ในท้องตลาดปัจจุบัน มี หูฟัง (Headphone) ให้เลือกซื้ออยู่หลากหลายแบบ แต่ถ้าจะแบ่งตามลักษณะการออกแบบแล้ว ก็จะมีอยู่ 4 แบบหลักๆ ด้วยกันคือ Over-Ear, On-Ear, Earbuds และ In-Ear (ความจริงมีอีกแบบ คือ Bone Conduction (ส่งคลื่นเสียงผ่านกระดูก) แต่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก จึงไม่ขอกล่าวถึงในความนี้)
ซึ่งหูฟังทั้ง 4 รูปแบบก็มีข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับรสนิยม และลักษณะในการฟัง ถ้ายังไม่รู้ว่าตัวคุณเหมาะกับหูฟังแบบไหน ลองอ่านบทความนี้กันดู เชื่อว่าคุณผู้อ่านน่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้น
อย่างที่เราบอกว่าหูฟังมีการออกแบบอยู่ 4 รูปแบบ ความแตกต่างของแต่ละแบบนั้น มาจากวิธีการสวมใส่ตัวหูฟัง
หูฟังแบบ Over-Ear จะเป็นหูฟังที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เวลาสวมใส่ตัว Ear Cups จะครอบไปทั้งใบหูของเราเลย ถ้าไม่ติดเรื่องขนาดของมันแล้วล่ะก็ หูฟังแบบนี้จะสวมใส่ได้สบายที่สุด
ภาพจาก : https://www.rtings.com/headphones/learn/over-ear-vs-on-ear-vs-in-ear-vs-earbuds-comparison
หูฟังแบบ On-ear จะมีขนาดตัวที่เล็กกว่าหูฟังแบบ Over-ear ทำให้พกพาง่ายกว่า บางรุ่นออกแบบมาให้พับครึ่งเพื่อให้เก็บใส่กระเป๋าได้ง่ายขึ้นด้วย
ด้วยความที่หูฟังมีขนาดเล็ก ตัว Ear cups ก็เลยต้องเล็กตามไปด้วย ทำให้ไม่สามารถครอบใบหูได้ เวลาใส่จึงเป็นการ "แปะ" อยู่บนใบหูของเราเท่านั้น
หูฟังแบบ On-ear ไม่มีจุดเด่นด้านไหนเป็นพิเศษ มันออกแนวเน้นความบาลานซ์มาในทุกด้านๆ ไม่ได้พกง่ายเหมือน In-ear ไม่ได้เสียงดีเท่า Over-ear อะไรประมาณนั้น
ภาพจาก : https://www.rtings.com/headphones/learn/over-ear-vs-on-ear-vs-in-ear-vs-earbuds-comparison
หูฟังแบบ Earbuds เป็นหูฟังขนาดเล็กที่จะแปะลำโพงเอาไว้หน้ารูหูของเราเลย ด้วยความที่มันเล็กมาก จึงทำให้พกพาได้ง่าย แต่ความนิยมของหูฟังชนิดนี้มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ทำให้มีตัวเลือกในการซื้อหามาใช้งานไม่มากนัก
ภาพจาก : https://www.rtings.com/headphones/learn/over-ear-vs-on-ear-vs-in-ear-vs-earbuds-comparison
หูฟังแบบ In-Ear มีลักษณะคล้ายกับหูฟังแบบ Earbuds เพียงแต่ว่าตรงส่วนช่องลำโพงจะมีขนาดเล็กกว่ามาก เพื่อสอดเข้าไปในหูของเราเลย ด้วยความที่พกพาง่าย และมีข้อดีเยอะ ทำให้หูฟังแบบนี้มีให้เลือกเยอะมาก อย่างไรก็ตาม บางคนไม่ชอบหูฟังสไตล์นี้เท่าไหร่ โดยบอกว่ามันใส่แล้วอึดอัด รู้สึกไม่สบายหู
ภาพจาก : https://www.rtings.com/headphones/learn/over-ear-vs-on-ear-vs-in-ear-vs-earbuds-comparison
หูฟังแต่ละแบบ จะให้ความสบายในการสวมใส่ที่แตกต่างกัน ซึ่งมันจะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกไม่อึดอัด หรือปวดล้าหูแม้จะใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
Over-Ear สบายที่สุด | On-Ear สบาย |
Earbuds เฉยๆ | In-Ear ไม่ค่อยสบาย |
ภาพจาก : https://www.rtings.com/headphones/learn/over-ear-vs-on-ear-vs-in-ear-vs-earbuds-comparison
Over-ear เป็นหูฟังที่สวมใส่สบายที่สุด สวมใส่ง่าย Earpads มีขนาดใหญ่ครอบไปทั้งใบหู ทำให้ไม่ล้าจากการที่ใบหูถูกหนีบ และไม่อึดอัดในรูปหูเหมือน In-Ear
Earbuds เป็นอีกดีไซน์ที่เหมือนจะสวมใส่ได้สบาย แต่ในความเป็นจริง คือ การหาขนาดของ Earbuds ที่ใส่แล้ว "พอดี" หูนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหูของแต่ละคนมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน
แม้ In-Ear เป็นหูฟังที่ใส่ "ไม่สบายที่สุด" แต่หากเป็น Custom In Ear Monitors ล่ะก็ ความสบายน่าจะสูสีกับ Over-Ear เลยทีเดียว โดย Custom In Ear Monitors คือ หูฟังแบบ In-Ear ที่ผลิตขึ้นมาโดยผู้ซื้อจะต้องทำแบบพิมพ์ใบหูของตัวเองขึ้นมาก่อน จากนั้นผู้ผลิตก็จะเอาแบบพิมพ์นั้นไปผลิตเป็นบอดี้หูฟังที่มีรูปทรงสอดรับกับใบหูของเรา ทำให้สวมใส่ได้พอดีเป๊ะไม่อึดอัด
ภาพจาก : https://www.straitstimes.com/tech/audio/it-takes-under-10-minutes-to-create-mould
หากความสะดวกในการพกพาเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อหูฟัง หากคุณไม่ใช่คนชอบสะพายกระเป๋า การจะพกหูฟังแบบ On-Ear ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ (ยังไม่ต้องพูดถึง Over-Ear) คุณก็คงต้องมองเป็นหูฟังแบบ Earbuds หรือ In-Ear ที่มีขนาดเล็กแทน
| |
Earbuds พกพาง่าย | In-Ear พกพาง่าย |
ภาพจาก : https://www.rtings.com/headphones/learn/over-ear-vs-on-ear-vs-in-ear-vs-earbuds-comparison
Noise isolation หมายถึง คุณสมบัติในการปิดกั้นเสียงโลกจากภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนเสียงที่ได้เรายินจากหูฟัง
โดยหูที่ตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีที่สุด คือ หูฟังแบบ In-Ear ด้วยความที่จุกของมันจะปิดกั้นช่องรับเสียงในรูหูอยู่แล้ว (Passive Noise-Cancelling) ส่วนหูฟังที่ปล่อยเสียงให้เข้ามารบกวนได้มากที่สุด คือ หูแบบ Earbuds เนื่องจากดีไซน์ของมันไม่ครอบคลุมใบหู และยังไม่ปิดรูหูอีกด้วย
ถ้าหากเทียบ Over-Ear กับ On-Ear ล่ะก็ Over-Ear จะเป็นรองแค่ In-Ear เท่านั้น เพราะ On-Ear นั้นมี Ear cups ขนาดเล็ก แปะลงใบหูเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถปิดผนึกช่องว่างได้ดีนัก เสียงจึงลอดเข้ามาง่ายไม่ต่างจากหูฟังแบบ Earbuds
Active Noise-Cancelling มีอีกหลายชื่อเรียก คือ Active Noise Control (ANC) หรือ Active Noise Reduction (ANR) เป็นระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ที่หูฟังราคาสูงมักใส่เข้ามาให้ด้วย ซึ่งมันส่งผลต่อการตัดสินว่าหูฟังแบบไหนมี Noise Isolation ดีกว่ากันด้วย
เช่น หูฟัง On-Ear ที่มีระบบ Active Noise-Cancelling ก็อาจจะตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีกว่า หูฟัง Over-Ear ที่ไม่มี Active Noise-Cancelling ก็เป็นได้
ภาพจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Active_noise_control
หูฟังหลายแบบจะมีเสียงเล็ดลอดออกมา ถ้าฟังอยู่คนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าคุณเคยรำคาญเสียงเล็ดลอดจากหูฟังที่มาจากคนที่ยืนข้างๆในลิฟต์ หรือนั่งติดกันบนรถไฟฟ้า แล้วไม่อยากกลายเป็นคนใส่หูฟังที่สร้างความน่ารำคาญแบบนั้นแล้วล่ะก็ หูฟังแบบ In-Ear เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด รองลงมาก็หูฟังแบบ Ear-Buds
ปัญหาเสียงเล็ดลอดนั้น มีอยู่ 2 สาเหตุ คือ มีช่องว่างระหว่างหูฟัง กับหูของเรา ทำให้ลอดออกมาได้ อีกสาเหตุ คือ เราเปิดเสียงดังเกินไป ซึ่งหูฟัง In-Ear และ Ear-Buds มีแหล่งกำเนิดเสียงเป็นไดร์เวอร์ขนาดเล็ก ต่อให้เราเปิดดังสุด มันก็ไม่ได้ดังไปไกลมากเท่าไหร่
ซึ่ง Over-Ear และ On-Ear มีไดร์เวอร์ขนาดใหญ่มาก ทำให้เสียงลอดออกมาค่อนข้างดัง ตามด้วย On-Ear ที่แม้จะเบากว่า แต่ก็ยังดังกว่า Ear-Buds อยู่ดี
Earbuds เสียงลอดน้อย | In-Ear เสียงลอดน้อยมาก |
ภาพจาก : https://www.rtings.com/headphones/learn/over-ear-vs-on-ear-vs-in-ear-vs-earbuds-comparison
หัวข้อนี้ยากที่จะหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ หากว่ากันตามโครงสร้างแล้วหูฟังแบบ Over-Ear จะเป็นหูฟังที่ผลิตเสียงได้ดีที่สุด เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดด้านขนาด อย่างไรก็ตาม เมื่อเอาเรื่องอื่นๆ มาพิจารณาร่วมด้วย ไม่ว่าจะราคา, รสนิยม, แนวทางเสียง, ลักษณะการใช้งาน ฯลฯ
หัวข้อนี้เราจึงไม่อาจฟันธงได้ว่าหูแบบไหนมีคุณภาพเสียงดีที่สุดนะครับ
รูปแบบของหูฟัง | Over-Ear | On-Ear | Earbuds | In-Ear |
สวมใส่สบาย | สบายที่สุด | สบาย | เฉยๆ | ไม่ค่อยสบาย |
พกพาสะดวก | พกลำบาก | ไม่ยากไม่ง่าย | พกพาง่าย | พกพาง่าย |
ตัดเสียงรบกวนจากภายนอก | ดี | พอใช้ | แย่ | ยอดเยี่ยม |
เสียงเล็ดลอดจากหูฟัง | เยอะ | พอประมาณ | น้อย | น้อยมาก |
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |