หลายคนอาจคุ้นเคยกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของทางบริษัท Apple กันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, iMac หรือ Macbook ที่ดีไซน์สุดจะเรียบง่ายและมินิมอล แต่ก่อนที่จะพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบออกมาอย่างที่เราคุ้นเคยกันดีในทุกวันนี้ก็เรียกได้ว่าทาง Apple นั้นได้ ลองผิดลองถูก มานับไม่ถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
คอมพิวเตอร์ Apple I ที่เป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกและอุปกรณ์ตัวแรกของบริษัท Apple นั้นปล่อยออกมาในปี ค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519) ซึ่งความพิเศษของมันไม่ได้เป็นแค่คอมพิวเตอร์รุ่นแรกในเครือ Apple เท่านั้น แต่มันยังคอมพิวเตอร์ที่หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง Steve Wozniak ประกอบขึ้นด้วยมือ ด้วยตัวเองทุกเครื่องอีกด้วย (มีวางจำหน่ายเพียงแค่ 200 เครื่องในโลกเท่านั้น)
Apple I มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 666.66 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 หมื่นกว่าบาท) แต่ถูกประมูลบน eBay ไปที่ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 40 ล้านบาท) เลยทีเดียว
Apple I คอมพิวเตอร์ที่ประกอบด้วยมือ
ภาพจาก : https://www.thinglink.com/scene/901897286685032450
คอมพิวเตอร์ Apple II (Apple ][) ถูกเปิดตัวในปี ค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520) หลังจากก่อตั้งบริษัทผ่านไป 1 ปี ทาง Apple ก็ได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่อย่าง Apple II ที่เป็น “คอมพิวเตอร์พร้อมจอแสดงผล” รุ่นแรกของบริษัท ไม่เพียงเท่านั้น มันยังมาพร้อมกับ Slot สำหรับการเชื่อมต่อใช้งาน Colour Graphic ที่ช่วยเติมสีสันให้กับการใช้งาน PC ได้เป็นอย่างดีจนได้รับความสนใจอย่างล้นหลามเลยทีเดียว
คอมพิวเตอร์ Apple II
ภาพจาก : https://www.wallpaperflare.com/white-computer-set-up-apple-mac-apple-ii-1977-macintosh-wallpaper-dfn
ถึงแม้ว่าช่วงแรกจะทำยอดขายได้ไม่สูงมากนักเนื่องจากราคาที่สูงถึง 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 40,320 บาท) ในขณะที่ความสามารถในการทำงานไม่ได้ต่างออกไปจากคอมพิวเตอร์ที่วางจำหน่ายในช่วงปีเดียวกันแต่อย่างใด
แต่เมื่อเวลาผ่านไปในปี ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522) ที่ Dan Bricklin และ Bob Frankston จาก Software Art ได้พัฒนาโปรแกรม “Visicalc” ซึ่งเป็น โปรแกรมสเปรดชีต (Spreadsheet Software) ตัวแรกที่สามารถใช้งานบน PC ขึ้นมาสำหรับใช้งานบน Apple II จนสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย มันก็ช่วยเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดีจนทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก (หลาย ๆ คนก็ยอมจ่ายเงินซื้อ Apple II เพียงเพราะต้องการที่จะใช้งานโปรแกรม Visicalc เท่านั้น)
โปรแกรม Visicalc ซอฟต์แวร์ Spreadsheet ตัวแรกของโลก
ภาพจาก : https://i.makeagif.com/media/8-20-2015/txQNv8.gif
และทำให้ทาง Apple ตัดสินใจพัฒนาซีรีส์ของ Apple II ออกไปอีกหลายรุ่น นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ของคอมพิวเตอร์ Apple III (Apple ///) หรือ PC สำหรับธุรกิจ (Business) ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) ก่อนที่จะเกิดปัญหาการขัดแย้งภายในบริษัทจนแบ่งทีมพัฒนาคอมพิวเตอร์ของบริษัทออกเป็น 2 ทีม ได้แค่ทีม Lisa และทีม Macintosh
Apple III
ภาพจาก : https://www.flickr.com/photos/rothfilm/3343853543
ในส่วนของคอมพิวเตอร์ Apple Lisa ที่เปิดตัวในช่วงต้นปี ค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526) นั้น เป็น PC แบบ All-in-One เครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมกับ GUI (Graphical User Interface) ซึ่งทางบริษัทก็หวังว่าจะสามารถเจาะตลาดกลุ่มธุรกิจและกู้หน้าคืนมาจากซีรีส์ Apple III ที่ไม่ได้รับความนิยมมากนักได้ แต่ด้วยราคาเปิดตัวที่สูงติดเพดานถึงเกือบ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 300,000 บาท) ต่อเครื่องก็ทำให้มันไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้และต้องยุบโปรเจคลงไปในที่สุด
ภาพจาก : https://www.mac-history.net/apple-history-2/apple-lisa/2007-10-12/apple-lisa
มาถึงซีรีส์ของคอมพิวเตอร์ที่ทำให้ชื่อของ Apple โด่งดังขึ้นจนเป็นที่นิยมกันไปทั่วโลกอย่างคอมพิวเตอร์ Macintosh หรือที่ในตอนนี้เราเรียกกันอย่างติดปากว่า เครื่องแมค (Mac) กันบ้าง โดยตระกูล Mac นี้เริ่มต้นมาจาก All-in-One PC (ตระกูล iMac) ก่อนจะแตกไลน์ไปยัง Desktop เสริม (Mac mini), Notebook (Macbook) และ Tower (จำพวก Mac Pro)
โดยซีรีส์นี้ก็เริ่มต้นจาก Macintosh 128K ที่วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) ที่ถึงแม้ว่าสเปคจะไม่ได้สูงมากจนน่าจับตามองแต่เมื่อเทียบกับ Apple Lisa ที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อนด้วยราคาสูงลิ่วและ IBM Portable Personal Computer ที่เปิดตัวในปีเดียวกันที่ราคาราว 4,225 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 131,000 บาท) ก็ทำให้ Macintosh 128K เปิดตัวไปที่ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 78,000 บาท) นั้นได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย
และในปีเดียวกันนั้นเอง Apple ก็ได้เปิดตัว Macintosh 512K คอมพิวเตอร์ที่มาพร้อม RAM ในตัวที่ทำให้มันมีความจุเพิ่มมากขึ้นและได้รับความนิยมในแวดวงธุรกิจ และมันก็ได้มีการผลิต Macintosh รุ่นใหม่ ๆ ที่มีการพัฒนาสเปคการทำงานอย่างต่อเนื่องแต่ยังคงดีไซน์รูปแบบเดิมต่อไป
จนกระทั่งมีการปรับเปลี่ยนชื่อจาก Macintosh ไปเป็น iMac ในปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ที่นอกจากจะมีดีไซน์ที่โค้งมนมากกว่าเดิมแล้วก็ยังมีสีสันแปลกตาอีกด้วย
iMac G3 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ที่ต่อมาได้อัปเกรดสเปคและเพิ่มตัวเลือกสีสันในการใช้งานมากถึง 13 รูปแบบ
ภาพจาก : https://512pixels.net/2012/12/imac/
4 ปีถัดมาในปี ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2547) ทางบริษัท Apple ก็ได้เปิดตัว iMac G4 (iMac รุ่นที่ 2) ที่มีการปรับดีไซน์หน้าจอให้มีความ “บางและแบน” ลงจากเดิม อีกทั้งยังมีขนาดจอให้เลือกใช้งานกันถึง 3 ขนาดด้วยกัน ทั้งจอขนาด 15, 17 และ 20 นิ้ว
ภาพจาก : https://www.wired.com/2008/09/gallery-imac-anniversary/
ต่อมาในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ทาง Apple ก็ได้เปิดตัว iMac G5 ที่ได้มีการปรับดีไซน์ฐานจอให้บางลงตามจอ แต่ยังมีตัวเลือกขนาดจอให้ผู้ใช้ได้เลือกซื้ออยู่ดังเดิม ซึ่งหลังจากที่มันเปิดตัวไปก็ได้รับกระแสตอบรับที่ค่อนข้างน่าพอใจ ดังนั้นทาง Apple ก็ตัดสินใจยึดดีไซน์จอในรูปแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ โดยมีการปรับลดความหนาของหน้าจอลงจนกระทั่งออกมาเป็น iMac และ iMac Pro รูปแบบที่เราคุ้นเคยกันดี
นอกจาก All-in-One PC แล้ว Apple ก็ยังพัฒนา Desktop ที่เป็นคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะมาวางจำหน่ายควบคู่กันด้วย และสำหรับ Desktop ตัวแรกของ Apple ก็ได้แก่ Macintosh II ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) และได้พัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ แต่ยังคงดีไซน์ “คล้ายลิ้นชัก” เอาไว้ดังเดิม
Macintosh II และ Macintosh (Desktop) รุ่นอื่น ๆ
ภาพจาก : https://apple.fandom.com/wiki/Macintosh_II และ https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Macintosh_models_by_case_type
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) ก็ได้ตัดสินใจเปลี่ยนดีไซน์ครั้งใหญ่เป็น Power Mac G4 Cube ที่มีลักษณะคล้าย “กล่องลูกบาศก์” และมันก็เรียกความสนใจจากผู้คนได้เป็นอย่างดีเพราะความ “แปลกใหม่” ของมันในขณะนั้น แต่เนื่องด้วยราคาเปิดตัวที่สูงถึง 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 56,000 บาท) และปัญหาเรื่องการระบายความร้อนของตัวเครื่องก็ทำให้ยอดขายไม่เป็นที่น่าพอใจนัก
ภาพจาก : https://graeffnanderson.wixsite.com/electronico-museum/powermac-g4-cube
ต่อมาในปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) Apple จึงได้แก้ตัวโดยการเปิดตัว Mac mini ที่กลับไปใช้ดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าดังเดิม แต่ลดขนาดเล็กลงจนสามารถที่จะวางตั้งบนโต๊ะได้อย่างไม่เกะกะ อีกทั้งยังมีราคาเปิดตัวที่น่าคบหาเพียง 500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,600 บาท) ก็ทำให้มันสามารถเรียกความสนใจจากผู้ใช้ได้ส่วนหนึ่ง และทางบริษัทก็คงการใช้งานดีไซน์เดิมมาจนถึงปัจจุบัน (แต่ปรับให้บางลงและแรงขึ้น)
Mac mini ที่ปรับความบางของตัวเครื่องลงและนำเอาช่องใส่ซีดีออกไป
ภาพจาก : https://support.apple.com/th-th/HT201894
สำหรับ Notebook หรือคอมพิวเตอร์แบบพกพารุ่นแรกของ Apple อย่าง Macintosh Portable ก็ได้เปิดตัวในปี ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) โดยสนนราคาเปิดตัวไปที่ 7,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 227,000 บาท) ทำให้ไม่ได้รับความสนใจมากเท่าที่ควร ...
และหลังจากนั้นทางบริษัทจึงได้ปรับปรุงและพัฒนา PowerBook 100 ขึ้นมาแทนในปี ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) และด้วยราคาเปิดตัวที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 71,500 บาท) ก็ทำให้มันได้รับความสนใจค่อนข้างมาก ก่อนที่จะปรับ Touchpad เมาส์จากทรงกลมเป็นแผ่นเรียบในรุ่น PowerBook Duo 2300c ในปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535)
Macintosh Portable + Powerbook 100 (ซ้าย) และ PowerBook Duo 2300c, G3 3400c (ขวา)
ภาพจาก : https://sixcolors.com/post/2020/12/20-macs-for-2020-2-the-original-powerbooks/ และ https://www.flickr.com/photos/iainb/127009309/
จากนั้นทาง Apple ก็ยังคงพัฒนา PowerBook ต่อมาอีกเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) ได้เปิดตัว iBook รุ่นแรกขึ้นมา (ช่วงนั้น Apple ค่อนข้างจะเปิดกว้างกับดีไซน์ใหม่ ๆ มากเลยทีเดียว) แต่ก็กลับไปใช้งานดีไซน์สี่เหลี่ยมผืนผ้าดังเดิม
iBook รุ่นแรก (ซ้าย) และ iBook G4 (ขวา)
ภาพจาก : https://helisulbaran.blogspot.com/2013/07/21-de-julio-1999-appla-lanza-su-el.และ html bit.ly/3cA7uXa
และในปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) Apple ก็ตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้ชื่อ Macbook Pro และ Macbook แทน PowerBook และ iBook รุ่นเก่า ถัดมาอีก 2 ปีถัดมาก็เปิดตัวซีรีส์ใหม่อย่าง Macbook Air เข้ามาเสริม และได้พัฒนาซีรีส์ของ Macbook อย่างต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้
ส่วน Tower Desktop รุ่นใหญ่ของ Apple อย่าง Macintosh Quadra 700 และ 900 นั้นก็ได้เปิดตัวพร้อมกันในปี ค.ศ. 1991 (2534) และได้พัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ จนปรับชื่อเป็น Power Macintosh ในปี ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) และลดเหลือเพียงแค่ Power Mac ในปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) แต่ดีไซน์ตัวเครื่องยังคงเดิม
ภาพจาก : https://davidferrone.wordpress.com/2013/04/28/why-i-am-completely-uninterested-in-apples-current-product-line/
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) เปิดตัว Power Mac G3 ที่ทำการปรับดีไซน์ใหม่ให้มีความโค้งมนและสีสันสดใสมากขึ้น (ช่วงนั้นทาง Apple ดูจะชื่นชอบสีฟ้าค่อนข้างมากเลยทีเดียว) อีกทั้ง Power Mac G3 ยังมีมือจับและขาตั้งที่ช่วยระบายความร้อนด้านล่างตัวเครื่องได้อีกด้วย
ภาพจาก : https://www.stevesonian.com/museum/desktop/PowerMac_G3_Blue_And_White/
ต่อมาช่วงปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) ก็ได้เปิดตัว Power Mac G5 ที่ปรับดีไซน์ให้ดู “เรียบหรู” มากขึ้น และได้เปลี่ยนชื่อเป็น Mac Pro ในปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ก่อนจะเปลี่ยนจากทรงเหลี่ยมที่เราคุ้นกันดีมาเป็นรูปแบบทรงกระบอกในปี ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) และกลับมาใช้ดีไซน์เดิมอีกครั้งในปี ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562)
Power Mac G5 (ซ้าย) และซีรีส์ Mac Pro (ขวา)
ภาพจาก : https://darke.me/my-mac-history และ https://www.macfixit.com.au/media/images/mac-pro-2006-2019.jpeg
ถัดจากการพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่เริ่มจับทางได้แล้ว Apple ก็หันมาให้ความสนใจกับตลาดเพลงกันบ้าง โดยในปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ก็ได้เปิดตัว iPod อุปกรณ์ฟังเพลง หรือ เครื่องเล่นเพลงขนาดพกพา (Portable Music Player) เข้ามากินส่วนแบ่งตลาดไปจากเจ้าเก่าอย่าง Sony Walkman และมันก็ถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก เพราะด้วยดีไซน์ที่ดูมินิมอลและแปลกใหม่ออกไปจากเครื่องเล่นเพลง MP3 รูปแบบเดิม ๆ ก็ดึงความสนใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
iPod รุ่นแรก (ซ้าย) และ Sony Walkman ที่เปิดตัวในปีเดียวกัน (ขวา)
ภาพจาก : https://9to5mac.com/2016/10/24/comment-ipod-2001-15-years/ และ https://novels.hatenablog.com/entry/2017/01/03/121204
ซึ่งทางบริษัทก็ได้พัฒนา iPod ต่อมาเรื่อย ๆ จนเป็น iPod Mini ที่มีไซส์เล็กลงในปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) และย่อขนาดลงอีกใน iPod Nano และ iPod Shuffle หรือ iPod ขนาดเล็กที่ไม่มีจอแสดงผลที่เปิดตัวในช่วงปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) ปิดท้ายด้วยการเปิดตัว iPod Touch ซึ่งเป็นจอแบบสัมผัส (Touchscreen) ที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับ iPhone ออกมาในปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550)
The evolution of the iPod! - We had at least 6 different versions in our pockets at one time or another. How many of Apple's little music player did you own?
— BDM Publications (@BDMpubs) September 27, 2018
More like this in Essential iPhone & iPad Magazine - https://t.co/RsqB8hog3L#iPod #iOS12 #apple #mp3 #iphone #ipad pic.twitter.com/YxUfmkRECB
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตลาดสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้นอย่างมาก อุปกรณ์เสริมอย่าง iPod ก็เริ่มได้รับความสนใจลดน้อยลงเรื่อย ๆ จน Apple ได้ประกาศเลิกพัฒนา iPod ไปในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) แต่ถัดมาในปี ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) ก็ได้เปิดตัว iPod Touch 7 อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะมีข่าวลือเรื่องการพัฒนา iPod Touch X ตามมาทีหลัง อีกทั้งยังลือกันว่ามันอาจใช้ชื่อว่า iPod Pro และเปิดตัวในปีนี้ก็เป็นได้
ภาพคอนเซปต์ของ iPod Touch X (iPod Pro)
ภาพจาก : https://www.techblood.in/post/ipod-pro-2021-apple-ipod-touch-2021
สำหรับสมาร์ทโฟนตัวแรกของบริษัทอย่าง iPhone ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) นั้นก็สร้างเสียงฮือฮาให้กับผู้คนได้ไม่น้อย เพราะด้วยหน้าตาของมันที่ดูแปลกใหม่ (ถึงช่วงนั้นจะมีโทรศัพท์หน้าตาแปลกใหม่ออกมาค่อนข้างเยอะก็ตาม) และความสามารถในการทำงานที่ดูน่าสนใจก็ทำให้มันได้รับความนิยมค่อนข้างสูงและช่วยให้ยอดขายของบริษัทพุ่งสูงขึ้นด้วยความรวดเร็ว
ภาพจาก : https://support.apple.com/en-gb/HT201296
แต่รุ่นที่ทำให้ความนิยมของ iPhone เพิ่มสูงขึ้นนั้นก็น่าจะเป็น iPhone 4 ที่เปิดตัวพร้อมกล้องเซลฟีในปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) ซึ่งต่อมาทางบริษัทก็ได้มีการ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปรับดีไซน์ตัวเครื่องใหม่บน iPhone X ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) โดยนำเอาปุ่ม Home ออกไปพร้อมขยายพื้นที่การใช้งานหน้าจอให้มากขึ้นและคงดีไซน์นี้ไว้จนถึงปัจจุบัน (ส่วนขนาดหน้าจอก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามแต่ละรุ่นและมีให้เลือกใช้งานกันหลายขนาด)
หลังจากที่เห็นแววความสำเร็จของตลาดสมาร์ทโฟน Apple ก็ได้ขยายตลาดไปยัง Tablet และเปิดตัว iPad ในปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) และด้วยชื่อเสียงของ iPhone ที่เลื่องลือกันก็ทำให้ยอดขายของ iPad เพิ่มสูงตามไปด้วย และได้เพิ่มไลน์อุปกรณ์ใหม่อย่าง iPad mini รุ่นจอเล็กในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555), iPad Air ที่น้ำหนักเบา พกพาง่ายในปี ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) และ iPad Pro ที่เป็น Tablet รุ่นเรือธงของบริษัทขึ้นมาในปี ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558)
สำหรับ Apple Watch หรือ Smartwatch จากค่าย Apple ก็ได้เปิดตัวในปี ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) และทำยอดขายไปกว่า 4.2 ล้านเครื่องในไตรมาสแรกที่เปิดตัว เรียกได้ว่าช่วงหลังมานี้ชื่อแบรนด์ของ Apple นั้นก็ค่อนข้างติดลมบนและมีผู้ที่พร้อมจะทดลองใช้อุปกรณ์ใหม่ ๆ ของบริษัทอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ภาพจาก : https://i.ytimg.com/vi/U1S5lOTDLN0/maxresdefault.jpg
นอกเหนือไปจากอุปกรณ์หลักที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว อุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple ก็น่าสนใจไม่น้อย ทั้งอุปกรณ์ที่เลิกผลิตไปแล้วอย่าง เครื่องปรินท์, เครื่องอ่านแผ่นดิสก์เก็ต (Floppy Disk) / แผ่นซีดี (CD), Message Pad, Macintosh TV (ที่เป็นตัวเครื่องโทรทัศน์จริง ๆ ไม่ใช่ Apple TV), Apple Quicktake (กล้องถ่ายรูป), Xserve (Rackmount), Time Capsule (อุปกรณ์สำรองข้อมูลของ Apple แบบไร้สาย ไม่ใช่แคปซูลกาลเวลาของโดเรมอนแต่อย่างใด)
อุปกรณ์บางตัวของ Apple ที่เลิกผลิตไปแล้วในปัจจุบัน
ภาพจาก : t.ly/x2ME, bit.ly/39uxFwm, t.ly/g3Rf, t.ly/mfIV, bit.ly/2Ob8NlW และ bit.ly/2PlYR9J
และอุปกรณ์ที่ยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันอย่าง Magic Mouse, Magic Keyboard, Apple TV, TrackPad, AirPod, Apple Pencil และ HomePod (mini) นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้ออกมาเผยเกี่ยวกับโปรเจค Apple Car ในอนาคตอีกด้วย
ภาพจาก : bit.ly/3u71ye2, t.ly/uofC, apple.co/3rLHZGN, apple.co/2PoIhWP และ t.ly/xgqa
ซึ่งหากนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี ค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519) ทางบริษัท Apple ก็ได้ดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาราว 45 ปีแล้ว และเมื่อเทียบดูความต่างของอุปกรณ์ Apple ตั้งแต่คอมพิวเตอร์รุ่นแรกอย่าง Apple I ที่ออกมาสู่ตลาดในปี ค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519) กับสินค้าและอุปกรณ์ใหม่ ๆ ในปัจจุบันที่แตกไลน์ย่อยออกไปอีกหลายประเภทแล้วก็ถือว่าทางบริษัท “มาไกล” อย่างมากเลยทีเดียว แม้ว่าหนึ่งในผู้ก่อตั้งและพัฒนาโปรเจคต่าง ๆ ของบริษัทอย่าง Steve Jobs จะเสียชีวิตไปแล้วในปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) แต่บริษัทก็ยังคงเติบโตและพัฒนาต่อไป
อุปกรณ์ที่ Apple ผลิตขึ้นทั้งหมดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519) - ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561)
ภาพจาก : https://www.titlemax.com/discovery-center/lifestyle/every-product-apple-has-made-so-far/
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |