ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
THAIWARE.COM | ทิปส์ไอที
 

อยากเริ่มต้นลงทุน Bitcoin และ เทรด Bitcoin ต้องทำยังไง ?

อยากเริ่มต้นลงทุน Bitcoin และ เทรด Bitcoin ต้องทำยังไง ?

เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 4,235
เขียนโดย :
0 %E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99+Bitcoin+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0+%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94+Bitcoin+%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%87+%3F
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

อยากเริ่มลงทุน Bitcoin ต้องทำยังไงดี ?

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) กลายเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไปแล้ว ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ บิทคอยน์ (Bitcoin) เท่านั้น แต่มีเหรียญคริปโตต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นมามากมาย และสำหรับใครที่ยังไม่ได้เข้ามาในวงการนี้ และสนใจอยากจะลงทุนบ้าง เราลองมาทำความรู้จักกับ Bitcoin กันซักหน่อย ว่าทำไมถึงกลายเป็นเหรียญดิจิทัลที่มูลค่าสูงถึงขนาดนั้น แล้วถ้า อยากจะลงทุน Bitcoin บ้างต้องเริ่มที่ไหนอย่างไร ลองมาอ่านบทความนี้กันดูนะ (หรือจะชมคลิปอีกทางก็ได้เช่นกัน)

บทความเกี่ยวกับ Bitcoin อื่นๆ

เนื้อหาภายในบทความ

คลิปวิดีโอทำความรู้จักกับ Bitcoin

Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัล คืออะไร ?

Bitcoin หรือ เงินบิตคอยน์ ก็คือสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็เป็นสกุลเงินคล้าย ๆ กับเงินบาท หรือ ดอลล่าร์ ที่เรารู้จักกัน เพียงแต่สกุลเงินนี้เกิดขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Blockchain ที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแบบดิจิทัลและดูแลโดยมหาชน ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นตัวกลางและมีความโปร่งใส

โดยผู้ที่คิดค้น Bitcoin มีชื่อว่า Satoshi Nakamoto ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้น Bitcoin ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินสำหรับการใช้จ่ายประจำวัน และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ธนาคารขนาดยักษ์ของโลกล้มละลายในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) อีกด้วย

ซึ่งในหลายๆ ประเทศ อย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่น สามารถใช้เงินบิตคอยน์ ในการใช้ชำระสินค้าและบริการได้อย่างถูกกฏหมายแล้ว แต่ในประเทศไทยเอง เงินบิตคอยน์ก็ยังไม่ได้ถูกรับรองว่าเป็นเงินที่ถูกต้องตามกฏหมายโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ข้อมูลเพิ่มเติม : Bitcoin คืออะไร ? Bitcoin Cash คืออะไร ? และต่างกันอย่างไร ?

การเติบโตของราคา Bitcoin

ก่อนจะไปดูในเรื่องของวิธีการลงทุน เรื่องที่น่าศึกษาของ Bitcoin ก็คือการเติบโตของราคาที่ผ่านมาถึง 10 กว่าปี จากเหรียญที่ไม่มีมูลค่าเลย แต่ละปีโตขึ้นมาอย่างไรบ้าง ? ลองมาศึกษาไทม์ไลน์กันดูนะครับ

ปี ค.ศ. 2009 - 2015 (พ.ศ. 2552 - 2558)

ในปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) เหรียญ Bitcoin ถูกเปิดตัวออกสู่ตลาดในครั้งแรกด้วยมูลค่า 0 เหรียญสหรัฐ ต่อจากนั้น ในวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 จึงเริ่มมีราคากับเขาที่ 0.09 ดอลลาร์สหรัฐ (ไม่ถึง 5 บาทด้วยซ้ำ) หลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบปี ในช่วงวันที่ 13 เมษายน - 7 มิถุนายน ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) เหรียญ Bitcoin ก็มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไปถึง 29.60 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,000 บาท)

จากข้อมูลด้านบน จะเห็นได้ว่า ภายในเวลา 3 เดือน กลับมีการเติบโตถึง 2,960 % ด้วยกัน แต่ในตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้น มีความผันผวนสูงจึงทำให้ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกันนั้น ราคาก็ตกกลับมาที่ 2 ดอลลาร์สหรัฐ และในปีถัดมา ราคาก็ฟื้นตัวกลับมาช้า ๆ ที่ 4.85 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 9 พฤษภาคม และ 13.50 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2012

เว้นไป 1 ปี เหรียญ Bitcoin กลับมาทำสถิติใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) โดยเริ่มต้นปีที่ 13.28 ดอลลาร์สหรัฐ และโตขึ้นไปถึง 230 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,700 บาท) ในวันที่ 8 เมษายน และก็แน่นอนว่าความผันผวนย่อมเกิดขึ้น ราคาก็ตกลงอย่างรวดเร็วจนในวันที่ 4 กรกฎาคม ก็เหลือเพียง 68.50 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น (ประมาณ 2,000 บาท)

แต่ในปี ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) ยังไม่จบ ในช่วงเดือนตุลาคม Bitcoin มีราคาอยู่ที่ 123 เหรียญสหรัฐ และส่งท้ายเดือนธันวาคมด้วยการดีดตัวของราคาขึ้นไปถึง 1,237.55 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 40,000 บาท) และตกลงมาอย่างรวดเร็วเหลือ 687.02 ดอลลาร์สหรัฐ ใน 3 วันถัดมา หลังจากนั้น 2 ปีต่อมา ก็เป็นช่วงขาลงอย่างต่อเนื่องจนจบปี ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ที่ 315.21 ดอลลาร์สหรัฐ

ปี ค.ศ. 2016 - 2020 (พ.ศ. 2559 - 2563)

ปี ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) เป็นปีที่ราคาของ Bitcoin กลับมาโตขึ้นเรื่อย ๆ จนมีมูลค่าที่ 900 ดอลลาร์สหรัฐตอนจบปี หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) ราคาคงตัวอยู่ที่ช่วง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะขึ้นไปแตะ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม และกราฟพุ่งทะยานส฿งไปจนถึง 19,345.49 เหรียญ (ประมาณ 650,000 บาท) ในวันที่ 15 ธันวาคม ในช่วงนีทั้งนักลงทุน รัฐบาล นักเศรษฐศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ต่างก็ให้ความสนใจกับ Bitcoin เป็นอย่างมาก รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ก็เริ่มพัฒนา คริปโตเคอร์เรนซี เหรียญใหม่ ๆ เข้ามาแข่งขันกับ Bitcoin

ในช่วง 2 ปีถัดมาตั้งแต่ ค.ศ. 2018 - 2019 (พ.ศ. 2561 - 2562) ก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวาสำหรับ Bitcoin มีขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่เรื่อย ๆ จบปีไปด้วยราคา 6,635.34 ดอลลาร์สหรัฐ

ปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงเยอะพอสมควรด้วยโรคระบาด COVID-19 ทางรัฐบาลออกนโยบายต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาโรคระบาดซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจชะงักไปด้วย ในวันที่ 13 มีนาคม ราคาของ Bitcoin ร่วงลงไปแตะถึง 3,800 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ไม่ได้แย่ลงตลอดทั้งปี ในวันที่ 23 พฤศจิกายน Bitcoin มีราคาขึ้นมาที่ 19,157.16 ดอลลาร์สหรัฐ และจบปีไปด้วยราคา 29,000 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าตีเป็นเงินไทยก็ใกล้แตะ 1 ล้านบาทเต็มที่แล้ว

ปี ค.ศ. 2021 - ปัจจุบัน (พ.ศ. 2564 - ปัจจุบัน)

ถือว่ารับต้นปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) ได้โหดมาก เพียงแค่วันที่ 7 มกราคม Bitcoin ก็มีราคาพุ่งสูงไปถึง 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือก็คือทะลุ 1 ล้านบาทแล้ว (ประมาณ 1,340,000 บาท) ซึ่งก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะในช่วง 12 เมษายน ก็ทำ New-high ใหม่ที่ 63,000 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 2,110,000 บาท)

ในช่วงกลางปี ราคาก็ยังคงขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างในวันที่ 19 กรกฎาคม ราคาร่วงลงมาอยู่ที่ 29,795.55 ดอลลาร์สหรัฐ เริ่มพุ่งกลับมาในช่วงเดือนกันยายนที่ 52,693.32 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ 2 สัปดาห์ถัดมาก็ร่วงลงมาอยู่ที่ 40,709.59 ดอลลาร์สหรัฐ

ต่อมาในวันที่ 10 พฤศจิกายน Bitcoin ก็กลับมาทำลายสถิติอีกครั้งด้วยราคา 68,990.90 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,310,000 บาท) แต่ในช่วงต้นเดือนธันวาคมถัดมา ก็เกิด COVID-19 โอมิครอน โรคระบาดระลอกใหม่ขึ้นมา จึงส่งผลกระทบต่อราคาของ Bitcoin อีกครั้ง เหลือเพียง 49,243.39 ดอลลาร์สหรัฐ

ในปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) นอกจากโรคระบาดแล้ว ก็ยังมีผลลกระทบด้านการเมืองต่าง ๆ รอบด้าน จากประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย ส่งผลให้ราคาของ Bitcoin ไม่สู้ดีนัก โดยในวันที่ 22 มกราคม ราคาลงไปต่ำสุดที่ 35,070.10 ดอลลาร์สหรัฐ และยังไม่กลับไปแตะ 50,000 ดอลลาร์ตั้งแต่ต้นปี

เมื่อดูจากอดีตถึงปัจจุบันในระยะยาวแล้ว จะเห็นว่า Bitcoin มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน ก็ทำให้คาดเดาได้ยากอยู่ดีว่าทิศทางจะไปทางไหน ซึ่งถ้าใครคิดจะลงทุนตรงนี้ ก็ต้องรับความเสี่ยงกันอยู่ไม่น้อยเลย

มูลค่าของ Bitcoin ถือว่าเป็นสินทรัพย์ได้ไหม ?

เราจะสามารถถือ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ (Asset) ได้ไหม ในปัจจุบันเริ่มมีหลายหน่วยงานที่ยอมรับ Bitcoin เป็นหนึ่งในเงินตราสำหรับจับจ่ายใช้สอย มีนักลงทุนหลายท่านที่หันมาถือ Bitcoin กันมากขึ้น และลงทุนกับทองน้อยลง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ ธรรมชาติของคริปโตเคอร์เรนซีมีความผันผวนค่อนข้างสูงกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ วันนี้เราถือไว้หนึ่งล้านบาท พรุ่งนี้อาจจะกลายเป็นห้าล้านหรือห้าสิบบาทก็ได้

แต่ก็มีหลายปัจจัย ทั้งทฤษฎีต่าง ๆ รวมทั้งผู้ที่มีชื่อเสียงด้านการเงินที่ออกมาให้เครดิตกับ Bitcoin ทำให้คริปโตเคอร์เรนซีสกุลนี้ มีความน่าเชื่อถืออยู่ไม่น้อย อย่างแรกก็คือทฤษฎีระหว่าง Fiat Currency กับ Cryptocurrency

Fiat Currency คือ สกุลเงินโดยทั่วไป ที่ทางรัฐบาลในแต่ละประเทศได้พิมพ์ธนบัตรขึ้นมาและกำหนดมูลค่าขึ้นมาให้นำมาใช้จ่ายได้ตามกฏหมาย โดยก่อนหน้านี้การพิมพ์ธนบัตรขึ้นมาต้องอ้างอิงตามมูลค่าของทองคำ แต่เกิดเหตุการณ์ที่ทางสหรัฐฯ ได้พิมพ์เงินออกมาเกินมูลค่าทองคำที่มี ระบบดังกล่าวจึงถูกยกเลิก และใช้ระบบเงินตราสำรองระหว่างประเทศเป็นหลักค้ำประกันมูลค่าของธนบัตรแทนทองคำ จึงทำให้สามารถพิมพ์เงินออกมาได้อย่างไม่จำกัด

ซึ่งตรงนี้ทำให้ Fiat Currency ต่างจาก Cryptocurrency อย่าง Bitcoin ที่มีจำนวนจำกัดและคาดว่ามูลค่าอาจจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ

Ray Dalio นักลงทุนระดับพันล้าน สัญชาติอเมริกัน ก็ได้เคยออกมากล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ Bitcoin อาจจะถูกจัดอยู่ในสิททรัพย์ประเภทเดียวกับทองคำอีกด้วย

หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ Bitcoin จะกลายเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนคู่กับทองคำได้

Ray Dalio (นักลงทุนชาวอเมริกัน)
Ray Dalio (นักลงทุนชาวอเมริกัน)
ภาพจาก 4k0https://en.wikipedia.org/wiki/Ray_Dalio

เมื่อมีนักลงทุนมาให้ความสนใจเกี่ยวกับคริปโตเป็นอย่างมาก จึงไม่พ้นที่ใน Wall Street จะมีการพูดถึงเรื่องนี้กันมากขึ้น บริษัทยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ก็หันมาจับธุรกิจทางด้านนี้กันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook เอง หรือแบรนด์ชั้นนำ ที่เริ่มจะมีเหรียญสกุลคริปโตของตัวเอง หรือการเตรียมทำตลาดใน metaverse หรืออีกบริษัทยักษ์ใหญ่ Wells Fargo ทางผู้บริหาร John La Forge ก็ออกมาพูดถึง Bitcoin เช่นกัน

เวลาได้ผ่านมา 12 ปีแล้วสำหรับตลาดคริปโตที่เริ่มโดยไม่มีมูลค่าและได้เติบโตขึ้นมา จนถึงปัจจุบันซึ่งมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 5.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจและควรนำเข้าที่ประชุมเพื่อมองหาทางเลือกในการลงทุนใหม่ ๆ

John LaForge ผู้บริหาร Wells Fargo
John LaForge ผู้บริหาร Wells Fargo
ภาพจาก https://www.barrons.com/articles/gold-is-going-nowhere-for-at-least-5-years-1491903467

diem หรือ libra สกุลเงินคริปโตที่เป็นข่าวของทาง Facebook
diem หรือ libra สกุลเงินคริปโตที่เป็นข่าวของทาง Facebook
ภาพจาก https://boxmining.com/diem-facebooks-libra/

ถึงจะบอกว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง แต่มูลค่าสินทรัพย์ของ Bitcoin ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นอย่างนั้นเลย เพราะสินทรัพย์ที่ว่า ไปอยู่ในท็อปชาร์ตของสินทรัพย์โลกถึงอันดับ 9 ด้วยกัน

World Assets Chart
ข้อมูลจาก https://companiesmarketcap.com/assets-by-market-cap/ (เมื่อวันที่ 2/3/2565)

คนไทยที่จะเริ่มลงทุน Bitcoin ต้องทำอย่างไรบ้าง ?

ถ้าอยากจะถือ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ลงทุนบ้างต้องทำอย่างไร ? ในบทความนี้ อาจจะไม่ได้ลงลึกมาก แต่จะแนะนำเบื้องต้นให้ได้รู้จักตลาด Bitcoin กันคร่าว ๆ นะครับ โดยการลงทุน Bitcoin จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่

  • การขุด Bitcoin
  • การเทรด Bitcoin

การขุด Bitcoin

การขุด Bitcoin น่าจะเป็นคำที่คุ้นหูของใครหลาย ๆ คน แนวคิดก็คือการขุดหาเหรียญขึ้นมาใหม่นั่นแหละ ซึ่งเหรียญ Bitcoin ในระบบถูกสร้างมาเป็นจำนวนทั้งหมด 21 ล้าน Bitcoin (ต่อไปนี้ขอแทนด้วย BTC) และปล่อยให้คนขุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) มาจนถึงปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) ที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความนี้อยู่ เหรียญ Bitcoin ก็เหลือให้ขุดเพียง 2 ล้าน BTC เท่านั้น

การขุดบิทคอยน์ (Bitcoin)
จำนวนบิทคอยน์เหลือเพียง 2 ล้านเหรียญ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 2/3/65)
ภาพจาก https://www.buybitcoinworldwide.com/how-many-bitcoins-are-there/

ถ้าดูเผิน ๆ แล้ว ก็แปลว่าอีกไม่นานเหรียญ Bitcoin ก็จะหมดแล้วหรือเปล่า ? ต้องอธิบายว่าระบบการขุด Bitcoin นั้นจะถูกลดรางวัลอยู่เรื่อย ๆ โดยทุก ๆ 10 นาที จะมีบล็อกในระบบเกิดขึ้น 1 บล็อก (Block) ภายในบล็อกจะมีเหรียญ Bitcoin อยู่จำนวนหนึ่ง แรกเริ่มจะมีอยู่ที่ 50 BTC แต่เมื่อผ่านไป 4 ปี รางวัลจะถูกลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งในปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) 1 บล็อกก็เหลือเพียง 6.25 BTC เท่านั้น

โอกาสในการได้ 6.25 BTC เป็นการแข่งขันกันแก้สมการในบล็อกนั้น ๆ ซึ่งทำผ่านซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เพื่อประมวลผลหาเลขคำตอบ ผู้ที่ทำได้จะได้รับส่วนแบ่งจากรางวัลนั้น ๆ หารกันไปตามแรงขุดของอุปกรณ์ที่ทำได้ เท่ากับว่ายิ่งเครื่องขุดแรง ก็มีโอกาสที่จะได้รางวัลบ่อยขึ้นและมูลค่ามากขึ้น

คำตอบของคำถามที่ว่า เหรียญ Bitcoin จะหมดในเร็ว ๆ นี้ ไหม ? คำตอบก็คือไม่ เพราะยิ่งนานวัน รางวัลก็จะยิ่งลดลงเรื่อย ๆ แต่ในทางกลับกัน ผู้ที่เข้าร่วมมาขุด Bitcoin ก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีตัวหารมากขึ้นในขณะที่รางวัลจากการขุดลดลง ถ้าจะเข้ามาขุด สิ่งที่ต้องคาดหวังก็คือมูลค่าของ Bitcoin  จะต้องสูงกว่านี้ จนคุ้มที่จะลงทุน

วิธีการการขุด Bitcoin

สำหรับใครที่สนใจจะขุด Bitcoin มีขั้นตอนในการขุดดังนี้

1. เตรียมอุปกรณ์สำหรับการขุด

วิธีการขุด Bitcoin สามารถทำได้ผ่านคอมพิวเตอร์ ที่สามารถเปิดซอฟต์แวร์ได้ และถ้าประมวลผลได้เร็ว ก็จะมีโอกาสในการขุดและได้รับค่าตอบแทนมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ช่วงหนึ่ง อุปกรณ์การ์ดจอ (GPU) มีราคาสูง และขาดตลาดไป แต่เมื่อมีการแข่งขันสูงขึ้น และค่าไฟในการเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อขุด Bitcoin นั้น ก็ไม่ใช่ถูก ๆ จึงมีอุปกรณ์สำหรับการขุดโดยเฉพาะที่ชื่อว่า ASIC ขึ้นมา โดยมีประสิทธิภาพในการทำงานแรงกว่า GPU หลายเท่าเลยทีเดียว และแน่นอนว่าราคาก็แพงตาม ซึ่งมีตั้งแต่หลักหมื่นยันหลักแสนเลยทีเดียว

การขุดบิทคอยน์ (Bitcoin)
เครื่อง ASIC : Antminer S9
ภาพจาก https://www.asicminervalue.com/miners/bitmain/antminer-s9-14th

2. ติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับขุด Bitcoin

เมื่อมีอุปกรณ์แล้ว ก็ต้องมีซอฟต์แวร์ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์กับระบบบล็อกเชนของ Bitcoin ซึ่งมีซอฟต์แวร์ฟรีให้เลือกมากมายสำหรับการขุด Bitcoin ตัวอย่างเช่น

  • CGMiner
  • EasyMiner
  • BTCMiner
  • BFGMiner
  • MultiMiner
  • Minergate

3. เข้าร่วมกลุ่ม Mining pool online

จริง ๆ มีเพียงอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ก็น่าจะสามารถขุดได้แล้ว แต่เมื่อการแข่งขันสูง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป การขุด Bitcoin กลายเป็นระดับองค์กรที่มีกำลังขุดสูงกว่าคนที่มีกำลังลงทุนน้อย ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสชนะเลย จึงมีการรวมตัวเปิด Pool เพื่อช่วยกันขุดแข่งขันกับกลุ่มใหญ่ ๆ แทน กลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เราต้องเข้าร่วม และจ่ายค่าบริการเพื่อให้สามารถได้รางวัลจากการขุด Bitcoin นั่นเอง

4. เริ่มขุด

เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยก็เริ่มที่จะขุด Bitcoin ได้แล้ว เสียบปลั๊กเปิดอุปกรณ์ เปิดซอฟต์แวร์เชื่อมต่อกับบล็อกเชน Bitcoin ใส่รายละเอียด Wallet สำหรับเก็บเหรียญ Bitcoin ที่จะได้รับ และเริ่มทำการขุด (Mine)

การเทรดบิทคอยน์

สำหรับการเทรด Bitcoin เป็นวิธีที่เราจะได้รับเหรียญ Bitcoin โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนอุปกรณ์ขุด ลักษณะก็จะเหมือนกับการเทรดหุ้น ก็คือเราสามารถซื้อเหรียญ Bitcoin ได้เลยผ่านผู้ให้บริการ หรือกระดานเทรดคริปโตนั่นเอง

การเทรดบิทคอยน์
ภาพจาก https://citywire.ch/news/crypto-etp-founder-buying-crypto-should-be-as-easy-as-trading-stocks/a1178683 

โดยการเทรดเราไม่จำเป็นต้องซื้อ Bitcoin จำนวน 1 เหรียญในราคาเต็ม แต่มันถูกแบ่งย่อยออกเป็น 100 ล้านหน่วยให้ได้แบ่งเทรดกันแทนโดยมีชื่อหน่วยว่า Satoshi (SATS) ตามชื่อของผู้สร้าง ส่วนวิธีการเล่นก็แล้วแต่ผู้เทรดเลย ว่าจะซื้อเก็บไว้ยาว ๆ รอขายทีเดียว หรือจะซื้อ-ขายระยะสั้นก็ได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าตลาด Bitcoin จะแตกต่างกับตลาดหุ้นตรงนี้ ตลาดหุ้นยังมีปิดตลาดบ้าง แต่ตลาดคริปโตนั้นเปิดอยู่ตลอดเวลา ราคาค่อนข้างผันผวน และมีความเสี่ยงสูงมาก ๆ ครับ

วิธีการเทรด Bitcoin

สำหรับการเทรดก็มีขั้นตอนดังนี้

1. เลือกผู้ให้บริการเทรดคริปโต

การจะซื้อ Bitcoin หรือคริปโตต่าง ๆ ต้องทำผ่านตัวกลางเหมือนโบรกเกอร์ (Broker) สำหรับเทรดหุ้น ซึ่งมีอยู่มากมาย เช่น Coinbase, Kraken, Gemini, FTX, Binance แต่ละผู้ให้บริการก็จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เช่น ค่าธรรมเนียมในการเทรด การถอน สกุลเงินที่รองรับในการทำธุรกรรม ประเทศที่สามารถใช้บริการได้ หรือลองดูผู้ให้บริการในประเทศไทย ที่เราจะแนะนำในหัวข้อถัดไปในบทความก็ได้

2. สมัครใช้งาน ยืนยันตัวตน ฝากเงินสำหรับการเทรด

เมื่อเลือกได้แล้วก็เข้าไปสมัครและทำการยืนยันตัวตน ยื่นหลักฐานต่าง ๆ ตามขั้นตอนของแต่ละผู้ให้บริการได้เลย เนื่องจากการเทรดเป็นการทำธุรกรรม จึงมีการขอหลักฐานระบุตัวตนจำพวก บัตรประชาชน ใบขับขี่ ไปจนถึงประวัติการทำงาน หรือประวัติส่วนตัวเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับกฏหมายของแต่ละผู้ให้บริการ และบ้านเรา

หลังจากนั้นก็จะมีการใส่ข้อมูลเชื่อมต่อตัวเลือกในการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร หรือบัตรเครดิต บัตรเดบิต เพื่อใช้ในการฝาก-ถอนเงินกับระบบเทรดนั่นเอง

3. เริ่มซื้อเหรียญ Bitcoin

วิธีการซื้อ เหรียญ Bitcoin กับผู้ให้บริการมีอยู่หลายวิธีการด้วยกัน บางผู้ให้บริการจะมีฟังก์ชัน P2P (Peer-to-peer) ให้ผู้ใช้ทำการซื้อขายกันเอง วิธีนี้จะดีตรงที่รองรับบริการธุรกรรมของประเทศนั้น ๆ ด้วย เช่น เราสามารถโอนเงินเข้าธนาคารผู้ขายได้โดยตรง จากนั้นผู้ขายก็จะส่ง BTC มายังกระเป๋า (Wallet) บัญชีของเราบนเว็บ

หากเรามีเงินอยู่ใน Wallet ของเว็บแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเงิน Fiat หรือคริปโตสกุลอื่น ๆ ก็สามารถทำการ Convert ให้เป็น BTC หรือใช้กระดานเทรด เปิดออเดอร์ เพื่อตั้งรับราคาที่ต้องการได้

4. ถอนเหรียญ Bitcoin มาเก็บไว้

หากใครต้องการจะเก็บเหรียญไว้ยาว ๆ ไม่ได้คิดจะเทรดระยะสั้น ก็สามารถถอนเหรียญออกมาเก็บไว้ในกระเป๋าเงินคริปโตได้ ซึ่งกระเป๋าเงินคริปโตจะมีด้วยกันหลายประเภท สามารถไปอ่านบทความด้านล่างนี้ได้เลย

อ่านเพิ่มเติม : Crypto Wallet คืออะไร ? มีหลักการการทำงานอย่างไร ? และ กระเป๋าคริปโต มีแบบไหนบ้าง ?

ผู้ให้บริการเทรด Bitcoin หรือกระดานเทรดคริปโต ในประเทศไทย

การเทรด Bitcoin จะต้องมีผู้ให้บริการเทรด หรือ โบรกเกอร์ ก่อน ซึ่งเราจะมาแนะนำให้รู้จักกับ ผู้ให้บริการเทรดในประเทศไทย กัน

1. บิทคับ (Bitkub)

เว็บเทรดคริปโตสัญชาติไทย ที่มีการโปรโมทอย่างมากมาย และได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย

  • ค่าธรรมเนียมการเทรด : 0.25%
  • ค่าธรรมเนียมการถอน : 20 บาท
  • สกุลเงินคริปโตที่รองรับ : 59 สกุลเงิน

2. สตางค์โปร (Satang Pro)

เว็บเทรดคริปโตรุ่นบุกเบิก ชื่อเดิมก็คือ TDAX ก่อนจะมาเป็นสตางค์โปรในปัจจุบัน ความโดดเด่นคือสามารถฝาก-ถอนเหรียญจากไบแนนซ์เว็บเทรดคริปโตจากจีนที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการเทรด : 0.12-0.20%
  • ค่าธรรมเนียมการถอน : 18 บาท
  • สกุลเงินคริปโตที่รองรับ : 59 สกุลเงิน

3. บิทาซซ่า (Bitazza)

เว็บเทรดบริปโตประเภทโบรกเกอร์ ที่จะซื้อขายกับเจ้าของเว็บโดยตรงผ่านการจับคู่ออเดอร์ที่อยู่กับเว็บเทรดอื่น ๆ ทั่วโลก

  • ค่าธรรมเนียมการเทรด : 0.25%
  • ค่าธรรมเนียมการถอน : 20 บาท
  • สกุลเงินคริปโตที่รองรับ : 59 สกุลเงิน

4. ซิปเม็กซ์ (Zipmex)

เว็บเทรดคริปโตสัญชาติไทย ที่มีผู้ร่วมก่อตั้งมีทั้งชาวไทยและสิงคโปร์ โดดเด่นด้วยการไม่มีค่าทำเนียมในการเทรด

  • ค่าธรรมเนียมการเทรด : ไม่มี
  • ค่าธรรมเนียมการถอน : 20 บาท
  • สกุลเงินคริปโตที่รองรับ : 59 สกุลเงิน

5. หั่วปี้ (Huobi)

ถึงแม้ชื่อจะไม่ไทย แต่ บริษัท หั่วปี้ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับสิทธิในการใช้เทคโนโลยีและชื่อทางการค้าจาก บริษัท หัวปี้ โกลบอล จำกัด จากฮ่องกงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รองรับสกุลเงินมากที่สุดในนี้

  • ค่าธรรมเนียมการเทรด : 0.25%
  • ค่าธรรมเนียมการถอน : 15 บาท
  • สกุลเงินคริปโตที่รองรับ : 59 สกุลเงิน

ตารางเปรียบเทียบผู้ให้บริการเทรด Bitcoin ในประเทศไทย

ผู้ให้บริการ

ค่าธรรมเนียมการเทรด

ค่าธรรมเนียมการถอน

สกุลคริปโตที่รองรับ

บิทคับ
(Bitkub)

0.25%

20 บาท

59 สกุลเงิน

สตางค์โปร
(Satang Pro)

0.12-0.20%

18 บาท

35 สกุลเงิน

บิทาซซ่า
(Bitazza)

0.25%

20 บาท

116 สกุลเงิน

ซิปเม็กซ์
(Zipmex)

-

20 บาท

242 สกุลเงิน

หั่วปี้
(Huobi)

0.25%

15 บาท

912 สกุลเงิน


ที่มา : www.investopedia.com , www.buybitcoinworldwide.com , www.coindesk.com , markets.businessinsider.com , news.bitcoin.com , www.investopedia.com , companiesmarketcap.com , www.investopedia.com , dmerharyana.org

0 %E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99+Bitcoin+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0+%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94+Bitcoin+%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%87+%3F
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
สมาชิก : Member    สมาชิก
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน
 
 
 

ทิปส์ไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
26 พฤศจิกายน 2565 15:50:23 (IP 178.158.32.xxx)
GUEST
Comment Bubble Triangle
Rosaria
171