7 สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อลำโพงบลูทูธ (7 Things to know before buying a Bluetooth Speaker)

7 สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อลำโพงบลูทูธ
(7 Things to know before buying a Bluetooth Speaker)

ในปัจจุบัน ลำโพงบลูทูธ (Bluetooth Speaker) ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่จะมีคุณสมบัติที่ทำให้สามารถพกพาหรือเคลื่อนย้ายได้สะดวกเท่านั้นที่เป็นข้อดีที่น่าคบหา แต่ยังได้รับการปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องด้วย ถึงแม้ว่าลำโพงประเภทนี้อาจมีราคาค่อนข้างสูง แต่เราก็สามารถประเมินราคาร่วมกับคุณสมบัติของมันได้ว่า มีตรงตามกับความต้องการของเราหรือไม่ ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่า สเปกข้อไหนของลำโพง Bluetooth ที่ควรเช็คก่อนซื้อบ้าง ? มาดูกันเลย ...

1. ความจุของแบตเตอรี่ (Battery Life)

เนื่องจากลำโพง Bluetooth ของคุณ อาจต้องทำงานแบบไร้สายตลอดเวลาในอนาคต อายุการใช้งานแบตเตอรี่จึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ควรพิจารณา หากอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของลำโพงไม่เพียงพอ คุณอาจต้องเผชิญกับการต้องมานั่งชาร์จใหม่ในช่วงที่คุณไม่สะดวกเอาซะเลย ดังนั้น ควรตรวจสอบอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของลำโพงที่คาดหวังก่อนตัดสินใจซื้อ

เครดิตภาพ : https://www.makeuseof.com/specs-check-before-buying-bluetooth-speaker/

เป็นเรื่องยากที่เราจะรู้ได้ว่า แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานนานแค่ไหนเมื่อซื้อลำโพง Bluetooth มาใช้ เนื่องจากการใช้งานนอกบ้านของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าจะใช้ลำโพงเป็นประจำโดยไม่ต้องเสียบปลั๊ก ให้ลองตั้งเป้าให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานที่สุด เช่น ลำโพงแบบพกพาของยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง ที่ให้เวลาเล่นสูงสุดยาวนานถึง 12 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ในทางกลับกัน หากคุณกำลังจะใช้ลำโพง Bluetooth ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากมายเพื่อซื้อรุ่นที่สามารถเล่นแบบไร้สายได้นาน ๆ  เพราะมีรุ่นราคาไม่แพงมากมายในตลาดที่สามารถเล่นแบบไร้สายได้ราว 5 - 6 ชั่วโมง ที่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการศึกษาหรือจัดงานปาร์ตี้ (จะจัดนานกว่านี้ไหมล่ะ ?)

2. ขนาด (Size)

เนื่องจากลำโพง Bluetooth ได้รับการออกแบบมาให้นำออกนอกสถานที่ได้ จึงมักมีน้ำหนักเบา อย่างไรก็ตาม มีหลายรุ่นที่มีน้ำหนักพอสมควร ซึ่งทำให้พกพายากขึ้นมาอีกหน่อย ซึ่งลำโพง Bluetooth บางตัวไม่เหมาะกับการพกพาอย่างยิ่ง และถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในบ้านโดยตรง

เครดิตภาพ : https://www.lite-magazin.de/2019/06/bowers-wilkins-formation-wedge-das-luxurioese-wireless-musiksystem/

ดังนั้น จึงควรตรวจสอบขนาดและน้ำหนักของลำโพง Bluetooth ก่อนคลิกซื้อทุกครั้ง จะได้ไม่เผลอไปซื้อรุ่นที่พกพาไม่ได้ หรือทำให้คุณต้องยกลำโพงหนัก ๆ ออกไปด้วยทุกครั้งที่จะไปนอกบ้านโดยใช่เหตุ

3. คุณภาพเสียง (Audio Quality)

คุณภาพเสียงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งของลำโพง Bluetooth ของคุณ แม้ว่าดีไซน์ลำโพงจะดูสวยงามหรือราคาน่าคบหาแค่ไหน แต่ก็ต้องคำนึงถึงคุณภาพเสียงด้วยหากต้องการประสบการณ์การฟังที่น่าพอใจ

