หากคุณเคยคิดที่จะบันทึกวิดีโอการเล่นเกมของตนเอง หรือต้องการใช้กล้องดิจิทัลตัวโปรดของคุณ ให้ทำหน้าที่เป็นกล้องเว็บแคม (Webcam) สำหรับคอมพิวเตอร์ เอาไว้ใช้ประชุมออนไลน์ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่าง Zoom Meeting, Google Meet, Microsoft Teams คุณก็น่าจะเคยได้ยินกับอุปกรณ์ที่เรียกว่า "การ์ดจับภาพ" หรือ "แคปเจอร์การ์ด (Capture Card)" กันมาบ้าง
ผู้ที่เคยใช้งาน Capture Card มาก่อน หรือใช้งานอยู่ น่าจะรู้สรรพคุณ และประโยชน์ของมันกันอยู่แล้ว แต่หากคุณไม่รู้จัก แล้วสงสัยว่า Capture Card มันคืออะไร ? ทำไมมันเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับคนที่ต้องการไลฟ์อย่างมีคุณภาพ ในบทความนี้เราก็จะมาอธิบายให้ฟังกัน
ปัจจุบันนี้ มีอุปกรณ์อยู่หลายอย่าง ที่ในการทำงานของมันจะมีคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับภาพนิ่ง หรือวิดีโอ เช่น เครื่องเกมคอนโซลจะสร้างภาพวิดีโอเกมขึ้นไปฉายบนหน้าจอโทรทัศน์ หรือจอมอนิเตอร์, กล้องดิจิทัลที่มีช่องปล่อยสัญญาณภาพออกเพื่อส่งข้อมูลไปยังหน้าจอเสริม เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบภาพ หรือแม้แต่สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตในปัจจุบันนี้ ก็สามารถต่อหน้าจอเสริมเพื่อแสดงผลแบบสะท้อนหน้าจอ (Mirror screen) ได้
ทีนี้ เรามาจำลองสถานการณ์กัน สมมติให้คุณมีเครื่องเกม Nintendo Switch อยู่ แล้วต้องการจะทำไลฟ์สตรีมการเล่นเกมของคุณไปบน YouTube จะต้องทำอย่างไร ? เพราะว่า Nintendo Switch (รวมไปถึงอุปกรณ์ส่วนใหญ่) จะทำได้แค่การปล่อยสัญญาณภาพออกมาผ่าน พอร์ต HDMI เท่านั้น ซึ่งในการไลฟ์สตรีมบน YouTube เราจะนิยมทำกันบนคอมพิวเตอร์ผ่าน โปรแกรมตระกูล OBS กันเป็นส่วนใหญ่ เพราะมันสามารถจัดการกับหน้าต่างไลฟ์ การปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมได้สะดวก
จากปัญหาดังกล่าว ทำให้มีการคิดค้นแคปเจอร์การ์ด (Capture Card) ขึ้นมา เพื่อให้มันทำหน้าที่ดักจับสัญญาณภาพ มาแสดงผลในโปรแกรมที่ต้องการใช้งาน
การทำงานของ Capture Card ไม่มีอะไรซับซ้อน โดยหลักการคือ ตัวมันจะรับ "สัญญาณภาพขาเข้า" ที่ได้รับจากเครื่อง Nintendo Switch, PlayStation 5, กล้องดิจิทัล ฯลฯ ผ่านพอร์ต HDMI มาเข้ารหัสประมวลผลภายในการ์ด จากนั้นก็ปล่อย "สัญญาณขาออก" ออกมา 2 ทาง โดยปล่อยผ่านพอร์ต HDMI ให้กับโทรทัศน์ หรือมอนิเตอร์ และอีกสัญญาณจะปล่อยผ่าน พอร์ต USB ให้กับคอมพิวเตอร์
หลักการทำงานของ Capture Card
ภาพจาก https://www.quora.com/What-is-the-purpose-of-a-video-capture-card
ทั้งนี้ Capture Card ในปัจจุบันมีอยู่หลายรูปแบบ ขั้นตอนการทำงานอาจไม่เป็นตามโครงสร้างด้านบนเสมอไป อย่างเช่น ในรุ่นที่ราคาประหยัด มันอาจจะมีแค่ช่อง HDMI เพื่อรับสัญญาณเข้า แล้วปล่อยต่อให้กับคอมพิวเตอร์โดยตรงผ่านพอร์ต USB เลย หรือบางรุ่นก็รองรับการรับส่งสัญญาณภาพผ่านพอร์ต USB-C ได้ด้วย
นอกจากนี้ Capture Card ก็จะมีสเปกที่แตกต่างกัน เช่น รุ่นราคาประหยัดอาจจะรองรับการจับสัญญาณภาพได้แค่ความละเอียดระดับ ความละเอียดหน้าจอแบบ Full HD (1,980 x 1,080 พิกเซล 30 Hz) แต่รุ่นระดับสูงที่มีราคาแพงจะสามารถทำ ความละเอียดหน้าจอได้สูงถึง 4K (3,840 x 2,160 พิกเซล 60 Hz) แล้วก็ยังมีให้เลือกอีกว่าเป็น Capture Card แบบภายนอกที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ หรือจะเลือกแบบภายในที่ต่อกับเมนบอร์ดโดยตรง
ข้อมูลเพิ่มเติม : ความละเอียด 720p, 1080p, 1440p, 2K, 4K, 5K, 6L, 8K, HD, FHD, UHD, QHD, ของหน้าจอ คืออะไร ?
หากพูดถึงข้อดี หรือประโยชน์ของ Capture Card นั้นมีหลายอย่างกันเลยทีเดียว โดยเราสามารถนำมันไปประยุกต์การใช้งาน ได้กับอุปกรณ์ทุกชนิด ที่มีการปล่อยสัญญาณภาพออกมาได้หลายอย่าง ดังต่อไปนี้
เราบอกถึงข้อดีของ Capture Card กันไปแล้ว ทีนี้เรามาอ่านข้อเสียของมันกันบ้าง
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |