ก่อนหน้านี้เราเคยได้พูดถึงการใช้งาน VPN (Virtual Private Network) กับ DNS (Domain Name System) เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้น (หรือโดนบล็อก) ในบางพื้นที่กันไปแล้ว แต่หลายๆ คนอาจไม่ทราบว่าทั้ง 2 สิ่งนี้มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร เพราะถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ใช้อย่างเราจะสามารถใช้งานบริการทั้งคู่เพื่อมุดเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ ได้ แต่ความจริงแล้วทั้ง 2 สิ่งนี้มีความแตกต่างกันอยู่ค่อนข้างมากเลยทีเดียว ในบทความนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกัน
สำหรับบริการ VPN (Virtual Private Network) นั้นเป็นการจำลองเครือข่ายเน็ตเวิร์คแบบส่วนตัว (Private Network) ที่ผู้ใช้สามารถใช้งาน VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ในหลายๆ ด้าน เพราะมันมีการเข้ารหัสข้อมูลการใช้งานในทุกขั้นตอน
ข้อมูลเพิ่มเติม : VPN คืออะไร ? การมุด VPN ทำงานยังไง และ ทำอะไรได้บ้าง ?
ดังนั้นการใช้ VPN จึงทำให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้ว่าการเข้าใช้งานเว็บไซต์และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (จาก Wi-Fi หรือ Hotspot สาธารณะ) นั้นจะมีความปลอดภัยและไม่มีข้อมูลรั่วไหลออกไปสู่ภายนอก (คล้ายการสร้างอุโมงค์ขึ้นมาเพื่อเดินทางไปยังที่ที่ต้องการได้อย่างปลอดภัยและไม่สามารถตามรอยได้)
ภาพจาก : https://www.australianvpn.com.au/vpn-info/what-is-a-vpn/
ส่วน DNS (Domain Name System) หรือระบบชื่อโดเมนนั้น เป็นระบบเครือข่ายที่ทำการแปลงชื่อของเว็บไซต์จากตัวอักษร (ชื่อ URL เว็บไซต์ต่างๆ ที่ผู้ใช้กรอกลงไป) ให้อยู่ในรูปแบบของตัวเลขชุด หรือที่เรียกว่า หมายเลขที่อยู่ไอพี (IP Address) ที่ระบบสามารถอ่านค่าได้
ข้อมูลเพิ่มเติม : บริการเช็คไอพี (Check IP) บริการเช็คหมายเลข IP Address จริง
จากนั้นจะส่งข้อมูลไปยังผู้ให้ DNS ของ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider - ISP) เพื่อประมวลผลด้วยการแปลงค่าจากชื่อโดเมน ให้เป็น หมายเลขที่อยู่ไอพี เสียก่อน จึงจะสามารถเข้าถึงและใช้งานเว็บไซต์นั้นๆ ได้ (คล้ายการต่อสายจากโทรศัพท์ของผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ที่ต้องการ ผ่านบริษัทผู้ให้บริการเครือข่าย)
เกร็ดน่ารู้ : เว็บไซต์ Thaiware.com มีหมายเลขที่อยู่ไอพี (IP Address) คือ "203.146.253.31" ดังนั้นถ้าหากคุณสามารถจำชุดเลขนี้ได้ คุณก็สามารถเข้าเว็บไซต์ Thaiware.com นี้ได้ด้วยเช่นกัน ไม่เชื่อลองดูสิ :)
ดังนั้นแล้ว ISP จึงสามารถจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ของผู้ใช้ในพื้นที่ได้ ด้วยการเปลี่ยนข้อมูลในฐานข้อมูลของ DNS ที่ตัวเองมี ให้ทำการเปลี่ยนเส้นทางไปยังหมายเลขที่อยู่ไอพีอื่น ที่ตัวเองต้องการให้ไป
ภาพจาก : https://surfshark.com/blog/smart-dns-vs-vpn
แต่ในปัจจุบัน การเข้าใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้นั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพา ISP เสมอไป เพราะภายในอุปกรณ์ของผู้ใช้และ โปรแกรมเปิดเว็บ หรือ เว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) บางเจ้าก็มีตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านบริการ DNS อัจฉริยะ (Smart DNS) แทนการใช้ DNS ของ ISP ได้ด้วยเช่นกัน
โดยเครือข่าย DNS (Smart DNS Server) นั้นจะทำหน้าที่ในการเปลี่ยนรหัส Domain ให้เป็นหมายเลขเครือข่ายกลางของ DNS ที่เลือกใช้งาน จึงทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่าง ISP
ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนเลข DNS ในการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็น 8.8.8.8 (เลข Smart DNS ของ Google) เพื่อเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ ที่ถูกจำกัดการเข้าถึงจากผู้ให้บริการ ISP ในพื้นที่ (ใช้ Smart DNS เพื่อดูซีรีส์ที่ฉายเฉพาะในสหรัฐอเมริกาในประเทศไทยได้)
ภาพจาก : https://www.avg.com/en/signal/smart-dns-proxy-server-vs-vpn
แต่การใช้งาน DNS นั้นจะไม่สามารถซ่อนหมายเลขที่อยู่ไอพี (Hide IP Address) ของผู้ใช้ได้ และไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลเหมือนกับการใช้งาน VPN จึงมีความปลอดภัยในการใช้งานที่น้อยกว่า แต่มันก็ทำให้สามารถเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกกว่าการใช้บริการ VPN
VPN | DNS | |
การทำงาน | จำลองเครือข่ายเน็ตเวิร์คส่วนตัว | เข้าเว็บไซต์โดยไม่ผ่าน ISP |
หมายเลขไอพี | สามารถซ่อนหมายเลข IP ได้ | ซ่อนหมายเลข IP ไม่ได้ |
การเข้ารหัส | เข้ารหัสข้อมูลในทุกขั้นตอนการใช้งาน | ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล |
ความเร็ว | ดาวน์โหลดหน้าเว็บค่อนข้างช้า | ดาวน์โหลดหน้าเว็บได้อย่างรวดเร็ว |
การเข้าถึงเว็บไซต์ | เข้าถึงเว็บไซต์ที่ปิดกั้นจากรัฐบาลได้ทั้งหมด | เข้าถึงเว็บไซต์ที่ ISP ท้องถิ่นบล็อกไว้ได้เท่านั้น |
การใช้งาน | ส่วนมากต้องสมัครสมาชิกก่อนใช้งาน | บางบริการสามารถใช้งานได้ฟรี |
จะเห็นได้ว่าหากผู้ใช้ต้องการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ตของตนเองแล้วนั้น VPN ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ผู้ใช้ก็จะต้องเลือกใช้บริการ VPN ที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ด้วย เพราะผู้ให้บริการ VPN บางเจ้าก็อาจหลอกดึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ไปได้เช่นกัน
สำหรับบริการ VPN ในปัจจุบันนี้ก็มีให้เลือกใช้อยู่เป็นจำนวนมาก และสามารถดูการ เปรียบเทียบบริการ VPN เจ้าต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนสมัครใช้งานได้ ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าถึงการใช้งานบางเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้นแต่ไม่ต้องการสมัครสมาชิกบริการ VPN ก็สามารถดู วิธีการเปลี่ยนหมายเลข DNS ได้ทั้งในระบบ Windows, macOS, Android และ iOS
|
ตัวเม่นผู้รักในการนอน หลงใหลในการกิน และมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักดูคอนเสิร์ตแต่เหมือนศิลปินที่ชื่นชอบจะไม่รับรู้ว่าโลกนี้มียังประเทศไทยอยู่.. |