ในช่วงฤดูหนาว มักจะพบอาการป่วยยอดฮิตทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น โรคไข้หวัด โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด หรือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่น ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมาได้ โดยปกติแล้ว ร่างกายของคนเรานั้นมีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมที่เย็นลง เพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ แต่ในบางกรณี ไม่ว่าจะเป็น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือคนป่วย อาจจะไม่สามารถปรับตัวได้ดีเท่าคนทั่วไป จึงต้องมีการดูแลสุขภาพทางเดินหายใจในช่วงฤดูหนาว (Winter) มากเป็นพิเศษ
สำหรับผลกระทบด้านสุขภาพนั้น นอกจากโรคที่มากับฤดูหนาว ก็ยังมีปัญหาเรื่อง ฝุ่น PM 2.5 ที่มีความน่ากังวล เพราะในฤดูหนาว จะมีการไหลเวียนและถ่ายเทของอากาศไม่ดี หรือที่เรียกว่า “อากาศปิด” จึงทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง หมอก และควัน ในบรรยากาศมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก ก็ประสบปัญหานี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่แตกต่างกันในฤดูร้อน และฤดูหนาว นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบเรื่องอื่น ๆ ทั้งภูมิอากาศ และมลภาวะในอากาศ ที่เป็นปัจจัยของมลพิษทางอากาศด้วย
สามารถเช็กดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) และมลพิษทางอากาศ PM 2.5 ได้หลากหลายช่องทาง
ด้วยความที่ฝุ่น PM 2.5 นั้นมีขนาดเล็กมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 2.5 ไมครอน จึงทำให้ขนจมูกของมนุษย์ไม่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ และเมื่อสูดฝุ่น PM 2.5 เข้าไปในร่างกาย ก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะเพราะสามารถผ่านเข้าสู่ถุงลมและปอด จนถึงกระแสเลือด แล้วแทรกซึมกระบวนการทำงานในอวัยวะต่าง ๆ เพิ่มโอกาสการเป็นโรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจ และโรคหลอดเลือด นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังจัดให้ ฝุ่น PM 2.5 อยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็ง ที่ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งปอดอีกด้วย
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว จึงต้องมีการเตรียมพร้อมดูแลสุขภาพร่างกาย และในขณะเดียวกันก็ควรดูแลรักษาสภาพแวดล้อมภายในบ้าน เพื่อให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรงอยู่เสมอ มาเช็กลิสต์กันว่า คุณทำตามนี้ครบหรือยัง ?
ในฤดูหนาวนั้นอาจจะมีข้อดีตรงที่อากาศเย็นสบาย แต่ก็มีภัยร้ายต่อสุขภาพแฝงมาเช่นเดียวกัน เราจึงควรให้ความสำคัญกับสุขภาพ และเตรียมความพร้อมดูแลทั้งร่างกาย และดูแลบ้านตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงการเลือกซื้ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จะช่วยปกป้องคุณ และคนในครอบครัวที่คุณรัก จากเชื้อโรค เชื้อไวรัส และฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างคุ้มค่า
|