เชื่อว่าทุกคนล้วนเคยพบเจอปัญหา อินเทอร์เน็ต (Internet) มีความเร็วที่ไม่เสถียร ความเร็วตก เหมือนกันหมด ไม่ว่า แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตบ้าน (Home Internet Package) ของคุณจะแพงแค่ไหน หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะโฆษณาความเร็วเอาไว้อย่างไร สุดท้ายคุณก็จะได้พบเจอกับปัญหาที่น่ารำคาญแบบนี้อยู่ดี
ในบทความนี้เราจะมาว่ากันในเรื่องของ หากคุณ เช็คความเร็วเน็ต (Speedtest) แล้วพบว่า ความเร็วอินเทอร์เน็ตจริงที่ได้ ช้ากว่าแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่สมัคร ว่าสาเหตุที่มันเป็นอย่างนั้นเกิดขึ้นจากอะไร ? รวมถึงมีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณช้าลง มาดูกันเลย
โดยทั่วไป ความเร็วแรงของอินเทอร์เน็ตที่พาดหัวในโฆษณาของผู้ให้บริการ มันคือค่าสูงสุดตามทฤษฎีที่ไม่สามารถทำได้เลยในความเป็นจริง เพราะเมื่อถูกนำมาใช้งานจริง (ไม่ใช่แค่การทดสอบในห้องทดลอง หน้าเสาเครือข่าย) มันต้องพบเจอกับปัจจัยผสมอีกมากมายที่ลดทอนความเร็วให้ตกลง เช่น การแย่งแบนด์วิธในพื้นที่อาศัยที่มีประชากรหนาแน่น, การใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้รองรับความเร็วสูง เช่น เราเตอร์ (Router) หรือ สายแลน (LAN) รวมถึงปัญหาความเร็วตกที่เกิดจากการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi
ดังนั้นแม้ว่าคุณจะได้รับการโฆษณาจากผู้ให้บริการว่าแพ็กเกจที่คุณใช้มีความเร็วสูงถึง 1,000/500 Mbps หรืออะไรก็ตามแต่ แต่เมื่อนำมาใช้จริงแล้ว คุณจะไม่มีทางได้เจอกับความเร็วระดับ 1,000 Mbps อย่างแน่นอน
มีข้อมูลระบุว่า ประเทศสหราชอาณาจักร ถึงขั้นมีหน่วยงานกำกับดูแล ที่ออกมาบังคับให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตโฆษณาความเร็วสูงสุดโดยเฉลี่ยไม่ใช่ความเร็วตามทฤษฎี ในขณะที่กฎระเบียบในหลายประเทศค่อนข้างหละหลวม และดูเหมือนบ้านเราเองก็เป็นเช่นนั้น
ดังนั้นเมื่อเรามีการติดตั้งแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตสูงสุด นี่คือสิ่งที่ต้องยอมรับก่อนว่า ความเร็วที่ได้จะต้องมีความคลาดเคลื่อนอยู่แล้ว และหากมันช้าเกินจนขัดใจ บางทีในหัวข้อถัดไป ก็อาจพอช่วยคุณได้
จริง ๆ หากไม่นับเรื่อง ปัญหาจากอุปกรณ์ของคุณ เช่น เราเตอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือ สายแลนความเร็วไม่ถึง ซึ่งคุณสามารถแก้ไขมันง่าย ๆ ด้วยการศึกษาและซื้อของที่มีคุณภาพมากกว่า ปัญหาทั่วไปที่ทำให้เน็ตคุณช้า แม้ว่าจะใช้แพ็กเกจความเร็วสูง ก็สามารถแบ่งได้ดังต่อไปนี้
ข้อจำกัดของ Wi-Fi มีมากมาย จนเรียกได้ว่า มันคือปัญหาอันดับต้น ๆ ของประเด็นนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมุมอับสัญญาณ, การวางตำแหน่งเราเตอร์, การมีสิ่งกีดขวางกั้นสัญญาณ, ระยะการปล่อยสัญญาณ Wi-Fi, ข้อจำกัดของอุปกรณ์ที่ใช้ต่อ Wi-Fi, การตกรุ่นของซอฟต์แวร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ข้อมูลเพิ่มเติม : ฮวงจุ้ย Router ! ตั้งเราเตอร์อย่างไร ให้สัญญาณ Wi-Fi กระจายได้ทั่วถึง ?
ดังนั้นมันอาจเป็นปัจจัยแรก ๆ ที่ทำให้อินเทอร์เน็ตคุณไม่เสถียร และเราสามารถตั้งข้อสังเกตง่าย ๆ เมื่อลองเปลี่ยนไปใช้เน็ตแบบมีสายหรือต่อสายแลนจนพบความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
อย่างไรก็ตาม หากคุณยังต้องการที่จะใช้ Wi-Fi ต่อไป เราพอจะมีวิธีช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้น และคุณอาจสามารถลองทำตามได้ เช่น
สุดท้ายหากลองทำทุกอย่างแล้วไม่ได้จริง ๆ เราขอแนะนำให้ใช้การเชื่อมต่อผ่านสายแลนจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด และถ้าคุณมีปัญหาเรื่องการวางระบบ LAN ภายในบ้าน คุณอาจลองใช้อุปกรณ์ 'Powerline Adapter' แทน เพราะอุปกรณ์นี้สามารถช่วยให้คุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ผ่านระบบสายไฟภายในบ้าน เพียงแค่นำสายแลนที่ใช้ต่อกับอุปกรณ์เครือข่ายมาเสียบเข้ากับ Powerline Adapter และนำไปต่อเข้ากับปลั๊กไฟบ้าน ก็สามารถใช้ทดแทนระบบ LAN ได้แล้ว ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยทดแทน ส่วนวิธีการใช้งานอย่างละเอียดสามารถค้นหาดูได้ตามอินเทอร์เน็ตเลย
ภาพตัวอย่างวิธีใช้งาน 'Powerline Adapter'
หรือถ้าสุดท้ายคุณต้องการใช้ Wi-Fi เท่านั้นจริง ๆ เพราะมีแต่มือถือ ก็ควรลองหา ตัวขยายสัญญาณอย่าง Wi-Fi Repeater หรือ อุปกรณ์ Mesh Wi-Fi มาช่วยกระจายสัญญาณและลดมุมอับสัญญาณลงเอา
ข้อมูลเพิ่มเติม : Powerline Adapter กับ Mesh Wi-Fi และ Wi-Fi Extender คืออะไร ? และเลือกใช้เทคโนโลยีไหนดี ?
ปัญหาการแย่งแบนด์วิธ เป็นเรื่องทั่วไปที่เกิดขึ้นได้เมื่อบริเวณที่พักอาศัยมีประชากรหนาแน่น หรือแม้แต่การแย่งกันใช้เน็ตในบ้านคุณเอง เพราะหากมีการโหมใช้อินเทอร์เน็ตโดยพร้อมเพียงกัน โดยเฉพาะช่วงดึก ๆ ที่เป็นช่วงเวลาไพรม์ไทม์ ความเร็วแต่ละคนก็จะตกไปตามระเบียบ
วิธีที่ง่ายที่สุดในการแก้ไขคือ รอจนกว่าจะช่วงเวลาคับคั่ง (Prime Time) นั้นไป คุณก็จะได้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกลับมา แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหาก Router ใครที่มีระบบ Quality of Service (QoS) ให้ตั้งค่า คุณสามารถใช้มันแก้ปัญหานั้นได้อย่างตรงจุด และเพิ่มประสิทธิภาพของความเร็วกลับมาได้ แต่ควรระวังเรื่องการตั้งค่าให้ดี เพราะมันอาจทำให้เราเตอร์ของคุณมีการทำงานที่หนักเกินไป
คลิปตัวอย่างการตั้งค่า Quality of Service ในเราเตอร์
ถ้าพบว่าความเร็วของอินเทอร์เน็ตตก ไม่เสถียร และสาเหตุไม่ได้เกิดจากปัญหาที่บอกมาก่อนหน้านี้เลย ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากความล่าช้าของเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่เครือข่ายคุณใช้งานอยู่ เพราะระบบ DNS มีความสำคัญกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างมาก
และนอกจากนี้แล้ว มันยังอาจจะมีข้อผิดพลาดระหว่างการทำงานบ้าง แม้ว่าโดยทั่วไปผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) จะตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่ดีที่สุดให้กับเครือข่ายที่เราใช้อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าลองเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ DNS ดูก็อาจช่วยแก้ไขปัญหาอินเทอร์เน็ตได้เช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม : DNS (Domain Name System) คืออะไร ?
ภาพจาก https://www.howtogeek.com/787642/how-to-change-your-dns-server-on-a-mac/
ความจริงมีอีกหลายเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่เราสามารถเลือกใช้ได้ แต่คนส่วนใหญ่มักเลือกของ Google เนื่องจากเป็นบริษัทใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือ และสามารถใช้งานได้ดี นอกจากนี้ ถ้าหากลองแล้วไม่ชอบใจ จะเปลี่ยนไปใช้เจ้าอื่นก็ได้ เช่น
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมหนึ่งตัวที่อยากแนะนำ ชื่อว่า "Benchmark DNS Tool" ตัวโปรแกรมสามารถช่วยให้คุณตรวจสอบได้ว่า เซิร์ฟเวอร์ DNS ไหนที่เหมาะสำหรับตำแหน่งของคุณ
ถ้าลองทำทุกทาง ทุกปัญหาแล้ว แต่ยังไม่ได้ความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ดีขึ้น ความจริงแล้วเหตุผลง่าย ๆ อาจเป็นเพราะผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณที่ผิด ซึ่งอาจเกิดได้จากปัญหา เช่น สายเคเบิลเครือข่ายเสียหาย หรือ เกิดจากเซิร์ฟเวอร์โอเวอร์โหลด เป็นต้น
เราสามารถทราบได้อย่างไร ? แน่นอน โทรหาคอลเซ็นเตอร์ของผู้ให้บริการเลยและถ้าเป็นในยุคนี้ยิ่งง่าย เพราะข่าวสารบนโลกออนไลน์บางทีมันก็แพร่ไปไวเหมือนกัน ส่วนการแก้ปัญหานั้นขอให้ทำใจ และรออย่างเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเจอปัญหาแบบนี้บ่อย ๆ คุณอาจต้องลองตัดสินใจเปลี่ยนผู้ให้บริการดู
ข้อมูลเหล่านี้ เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไป และเราหวังว่ามันอาจช่วยให้คุณได้พบคำตอบ ว่าควรจะแก้ไขอย่างไรเพื่อให้คุณได้ใช้ความเร็วอินเทอร์เน็ตในแบบที่ควรจะเป็น
|
งานเขียนคืออาหาร ปลายปากกา ก็คือปลายตะหลิว |