ในปัจจุบันนี้ เทรนด์การทำงานแบบ การทํางานนอกสถานที่ หรือ การทำงานนอกออฟฟิศ (Remote Working) หรือเป็น การทำงานแบบที่ทำที่ไหนก็ได้ และไม่จำเป็นต้องเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหลายคนก็ชื่นชอบกับการทำงานแบบนี้ โดยให้เหตุผลว่าการทำงานในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย อย่างเช่นที่บ้าน การแต่งตัวตามสบาย เพราะไม่ต้องแคร์สายตาเพื่อนร่วมงาน ทำให้รู้สึกว่าได้ปลดปล่อยตัวเองจากกฏที่น่ารำคาญ จึงสามารถทำงานออกมาได้ดีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันก็มีคนจำนวนไม่น้อย ที่ประสบปัญหากับการทำงานแบบนอกสถานที่ ซึ่งเราก็ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำงานแบบนี้แล้วได้ผลงานออกมาดี หนักหน่อยก็คือแทบไม่ได้งานเป็นชิ้นเป็นอันออกใสเลยด้วยซ้ำไป
แล้วคนแบบไหน ที่ไม่เหมาะกับการทำงานแบบนอกสถานที่ ? เราเป็นแบบนั้นด้วยหรือเปล่า ? ในบทความนี้ก็จะมาบอกถึงลักษณะของผู้ที่ไม่เหมาะสมกับกับการทำงานแบบนอกสถานที่
แรงจูงใจเป็นคุณลักษณะที่สำคัญ และจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ทำงานแบบนอกสถานที่ เพราะส่วนใหญ่แล้วคุณก็จะทำงานอยู่เพียงคนเดียวภายในที่อยู่อาศัย ไม่มีการปฏิสัมพันธ์กับหัวหน้า หรือเพื่อนร่วมงานโดยตรง ภายใต้สภาพแวดล้อมที่อิสระ และปราศจากแรงกดดัน หากคุณไม่ใช่คนที่สามารถสร้างแรงจูงใจในการทำงานได้ ก็เป็นเรื่องยากที่คุณจะสามารถตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จได้ โดยไม่หนีไปนอน หรือนั่งดู Netflix เสียก่อน
การขาดแรงจูงใจในการทำงานเป็นปัญหาที่มีความอันตรายต่อผู้ที่ทำงานนอกสถานที่ เป็นอย่างมาก เพราะมันจะทำให้คุณทำงานไม่เสร็จตามกำหนด หรือได้ผลงานที่เสร็จออกมาแบบห่วยแตก หากถึงเวลานั้น เวลาที่คุณเกิดหมดไฟในการทำงานขึ้นมา คุณจะต้องหาจุดไฟในตัวเองขึ้นมาให้ได้ เพราะนั่นคือหน้าที่ที่คนทำงานต้องรับผิดชอบ
เทคโนโลยี และอินเทอร์เน็ต เปรียบได้กับกระดูกสันหลังของการทำงานนอกสถานที่ เลยก็ว่าได้ ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่โลว์เทค (Low tech) ก็จะทำให้คุณต้องเผชิญกับอุปสรรคในการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยส่วนใหญ่การทำงานนอกสถานที่ ในปัจจุบันนี้ จะเป็นการทำงานแบบออนไลน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งต้องมีการใช้งานเครื่องมือหลายอย่าง เพื่อให้การสื่อสาร และบริหารงานเป็นไปอย่างราบรื่น โดยจะมีทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ หลายตัวที่คุณจำเป็นต้องใช้งานให้เป็น หากคุณเป็นคนที่ไม่เข้าใจเทคโนโลยี ปรับตัวช้า ตามเทคโนโลยีไม่ทัน การทำงานนอกสถานที่ ของคุณจะค่อนข้างลำบากเลยล่ะ
ในการทำงานนอกสถานที่ การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ช่วยให้การทำงานมีความราบรื่น และประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี หากคุณเป็นผู้ที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร ไม่ชอบตอบแชท, รับโทรศัพท์ หรือประชุมออนไลน์ การทำงานนอกสถานที่ อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุตามเป้าหมายขององค์กรได้ด้วยการทำงานเพียงลำพัง โดยไม่สื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมเลย
ปัจจุบันนี้ มีระบบสื่อสารแบบดิจิทัลให้เลือกใช้งานอยู่มากมาย เช่น อีเมล, แอป Instant message, วิดีโอคอล, ระบบประชุมออนไลน์ เครื่องมือเหล่านี้ ช่วยให้ผู้ที่ทำงานนอกสถานที่ สามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานผ่านอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เราสามารถใช้พวกมันในการฝึกทักษะการสื่อสารให้ดีขึ้นได้
การทำงานนอกสถานที่ทำงานของเรา จะอยู่ที่ไหนก็ได้ขอแค่เพียงมันมี อินเทอร์เน็ต แต่ไม่ว่าเราจะทำงานที่ไหนก็ตาม อาจจะที่บ้าน หรือร้านกาแฟก็ตาม สภาพแวดล้อมมันก็จะมีความผ่อนคลาย ควบคุมน้อยกว่าในที่ทำงาน หากคุณอาศัยอยู่คนเดียวมันก็จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่หากมีคนอื่นอยู่ด้วย และพวกเขาไม่เข้าใจว่าคุณกำลังทำงานอยู่ โอกาสที่คุณจะโดนพวกเขาเหล่านั้นรบกวนมีสูงมาก
ตัวอย่างเช่น แม่ใช้ไปซื้อของ, แมวมาขอให้เราจกพุง, ลูกมางอแงอยากเล่นด้วย, Netlifx ตอนใหม่อัปเดตแล้ว ฯลฯ หากคุณไม่มีสมาธิที่ดีพอ คุณก็จะถูกสิ่งเหล่านี้ ดึงความสนใจออกไปจากงานได้อย่างง่ายดาย
มีผู้ที่ทำงานนอกสถานที่นั้น เรามักจะติดกับภาพมายาที่หลอกว่าตัวเองมีเวลาทำงานเหลืออยู่มากมาย ยังไม่ต้องรีบลงมือทำก็ได้ เพราะไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน ไม่มีใครมาจ้องกดดันตามงาน คุณอาจจะนั่ง (หรือนอน) ทำงานอย่างชิว ๆ เพราะเชื่อว่ายังไงก็ทำทันตามกำหนด แต่เอาเข้าจริง นาฬิกามันไม่เคยขี้เกียจหยุดเดิน รู้สึกตัวอีกที วันหนึ่งก็อาจจะหมดไปโดยที่งานคุณไม่ได้คืบหน้าอย่างที่มันควรจะเป็น
ในทางตรงข้าม บางคนก็ทำงานจนลืมให้เวลาตัวเองพักผ่อน พักทานอาหาร หรือผ่อนคลายร่างกายบ้าง ดังนั้น ทักษะในการบริหารเวลาจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ถึงจะไม่มีใครมากำหนดเวลาให้ คนที่ทำงานนอกสถานที่ ก็ควรจะสร้างตารางเวลาทำงานของตนเองขึ้นมาใช้ด้วยเช่นกัน
การทำงานนอกสถานที่นั้น คุณจะทำงานอยู่เพียงลำพัง หากคุณเป็นคนที่ชอบเข้าสังคม คุณก็อาจจะรู้สึกเหงา โดดเดี่ยวกับการที่นั่งทำงานเพียงลำพัง ไม่มีคนให้คุยด้วยเลย มันก็อาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของคุณได้
หากคุณเป็นคนที่ทำอะไรได้ดี เวลาที่มีคนอยู่รอบตัว เพราะอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกจ๋อย ขาดแรงกระตุ้นในการทำงาน เมื่อไม่มีความกระตือรือร้นเกิดขึ้น ผลงานของคุณก็คงจะออกมาได้ไม่ดีนักไปโดยปริยาย
หากคุณเป็นคนที่ไม่สามารถทำงานให้เรียบร้อยได้โดยขาดผู้อื่นคอยช่วยเหลือ หรือวางแผนให้ คุณอาจจะไม่เหมาะกับการทำงานนอกสถานที่ เพราะแม้จะมีเครื่องมือสื่อสารให้ใช้งานอยู่หลายตัว แต่คนที่สามารถช่วยเหลือคุณได้ก็ไม่สามารถมาตรวจสอบงานของคุณได้อย่างใกล้ชิดเหมือนกับการทำงานที่ออฟฟิศอยู่ดี งานส่วนใหญ่คุณต้องรับผิดชอบด้วยตนเอง หากมีปัญหาอะไร โดยมากแล้วก็ต้องหาทางแก้ไขด้วยตัวเองก่อนอยู่ดี
สามารถกล่าวได้ว่า ผู้ที่จะทำงานนอกสถานที่ได้ดี จะต้องเป็นคนที่สามารถจบงานที่ได้รับมอบหมายมาด้วยตนเองได้ในระดับหนึ่ง สามารถรับข้อเสนอแนะจากทีมมาทำงานรับช่วงต่อได้ โดยหากมีปัญหาก็สามารถพลิกแพลงหาทางแก้ไขได้โดยไม่จำเป็นต้องให้ทีมคอยช่วยทุกครั้ง
การทำงานนอกสถานที่ เป็นการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานที่ต่างไปจากรูปแบบดั้งเดิม คุณไม่ต้องเข้าออฟฟิศ หรือบางบริษัทอาจจะไม่มีออฟฟิศเลยด้วยซ้ำไป คุณจะทำงานที่ไหนก็ได้ กี่โมงก็ได้ ไม่ใช่เรื่องที่บริษัทให้ความสนใจ สิ่งที่บริษัทต้องการ คือการที่คุณส่งงานที่ได้รับมอบหมายไปทำ ภายในระยะเวลาที่กำหนด
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้
หัวใจสำคัญของการทำงานในลักษณะนี้ คือคุณต้องเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบสูง รู้จักการวางแผนงาน และแผนการใช้ชีวิต ให้มีความสมดุล เราต้องยอมรับว่ามีบางคนที่ไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ พออยู่บ้านก็รู้สึกผ่อนคลาย ทำงานไป ก็แอบพักหน้าจอไปทำโน่น ทำนี่ที่เป็นกิจกรรมส่วนตัว จนเสียงานเสียการ
หากรู้ตัวว่า เป็นคนที่จิตใจไม่หนักแน่นพอ การเข้าออฟฟิศน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีต่อการทำงานของคุณ มากกว่าการทำงานนอกสถานที่ (Remote Working) อย่างแน่นอน
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |