ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
THAIWARE.COM | ทิปส์ไอที
 

Powerline Adapter กับ Mesh Wi-Fi และ Wi-Fi Extender คืออะไร ? และเลือกใช้เทคโนโลยีไหนดี ?

Powerline Adapter กับ Mesh Wi-Fi และ Wi-Fi Extender คืออะไร ? และเลือกใช้เทคโนโลยีไหนดี ?

เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 13,033
เขียนโดย :
0 Powerline+Adapter+%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A+Mesh+Wi-Fi+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0+Wi-Fi+Extender+%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5+%3F
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

Powerline Adapter, Mesh Wi-fi และ Wi-Fi Extender คืออะไร ?
เลือกใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อแบบไหนดี ?

ปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตภายในบ้านเป็นปัญหาสุดพื้นฐานที่หลายบ้านต้องเผชิญ เพราะโดยทั่วไป เมื่อคนส่วนใหญ่ติดตั้งอินเทอร์เน็ต ก็คือติดต่อไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider - ISP) ที่เป็น เน็ตบ้าน 3BB, AIS Fiber, True ฯลฯ แล้วทาง ISP ก็จะส่งช่างมาเดินสายติดตั้งโมเด็มเราเตอร์ภายในบ้านให้เราเพียง 1 จุด เท่านั้น (นอกจากว่ามีการเจรจาเพิ่มเติม)

บทความเกี่ยวกับ Network อื่นๆ

คำถามก็คือ เราเตอร์ 1 จุด พอต่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตของทุกคนในบ้านหรือเปล่า ? คำตอบสามารถเป็นได้ทั้ง "พอ" และ "ไม่พอ" ถ้าคุณต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตในพื้นที่แค่จุดเดียว แน่นอนว่ามันพอ แต่หากมีจุดที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตหลายจุดขึ้นมาเช่น อยากใช้  Wi-Fi ที่ชั้น 1 และชั้น 2, อยากต่อ สายแลน (LAN Cable) เข้าคอมพิวเตอร์โดยตรงที่มีอยู่ในชั้น 3 และชั้น 4 ฯลฯ แน่นอนว่าระบบอินเทอร์เน็ตที่ ISP มาติดให้คุณมันไม่สามารถกระจายสัญญาณไปได้ทุกจุดที่คุณต้องการใช้งานแน่ ๆ ไม่ว่าคุณจะหา การวางเราเตอร์ไวไฟ (Wi-Fi Router Placement) ได้ดีขนาดไหนก็ตาม

ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อแก้ปัญหา คือ การกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตออกไปให้ไกลขึ้น ซึ่งก็ทำได้หลายวิธี วิธีที่ได้สัญญาณอินเทอร์เน็ตดี และเสถียรที่สุด คือ การเดินสาย LAN ลากสายไปยังจุดต่าง ๆ ที่ต้องการใช้งาน แต่หลายคนไม่ชอบวิธีนี้สักเท่าไหร่ ลองนึกภาพการลากสายจากเราเตอร์ที่อยู่ชั้น 2 ไปยังคอมพิวเตอร์ที่อยู่ชั้น 4 ถ้าไม่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างอาคาร ก็ต้องเดินสายภายนอกที่อาจจะทำให้ทัศนียภาพลดความสวยงามได้ 

ดังนั้นหลายคนจึงเลือกทางเลือกอื่นแทน ด้วยการนำอุปกรณ์เสริมมาติดตั้ง ที่ได้รับความนิยมก็จะมีอยู่ 3 ประเภท คือ Powerline Adapter, Mesh Wi-fi และ Wi-Fi Extender ในบทความนี้ก็จะมาแนะนำว่าทั้งสามเทคโนโลยีนี้ มีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร แล้วควรเลือกใช้แบบไหนดี

เนื้อหาภายในบทความ

Powerline Adapter กับ Mesh Wi-Fi และ Wi-Fi Extender คืออะไร ? และเลือกใช้เทคโนโลยีไหนดี ?

Powerline Adapter คืออะไร ?

Powerline Adapter เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่ทำให้ระบบสายไฟภายในบ้านของคุณทำหน้าที่เสมือนว่ามันเป็นสาย LAN ได้ แน่นอนว่าระบบสายไฟนั้นถูกวางกระจายไว้ตามตำแหน่งต่าง ๆ ภายในที่อยู่อาศัยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเดินสาย LAN ใหม่

หลักการทำงานของ Powerline Adapter แบบเบื้องต้นก็เรียบง่าย คุณแค่เอาสาย LAN จากเราเตอร์ของคุณเสียบเข้ากับตัว Powerline Adapter ที่เสียบเจ้ากับปลั๊กไฟภายในบ้าน เท่านี้อินเทอร์เน็ตก็จะถูกกระจายไปตามสายไฟแล้ว อยากใช้งานอินเทอร์เน็ตที่จุดไหน คุณก็เอา Powerline Adapter เสียบเข้ากับปลั๊ก แล้วเอาสาย LAN ต่อเข้ากับตัว Powerline Adapter เพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทันที

Powerline Adapter กับ Mesh Wi-Fi และ Wi-Fi Extender คืออะไร ? และเลือกใช้เทคโนโลยีไหนดี ?
ภาพจาก : https://thecomputergeeks.org/best-powerline-adapter/

ในการทำงานมันจึงต้องมี Powerline Adapter อย่างน้อย 2 ตัว (ปกติเขาก็ขายเป็นคู่อยู่แล้วล่ะ) โดยตัวแรกจะเชื่อมต่อกับเราเตอร์ ส่วนตัว Powerline Adapter ที่เหลือก็เสียบเข้ากับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ Powerline Adapter บางรุ่นจะสามารถทำตัวเป็น Hotspot ปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ออกมาได้ด้วย ทำให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เลย โดยที่ไม่ต้องเสียบสาย LAN

Mesh Wi-Fi คืออะไร ?

Mesh Wi-Fi เป็นระบบ Wi-Fi ภายในบ้านที่จำเป็นต้องใช้ "เราเตอร์ Mesh" ในการทำงานด้วย ในแง่ของคุณสมบัติการทำงานพื้นฐานแล้ว เราเตอร์ Mesh กับเราเตอร์ปกติจะมีคุณสมบัติที่ไม่แตกต่างกัน มันทำหน้าที่ควบคุมบริหารการแลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตระหว่างผู้ใช้งานกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงการจัดการด้านเครือข่าย และมี Network Protocol ที่จำเป็นต่อการทำงานอยู่ในตัว

อย่างไรก็ตาม "เราเตอร์ Mesh" ถูกสร้างขึ้นมาให้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับ "เราเตอร์ Mesh" ตัวอื่น ๆ ที่อยู่ในตำแหน่งไกลออกไปได้ โดยจะมี "เราเตอร์ Mesh" ที่ทำหน้าที่เป็นตัวหลักที่เชื่อมต่อกับสายอินเทอร์เน็ต และมี "เราเตอร์ Mesh" ตัวรอง ที่นิยมเรียกกันว่า "Nodes" หรือ "Satellites" กระจายออกไปยังตำแหน่งต่าง ๆ

Powerline Adapter กับ Mesh Wi-Fi และ Wi-Fi Extender คืออะไร ? และเลือกใช้เทคโนโลยีไหนดี ?
ภาพจาก : https://www.lifehacker.com.au/2016/12/what-is-mesh-networking-and-will-it-solve-my-wi-fi-problems/

ข้อได้เปรียบ Mesh Wi-Fi คือ คุณสามารถขยายขอบเขตของเครือข่ายได้กว้างมาก จุดไหนไม่ถึงก็แค่หาซื้อ "Nodes" มาวางเพิ่ม สิ่งสำคัญที่ทำให้มันแตกต่างจาก Wi-Fi Extender คือ เราเตอร์ Mesh ทุกตัวในระบบที่เป็น Nodes จะทำหน้าที่เหมือนเราเตอร์ตัวหลักทุกประการ ชื่อเครือข่าย SSID ของ Wi-Fi จะเป็นชื่อเดียวกันหมดทุกตัว ไม่จำเป็นต้องตั้งชื่อแยกย่อยออกมา ซึ่งเป็นปัญหาน่าปวดหัวของ Wi-Fi Extender คุณสามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ไปยัง Nodes ตัวไหนก็ได้ หรือแม้แต่ต่อสาย LAN เข้ากับ Nodes ที่ต้องการ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

Wi-Fi Extender คืออะไร ?

ถ้าพูดถึงตัวเลือกที่คนมักจะนึกเวลาต้องการแก้ปัญหาสัญญาณ Wi-Fi อ่อน หรือสัญญาณ Wi-Fi อ่อน เดินทางไม่ถึงจุดที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ต Wi-Fi Extender (หรือ Signal Booster, Wireless Repeater) น่าจะเป็นตัวเลือกลำดับแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง

Wi-Fi Extender เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งง่าย ราคาก็ไม่แพง จัดว่าถูกที่สุด ในบรรดาตัวเลือกที่เรากล่าวมาทั้งหมด ใช้เงินเพียงสี่ห้าร้อยก็สามารถหาซื้ออุปกรณ์ประเภทนี้มาใช้งานได้แล้ว

การทำงานของ Wi-Fi Extender จะใช้วิธีการจับสัญญาณที่มันตรวจพบภายในระยะทำการ จากนั้นก็นำค่าข้อมูลที่ได้มาส่งต่อใหม่อีกครั้งโดยชดเชยความแรงของสัญญาณที่จับได้มาให้แรงขึ้นกว่าเดิม จุดสำคัญของการใช้งาน Wi-Fi Extender คือ ต้องพยายามหาตำแหน่งในการวางอุปกรณ์ให้เหมาะสม โดย Wi-Fi Extender ควรจะอยู่กึ่งกลางระหว่างเราเตอร์หลัก กับอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการเลือกซื้อ Wi-Fi Extender คือ ควรมองหารุ่นที่รองรับการแพร่กระจายสัญญาณ Wi-Fi ได้ทั้งคลื่น 2.4 GHZ และ 5 GHz หรือหากเป็นไปได้ก็ควรมองรุ่นที่รองรับเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง Wi-Fi 6 ด้วย เพื่อการใช้งานในระยะยาว จะได้ไม่ต้องมาอัปเกรดใหม่ภายหลัง

ข้อมูลเพิ่มเติม : Wi-Fi 6 คืออะไร ? และ เทคโนโลยี Wi-Fi 6 กับ Wi-Fi 6E แตกต่างกันอย่างไร ?

การใช้งาน Wi-Fi Extender จะมีความน่ารำคาญอยู่อย่างหนึ่ง คือ แม้จะสามารถตั้ง SSID ชื่อซ้ำกันได้ แต่ในการใช้งานจริงเราควรตั้งชื่อ SSID ให้แตกต่างกัน เพราะอุปกรณ์ของเรามักจะไม่ยอมเปลี่ยนไปจับสัญญาณ Wi-Fi ที่แรงกว่าให้อัตโนมัติ แล้วเราอาจจะไม่รู้ว่ากำลังเชื่อมต่อกับ Hotspot จุดไหนอยู่กันแน่หากว่าชื่อ SSID เหมือนกัน

Powerline Adapter กับ Mesh Wi-Fi และ Wi-Fi Extender คืออะไร ? และเลือกใช้เทคโนโลยีไหนดี ?

ภาพจาก : https://7labs.io/tips-tricks/improve-wi-fi-coverage-at-home-or-office.html

Powerline Adapter, Mesh Wi-fi และ Wi-Fi Extender เลือกใช้เทคโนโลยีไหนดี ?

ก่อนอื่นต้องบอกว่า ทั้ง 3 เทคโนโลยีนี้ แม้จะมีจุดประสงค์ในการทำงานที่เหมือนกัน คือ การกระจายอินเทอร์เน็ตไปให้ทั่วทุกพื้นที่ ที่ผู้ใช้ต้องการใช้งาน แต่มันก็มีข้อดี-ข้อเสีย มีความเหมาะสมในเงื่อนไขของแต่ละสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้

ทำไมถึงควรเลือก Powerline Adapter ?

ในทางทฤษฎีแล้ว Powerline Adapter ที่ใช้การส่งสัญญาณแบบมีสาย ย่อมมีความเสถียรกว่าแบบไร้สาย และมีค่า Latency ต่ำที่สุดด้วย แต่ทว่าในทางปฏิบัติจริงมันมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อคุณภาพของสัญญาณด้วยเช่นกัน

หากระบบสายไฟภายในอาคารมีคุณภาพสูง วางระบบเอาไว้อย่างดี มีฉนวนกันคลื่นต่าง ๆ มารบกวน ก็มีแนวโน้มที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตจาก Powerline Adapter จะทำความเร็วได้ดี แต่หากระบบสายไฟเก่า หรือวางการเดินสายไม่ดี ก็เป็นไปได้ว่าผลลัพธ์ที่คุณคาดหวังจาก Powerline Adapter จะไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ ซึ่งส่วนใหญ่เราก็ไม่รู้หรอกว่าระบบสายไฟในบ้านเราใช้งาน Powerline Adapter จนกว่าจะซื้อมาทดสอบใช้งานจริง

นอกจากนี้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน บางชนิดก็ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณผ่านสายไฟฟ้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะพวกอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าในการทำงานสูงเป็นพิเศษ

ในส่วนของราคา Powerline Adapter ถือว่ามีราคาที่ไม่แพงมากนัก ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่คู่ละประมาณพันปลาย ๆ เท่านั้น ถือว่าไม่แพงหากเทียบกับระบบ Mesh Wi-fi ที่คุณต้องเปลี่ยนใหม่ทุกอย่าง ทั้งค่าเราเตอร์ และค่า Nodes อีก

เหตุผลที่ควรเลือก Mesh Wi-fi

ระบบ Mesh Wi-Fi เป็นตัวเลือกที่สามารถเลือกใช้งานได้โดยสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพื้นที่ที่คุณต้องการให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตครอบคลุมมีความกว้างขวาง และคุณไม่อยากเดินสายอะไรให้เกะกะวุ่นวาย

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของ Mesh Wi-Fi ก็มีอยู่บ้าง แม้ความเร็วจะของ Mesh Wi-Fi จะเร็วก็จริง แต่ระบบไร้สาย อย่างไรก็หนีเรื่องค่า Latency ที่สูงไม่พ้นอยู่ดี หากคุณต้องการทำงาน, ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไป หรือรับชมสตรีมมิ่ง ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากกิจกรรมที่คุณทำต้องพะวงถึงค่า Latency ด้วย อย่างเช่นการเล่นเกมออนไลน์ ตัวเลือกนี้ก็คงไม่เหมาะสมนัก

กล่าวถึงข้อเสียกันไปแล้ว มาพูดถึงข้อดีกันบ้าง ระบบ Mesh Wi-Fi ส่วนใหญ่จะมาคู่กับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เราสามารถควบคุมการทำงาน, ตั้งค่าความปลอดภัย, ตั้งเวลาจำกัดการใช้งาน, การควบคุมโดยผู้ปกครอง (Parental Control) ฯลฯ ให้ใช้งานได้ด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความสามารถการควบคุมโดยผู้ปกครอง (Parental Control)

ในส่วนของราคา ก็ต้องบอกว่า ระบบ Mesh Wi-Fi นั้นแม้จะสะดวกสุด แต่ก็แพงสุดด้วยเช่นกัน ยี่ห้อดี ๆ ราคาเราเตอร์รวม Nodes ด้วย มีหลายพันไปจนถึงหลักหมื่นเลยล่ะ

เหตุผลที่เลือก Wi-Fi Extender

Wi-Fi Extender เป็นตัวเลือกที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดา 3 เทคโนโลยีที่เรากล่าวถึงในบทความนี้ การติดตั้งก็ง่ายไม่ต่างจากการใช้ Powerline Adapter สักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม Wi-Fi Extender มีข้อควรตระหนักที่ต้องระวังก่อนเลือกเทคโนโลยีชนิดนี้มาใช้งานนะ นั่นก็คือขนาดของแบนด์วิธ (Bandwidth) เนื่องจาก Wi-Fi Extender เป็นการรับสัญญาณจากจุดเดียว มากระจายต่อเพื่อขยายระยะโดยตรง ไม่เหมือนกับ Mesh Wi-fi ที่แต่ละ Nodes จะมีระบบจัดการแบนด์วิธของตนเอง ดังนั้นหากมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายชนิดพร้อมกันจะส่งผลต่อประสบการณ์ในการใช้งานเป็นอย่างมาก

จากที่กล่าวมา Wi-Fi Extender จึงเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ ที่มีจำนวนผู้ใช้ไม่มาก เช่น คุณแค่ต้องการเล่นอินเทอร์เน็ตจากอีกห้องหนึ่ง แต่สัญญาณ Wi-Fi ที่มาถึงมันอ่อน จนส่งผลกระทบต่อความเร็ว กรณีแค่นี้ คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนกับ Mesh Wi-Fi ใช้แค่ Wi-Fi Extender ก็พอ

สรุปเลือกใช้เทคโนโลยี การเชื่อมต่อ อะไรดี ?

ประเด็นของการใช้เทคโนโลยีที่เรากล่าวในบทความนี้ ไม่ว่าจะเป็น Powerline Adapter กับ Mesh Wi-fi หรือ Wi-Fi Extender ล้วนแต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ การขยายขอบเขตสัญญาณอินเทอร์เน็ตออกไปให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่คุณต้องการใช้งาน

ในแง่ของระยะการกระจายสัญญาณแล้ว เรามองว่า Powerline Adapter และ Mesh Wi-Fi  ทำได้สูสีกัน เพราะทุกห้องก็น่าจะมีระบบไฟฟ้า มีปลั๊กอยู่แล้ว ซึ่ง Powerline Adapter ก็จะมีข้อได้เปรียบกว่าตรงที่เป็นระบบสาย (แต่ก็ปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ได้นะ) ทำให้มีค่าปิง (Ping) ที่ดีที่สุด และค่าลาเทนซี่ (Latency) ที่น้อยที่สุด (ถ้าระบบไฟฟ้าในบ้านคุณมีคุณภาพที่ดี) เมื่อเทียบกับตัวเลือกที่เหลือ แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการทำระบบที่ไม่แพง เมื่อเทียบกับ Mesh Wi-Fi

ข้อมูลเพิ่มเติม : ค่า Ping หรือ Latency คืออะไร ?

ส่วน Wi-Fi Extender มีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ การที่มันรับสัญญาณได้ดี ต้องคำนึงถึงเรื่องอุปสรรค สิ่งกีดขวางที่ส่งผลต่อคุณภาพสัญญาณด้วย ถ้ามีผนังกั้น ห้องมีการหักมุม Wi-Fi Extender อาจจะไม่สามารถรับ แล้วส่งต่อไปยังพื้นที่เป้าหมายได้ดีอย่างที่เราคาดไว้ ดังนั้น เราคิดว่า Wi-Fi Extender เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางพอสมควร


ที่มา : weakwifisolutions.com , www.makeuseof.com , nascompares.com , www.cnet.com , www.tomsguide.com

0 Powerline+Adapter+%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A+Mesh+Wi-Fi+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0+Wi-Fi+Extender+%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5+%3F
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
ระดับผู้ใช้ : Admin    Thaiware
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ
 
 
 

ทิปส์ไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น