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อคุณภาพเสียง โดยทั่วไปแล้วลำโพงขนาดใหญ่จะให้เสียงที่อิ่มกว่า แต่คุณไม่ต้องการพกลำโพงหนัก ๆ ไปไหนมาไหนด้วยตลอดหรอกจริงมั้ย ? เพราะมันจะทำให้คุณเบื่อลำโพงที่เพิ่งกดซื้อมาได้อย่างรวดเร็วเลยล่ะ ดังนั้นเวลาเลือกซื้อ เราก็จะต้องหาจุดกึ่งกลางให้ได้ระหว่างขนาดและคุณภาพเสียง หากคุณต้องการนำลำโพง Bluetooth ออกไปใช้นอกสถานที่ด้วย

เครดิตภาพ : https://www.appaccthai.com/jbl-boombox-7-2/

แต่คุณภาพเสียงแบบไหนล่ะที่เราควรมองหาถ้าคุณต้องการเสียงคุณภาพสูง ? ถ้าหากคุณไม่ได้มีความรู้เรื่องเสียงและการผลิตเสียงจากลำโพงมากนัก เรามีวิธีดูคร่าว ๆ นั่นก็คือ ลำโพงระดับพรีเมียมนั้น โดยทั่วไปจะมีระดับความดังของลำโพง (Sensitivity) มากกว่า 90 เดซิเบล (Db) มีระดับค่าความต้านทาน (Impedance) ระหว่าง 6 - 8 โอห์ม (Ω) และ Frequency Response ตั้งแต่ 20 เฮิร์ตซ์ (Hz) ถึง 20 กิโลเฮิร์ตซ์ (kHz)

ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณสมบัติที่ว่ามา อาจหาดูรายละเอียดได้ยาก ดังนั้นเราขอแนะนำให้ลองดูรีวิวจากหลาย ๆ เว็บไซต์ประกอบไปด้วยว่า มีลำโพงตัวไหนที่ได้รับการจัดอันดับว่าดีที่สุดในแง่ของคุณภาพเสียงในปัจจุบันบ้าง

4. พอร์ตเชื่อมต่อที่มีให้ (Available Ports)

ลำโพง Bluetooth มักจะมีพอร์ตเดียวสำหรับการชาร์จแบบมีสาย ซึ่งมักจะรองรับสาย Micro USB เป็นหลัก โดยเราสามารถตรวจสอบชนิดของสายชาร์จที่ลำโพงรองรับได้ในส่วนข้อมูลจำเพาะในหน้าหลักเว็บไซต์ของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ

เครดิตภาพ : https://www.reliancedigital.in/solutionbox/jbl-flip-3-review/

อย่างไรก็ตาม สายชาร์จเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากบลูทูธของคุณทำงานได้ปกติแต่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงได้ การที่มีพอร์ตแจ็ค AUX หรือ 3.5 มม. ในตัวก็จะสามารถช่วยกลบปัญหาในจุดนี้ได้ ทำให้ยังคงสามารถทำการเชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์, แล็ปท็อป ,หรือแท็บเล็ตได้ จะได้ไม่ต้องกลายเป็นที่ทับกระดาษราคาแพงไปโดยเปล่าประโยชน์

5. คุณสมบัติกันน้ำและฝุ่น (Water and Dust Resistance)

ถ้าหากคุณมีแพลนที่จะเอาลำโพง Bluetooth ออกจากบ้าน ก็จะมีโอกาสที่จะเกิดความเสียหายจากฝุ่นและน้ำมากกว่าที่บ้านแน่นอน ดังนั้น จึงควรพิจารณาคุณสมบัติลำโพงที่สามารถทนทานต่อน้ำและฝุ่นได้ในระดับหนึ่งด้วย

เครดิตภาพ : https://www.xiaomitoday.com/2019/09/30/xiaomi-mi-outdoor-water-resistant-bluetooth-speaker/

ลำโพบลูทูธส่วนมากไม่กันน้ำ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตรวจสอบในส่วนข้อมูลจำเพาะก่อนการซื้อเสมอ โดยลำโพงกันน้ำจำนวนมาก จะใช้การจำแนกประเภท "Ingress Protection Code" ที่เรียกว่า IP67 ที่หมายความว่าสามารถทิ้งลำโพงลงในแหล่งน้ำได้ลึกถึงหนึ่งเมตรเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงได้โดยไม่เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ คุณสมบัติ IP67 ยังสามารถกันฝุ่นได้ เพราะผลิตภัณฑ์ไหนก็ตามที่ถูกออกแบบให้มีการป้องกันระดับ IP67 จะไม่เสียหายเนื่องจากการสะสมของฝุ่นด้วย

อ่านเพิ่มเติม : IPXX ค่ามาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นของอุปกรณ์ต่าง ๆ ตัวเลขบ่งบอกอะไรบ้าง รู้กันที่นี่

6. ความสามารถอัจฉริยะ (Smart Capabilities)

เทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Technology) ในปัจจุบัน ช่วยเข้ามาทำให้ชีวิตภายในบ้านของเรา สะดวกขึ้นไม่ว่าจะเป็น การสั่งการด้วยเสียง (Voice Assistant) ดังนั้น คุณจึงควรมองหาลำโพง Bluetooth ที่มีความสามารถในการใช้งานร่วมกัน หากบ้านของคุณติดตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่น ๆ ด้วย

ถ้าหากลำโพงที่คุณกำลังเล็งอยู่ เป็น Smart (Bluetooth) Speaker ตัวลำโพงก็จะสามารถฟังคำสั่งเสียงได้ด้วย ซึ่งไม่ว่าคุณจะกำลังทำงานบ้านอยู่ ทำอาหาร หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ไม่สะดวกเดินไปที่ลำโพง ก็สามารถสั่งงานด้วยเสียงให้จัดการเปลี่ยนเพลง หรือสั่งงานอุปกรณ์อัจฉริยะอื่น ๆ ภายในบ้านได้อีกทอด

เครดิตภาพ : https://www.pocket-lint.com/smart-home/news/amazon/153856-how-to-share-alexa-routines-and-use-them

ในทางกลับกัน ถ้าคุณไม่สนใจความสามารถดังกล่าว ก็สามารถเบนเข็มไปหาซื้อลำโพงดี ๆ ในราคาที่ถูกกว่าได้ ฉะนั้น ก่อนจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่คุณไม่จำเป็น ให้ตรวจสอบก่อนว่า ลำโพง Bluetooth ที่คุณกำลังจะซื้อ มีความสามารถนี้เพิ่มมาด้วยหรือเปล่า เพราะการมีความสามารถอัจฉริยะเพิ่มเข้ามา ทำให้มันมีราคาค่าตัวสูงขึ้นด้วย

7. เวอร์ชันของบลูทูธ (Bluetooth Version)

เช่นเดียวกับ Wi-Fi, ข้อมูลมือถือ, และเทคโนโลยีไร้สายอื่น ๆ ที่มีการพัฒนาเวอร์ชันใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง บลูทูธ (ฺBluetooth) ก็เช่นกัน ซึ่งบลูทูธเวอร์ชันใหม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเวอร์ชันใหม่แต่ละเวอร์ชันมีช่วงการเชื่อมต่อที่ยาวขึ้น ความเร็วในการถ่ายโอนที่เร็วขึ้น และสัญญาณที่แรงขึ้นด้วย

เครดิตภาพ : https://vpnoverview.com/privacy/devices/bluetooth/

และเนื่องจากบลูทูธได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องดังที่กล่าวไป ดังนั้น จึงควรตรวจสอบด้วยว่าลำโพงที่คุณเลือก ใช้บลูทูธเวอร์ชันไหนในการเชื่อมต่อ โดยลำโพงรุ่นใหม่จำนวนมาก เริ่มรองรับ Bluetooth 5 ซึ่งเป็นรุ่นต่อจาก Bluetooth 4 กันหมดแล้ว แน่นอนว่า เวอร์ชันที่สูงกว่า ก็ให้คุณสมบัติที่ดีกว่าเช่นกัน

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลำโพงที่รองรับแค่ Bluetooth 4 นั้นจะมีคุณภาพต่ำ เพราะจริง ๆ แล้วบลูทูธเวอรชันนี้ยังสามารถมอบประสบการณ์การฟังที่ยอดเยี่ยมโดยใช้แค่ Bluetooth 4 ได้ แต่ Bluetooth 5 ก็ได้รับการปรับปรุงคุณสมบัติเพิ่มขึ้นมาพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของระยะทางการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องสัญญาณขาดหาย หากตัวส่งสัญญาณกับลำโพงนั้นอยู่ไกลกัน

อ่านเพิ่มเติม : Bluetooth คืออะไร ? Bluetooth มี Class อะไรบ้าง ? และรู้จัก Bluetooth เวอร์ชันต่าง ๆ