นว่า "ฉันไม่ชอบสแปมโว้ย" กลุ่มลูกค้าชาวไวกิ้งที่นั่งอยู่ตรงมุมร้านก็จะร้องเพลงขึ้นมาว่า "SPAM, SPAM, SPAM, SPAM, SPAM, SPAM, SPAM, SPAM, lovely SPAM! Wonderful SPAM !" จนกระทั่งมีคนตะโกนสั่งให้ "Shut up !" (หุบปาก !)
ทำให้มีหลายคนในยุคนั้น ใช้คำว่า SPAM ในสื่อความหมายถึง "สิ่งน่ารำคาญที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า" (คล้ายกับที่ Photoshop กลายเป็นคำกริยา)
สามารถชมฉากดังกล่าวได้จากวิดีโอด้านล่างนี้ครับ
เหตุการณ์สแปมอีเมล (Spam Email) ครั้งแรกที่ถูกบันทึกเอาไว้ เรียกว่า DEC Spam ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521)
ตอนนั้น Gary Thuerk นักการตลาดสายรุกแห่ง Digital Equipment Corp (DEC) เชื่อว่าระบบปฏิบัติการตัวใหม่ของบริษัท DEC-20 และ TOPS-20 ที่มีการเพิ่มโปรโตคอล Arpanet เข้ามา จะต้องทำให้กลุ่มผู้ใช้ Arpanet รู้สึกว่ามันเจ๋งอย่างแน่นอน
Arpanet เป็นระบบเครือข่ายระหว่างคอมพิวเตอร์ ในทางเทคนิคแล้วจะกล่าวว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต (Internet) เลยก็ว่าได้
DEC เป็นบริษัทใหญ่ฝั่ง East Coast (ชายฝั่งตะวันออก) ของอเมริกา เขามีเส้นสายมากมายที่จะประชาสัมพันธ์ DEC-20 ให้กับลูกค้าฝั่งนี้ได้ แต่เขาต้องการขยายฐานลูกค้าไปยังฝั่ง West Coast (ชายฝั่งตะวันตก) ด้วย โดยการจัดงาน Open Houses ให้คนที่ย่านนั้นเข้าชม สมัยนั้น จะมีข้อมูลของประชากรถูกเก็บไว้ไดเร็กทอรีของ Arpanet ทาง Gary Thuerk ได้ขอความช่วยเหลือจากฝ่ายเทคนิคในการนำข้อมูลที่อยู่จากไดเรคทอรีของผู้ใช้งานฝั่ง West Coast ทั้งหมด รวมไปถึงคนที่ทำงานในสำนักงานใหญ่ของ ARPA มาลิสต์รวมในรายชื่ออีเมลที่ต้องส่ง
และแล้วในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) อีเมลที่ถูกเรียกว่าเป็นการสแปมครั้งแรกของโลกก็ถูกส่งออกไป ซึ่งระบบอีเมลที่ใช้ในขณะนั้นรองรับการส่งได้สูงสุดครั้งละ 320 ที่อยู่เท่านั้น ส่วนที่เกินออกมาจะถูกตัดไปลงไปเป็นข้อความแทน และเมื่อระบบตรวจสอบพบว่าอีเมลที่ถูกส่ง มีคนที่ยังไม่ได้รับ (พวกที่รายชื่อถูกตัดไปเป็นข้อความแทน) มันก็จะทำการส่งอีเมลใหม่ซ้ำอีกรอบอีกครั้งไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบ ดังภาพด้านล่างนี้ (ในภาพตัดมาแค่บางส่วน เนื่องจากมันยาวมาก)
ผลจากเหตุการณ์นี้ ทำให้เขาถูกบันทึกชื่อเอาไว้ในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ (Guinness Book of World Records) ว่าเป็นบุคคลแรกที่สร้างสแปมอีเมล
ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นคนแรกที่นำคำว่า SPAM มาใช้เป็นคนแรก แต่คำนี้เริ่มมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในปี ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) บนเกมออนไลน์ที่ชื่อว่า MUD (multi-user dungeon) มันเกมแนว Role-playing games แบบ Text-based ที่มีระบบแชทออนไลน์ในตัว ซึ่งคนในกลุ่มนั้นได้ให้นิยามบอทที่ส่งข้อมูลไร้สาระจำนวนมากเข้ามาในระบบแชทว่า "Spam" โดยได้แรงบันดาลใจจาก Python's Flying Circus
เอกสารชิ้นแรกที่ปรากฏการใช้คำว่า Spam มาจากชุมชน Usenet (เป็นคลังเก็บสารที่โพสต์จากผู้ใช้หลายคนจากที่ต่าง ๆ โดยใช้อินเทอร์เน็ต มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับฟอรัม (Forum) และการอภิปรายบน World Wide Web (WWW) เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) โดย Richard Depew เข้าได้ทดสอบ ARMM ซอฟต์แวร์ดูแลระบบ (Moderation Software)
แต่ด้วยความผิดพลาดบางอย่าง ผลจบลงที่เขาได้โพสต์ข้อความเดิมซ้ำกันกว่า 200 โพสต์ลงใน news.admin.policy ซึ่งเขาก็ได้ออกมาแถลงการณ์ขอโทษโดยเรียกข้อความที่เขาโพสต์ว่า "Spam" อย่างไรก็ตาม หลายคนระบุว่านี่ไม่สามารถเรียกว่า Spam ได้เต็มปากเท่าไหร่นัก เพราะเกิดจากอุบัติเหตุ ไม่ใช่ความจงใจ
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็มีนักสแปม ได้ก่อเหตุการณ์ Spam ครั้งใหญ่บน Usenet อีกหลายครั้ง เช่น Jesus spam และ Green Card Lottery- Final One? ในปี ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537)
นับตั้งแต่นั้นมา Spam ก็แพร่ระบาดมาจนถึงปัจจุบันนี้ เคียงคู่มาพร้อมกับการเติบโตของอินเทอร์เน็ต แม้จะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยคัดกรอง, ปิดกั้น และป้องกันสแปมออกมามากมาย แต่ทุกครั้งที่เราเช็คอีเมล เราก็ยังมักจะเจอกับสแปมเมลอยู่ดี
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |