สำหรับใครที่ต้องการดันอันดับเว็บไซต์ของตัวเองขึ้นไปเป็นอันดับต้น ๆ ในหน้าแสดงผลการค้นหาบนเครื่องมือค้นหา (Search Engine Result Page - SERP) แล้วนั้น การเลือกคำค้นหาหลัก (Keyword) เพื่อการทำ SEO และ SEM ให้สอดคล้องกับเนื้อหาภายในเว็บไซต์ก็เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ ซึ่งสิ่งที่จะมาช่วยวัดว่า Keyword ที่เราเลือกใช้นั้นมีความสอดคล้องกับภายในเว็บไซต์ของเรามากน้อยขนาดไหนก็ได้แก่ คะแนนคุณภาพของเว็บไซต์ (Website Quality Score) (ในที่นี้ของเรียกสั้นๆ ว่า "Quality Score") นั่นเอง
ข้อมูลเพิ่มเติม : SEO คืออะไร ? หลักการทำ SEO มีอะไรบ้าง ? พร้อมแนะนำเครื่องมือเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ภาพจาก : https://skillking.fpt.edu.vn/tin-tuc/digital-marketing-va-online-marketing/
Quality Score เป็นจำนวนคะแนนที่ทาง เครื่องมือค้นหา (Search Engine) วิเคราะห์หาความ "เกี่ยวข้อง (Relevance)" และสอดคล้องกันระหว่างข้อมูลภายในเว็บไซต์ของเราและ Keyword ที่เราเลือกมาใช้ในการทำ SEM เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทาง Search Engine ใช้ประกอบการ "จัดอันดับ" การแสดงผลการโฆษณาเว็บไซต์บนหน้า SERP ควบคู่ไปกับ CPC (Cost Per Click) โดยจะนำเอาคะแนน Quality Score ของเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ประมูลซื้อ Keyword เดียวกันมา "เปรียบเทียบ" กัน
ภาพจาก : https://bestppc.marketing/ppc-marketing/competing-in-adwords-ad-rank-formula-1/
ซึ่งเหตุผลที่มีการตั้งค่าคะแนน Quality Score ขึ้นมานี้ก็แสดงให้เห็นว่าทาง Search Engine ไม่ได้สนใจแค่ "จำนวนเงิน" ที่ทางแบรนด์เต็มใจจะจ่ายเข้าบริษัทเท่านั้น แต่ยังเล็งเห็นความสำคัญของ "ความสนใจ" และความต้องการของผู้เข้าชมอีกด้วย เพราะหากผู้เข้าชมพิมพ์คำค้นหาลงไปแล้ว จะเจอแต่เว็บไซต์โฆษณาที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับ Keyword ที่ต้องการค้นหาก็มีแนวโน้มที่ผู้เข้าชมจะเปลี่ยนใจไปใช้งาน Search Engine ตัวอื่น ๆ ที่สามารถ "ค้นหา" สิ่งที่ต้องการได้ตรงใจแทนที่จะใช้งาน Search Engine ตัวเดิมที่ยิงโฆษณาเพียงอย่างเดียวนั่นเอง
ในส่วนของเกณฑ์การให้คะแนน Quality Score ของ Search Engine นั้นก็จะพิจารณาจาก 3 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
ภาพจาก : https://instapage.com/blog/quality-score
ค่า CTR (Click Through Rate) หรือจำนวนเปอร์เซ็นที่มีผู้พบเห็นคลิกเข้าไปที่ลิงก์โฆษณา ยิ่งมีผู้คลิกเข้าชมเว็บไซต์จากการโฆษณามากเท่าไร ทาง Search Engine ก็จะบันทึกข้อมูลเอาไว้ไปคำนวณเป็นค่า CTR โดยนำเอาจำนวนครั้งการคลิกโฆษณาหารด้วยจำนวนครั้งทั้งหมดที่โฆษณาปรากฎ เช่น มีการคลิกเข้าชมเว็บไซต์จากโฆษณา 20 คนจากการแสดงผลโฆษณาทั้งหมด 100 ครั้ง ก็จะถือว่าเว็บไซต์ของเรามีค่า CTR อยู่ที่ 20% เป็นต้น
ภาพจาก : https://blog.optickssecurity.com/
ความสอดคล้องกันของโฆษณาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คะแนน Quality Score ของเว็บไซต์เราเพิ่มขึ้นได้ หากเลือกใช้ Keyword การโฆษณาที่ตรงกับธุรกิจของเราแบบเฉพาะเจาะจงก็จะทำให้โฆษณาเว็บไซต์ของเราไปปรากฏบนหน้าการค้นหาของได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นจึงควรเลี่ยงการใช้งาน Board Match Keyword ที่มีการแสดงผลในภาพกว้าง ๆ อาจเลือกใช้งาน Exact Keyword ที่จะช่วยเพิ่มคะแนนความสอดคล้องของโฆษณาแทน
ภาพจาก : https://adespresso.com/blog/facebook-ads-relevance-score/
หน้า Landing Page หรือหน้าเว็บไซต์ที่ผู้เยี่ยมชมกดเข้าไปที่ลิงก์โฆษณาของเรานั้นก็จำเป็นที่จะต้องมีความสอดคล้องกับ Keyword ที่เราเลือกประมูลด้วย เพราะหากผู้เยี่ยมชมกดเข้าไปที่ลิงก์โฆษณาแล้วพบว่าเนื้อหาภายในเว็บไซต์ "ไม่ตรงปก" กับที่โฆษณาไว้ก็จะทำให้เสียค่าโฆษณาไปฟรี ๆ โดยที่ไม่ได้ลูกค้ากลับมา
ภาพจาก : https://support.google.com/google-ads/answer/6238826?hl=en
ซึ่งสำหรับการวิเคราะห์คะแนน Quality Score นั้นทาง Search Engine ก็จะนำเอาคะแนนของทั้ง 3 ส่วนนี้ในช่วง 90 วันที่ผ่านมามาบวกกันและแจกคะแนน Quality Score ให้เว็บไซต์ต่าง ๆ โดยแต่ละองค์ประกอบจะมีการวัดคะแนนที่แตกต่างกัน ดังนี้
Landing Page | Ad Relevance | CTR (Click Through Rate) | |
สูงกว่าเกณฑ์ (Above Average) | 3.5 | 2 | 3.5 |
เทียบเท่าเกณฑ์ (Average) | 1.75 | 1 | 1.75 |
ต่ำกว่าเกณฑ์ (Below Average) | 0 | 0 | 0 |
* หากมีเครื่องหมาย - อยู่ในช่อง Quality Score แสดงว่าไม่มี "ผลการค้นหา" ที่สามารถนำเอามาวิเคราะห์คะแนน Quality Score ได้ อาจต้องพิจารณาเลือก Keyword ใหม่
เราสามารถเช็คคะแนน Quality Score ได้จากเครื่องมือช่วยเหลือในการทำ SEM ของ Search Engine ต่าง ๆ โดยในที่นี้จะยกตัวอย่างการเช็คคะแนนของ "Google Ads" ดังนี้
ภาพจาก : https://www.adstriangle.com/blog/how-to-improve-google-adwords-quality-score/
ภาพจาก : https://augurian.com/blog/what-is-quality-score-google-ads/
เมื่อทราบค่า Quality Score ของ Keyword ที่เราเลือกประมูลกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จะเห็นได้ว่า Quality Score ส่วนไหนที่มีคะแนนต่ำและต้องปรับแก้ โดยเราสามารถเพิ่ม Quality Score ได้จาก
วิธีนี้จะช่วยเพิ่มค่า CTR ให้สูงขึ้นได้และทำให้กลุ่มคนที่ไม่สนใจธุรกิจของเราไม่เห็นโฆษณาของเราบนหน้า SERP รวมทั้งแสดงผลโฆษณาได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
ภาพจาก : https://adespresso.com/blog/google-ads-negative-keywords/
โดยพิจารณาจาก "เนื้อหา" ภายในเว็บไซต์ของเราเป็นหลัก อาจเลือกใช้ Exact Keyword เพื่อเพิ่มคะแนน Ad Relevance และช่วยจำกัด "กลุ่มเป้าหมาย" ที่ต้องการให้พบเห็นโฆษณา
โดยเน้นให้ในหน้าเว็บไซต์มีทั้งรูปภาพสินค้าและข้อความโฆษณาที่แยกออกจากตัวภาพ เพราะ Search Engine ส่วนใหญ่จะไม่นำเอาข้อความในภาพมาคำนวณรวมคะแนน Quality Score ดังนั้นจึงควรใส่ Keyword คำโฆษณาที่เป็นข้อความ (Text) ลงในเว็บไซต์โดยตรง ซึ่งในส่วนนี้ก็อาจต้องพึ่งพาฝั่ง ผู้พัฒนาเว็บไซต์ (Web Developer) ให้ช่วยจัดระเบียบหน้าเว็บไซต์กันเสียหน่อย
ภาพจาก : https://www.oberlo.com/blog/landing-page-examples
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |