หากคุณเป็นคนในแวดวงอีสปอร์ต (eSports) หรือเป็นเกมเมอร์ที่ให้ความสนใจกับอุปกรณ์ประเภทเกมมิ่งเกียร์ คุณน่าจะสังเกตเห็นว่าดีไซน์ของเมาส์มันเริ่มมีแนวทางการออกแบบที่เปลี่ยนไป โดยตัวบอดี้ของ เมาส์ (Mouse) ที่เป็นเมส์แบบเล่นเกม (Gaming Mouse) ในยุคนี้จะเต็มไปด้วย "รู" จำนวนมาก
เมาส์ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูเป็นจำนวน ดีไซน์ในลักษณะนี้ถูกเรียกว่าดีไซน์แบบ "Honeycomb" หรือรังผึ้งในภาษาไทย ในบทความนี้เราจะมาอธิบายว่าทำไมเมาส์รูปแบบนี้ถึงได้รับความนิยม และมีประโยชน์อย่างไร ?
เทรนด์ความนิยมของเมาส์รูนั้นเพิ่งมีมาในช่วงสิบกว่าปีนี้เอง ในอดีตนั้นเกมเมอร์จะนิยมใช้เมาส์ที่มีน้ำหนักมากกว่าเมาส์ปกติ เพราะมองว่ามันทำให้ควบคุมเมาส์ได้ง่าย และแม่นยำมากขึ้น เมาส์เกมมิ่งในยุคนั้นจึงมีหลายรุ่นที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้เพิ่มน้ำหนักให้เมาส์ได้ด้วยชุดถ่วงน้ำหนัก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการใช้งานเมาส์ที่หนักกว่าปกติ หรือผู้ต้องการปรับแต่งน้ำหนักเมาส์ให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
ภาพจาก : https://www.ebay.com/itm/155000079699
ต่อมาเมื่อการแข่งขัน eSports เริ่มได้รับความนิยม ภาพจำจากนักกีฬามืออาชีพ รวมไปถึงนักเล่นเกมที่สตรีมบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้ออุปกรณ์ของเหล่าเกมเมอร์ มืออาชีพใช้เมาส์แบบไหน ? เราก็จะซื้อเมาส์แบบนั้นมาใช้บ้าง ด้วยเหตุผลง่าย ๆ มืออาชีพยังใช้มันในการแข่งขันแสดงว่ามันต้องดีจริง ถ้าเราซื้อมาใช้บ้าง ฝีมือเราก็น่าจะดีขึ้นบ้างแหละ
ในช่วงปลายปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) นักเล่นเกมที่มีชื่อเสียงได้เริ่มนำเมาส์ที่มี "รู" มาใช้ในระหว่างที่พวกเขาทำการถ่ายทอดสด และเทรนด์เดียวกันนี้ก็เริ่มพบเห็นได้ในการแข่งขันเกมระดับสูง
จนเกิดค่านิยม "เมาส์ยิ่งเบา ยิ่งเล่นเกมได้ดี" อย่างไรก็ตาม ณ เวลานั้น เมาส์ที่มีรูนั้นมีตัวเลือกน้อยมาก มีแค่ผู้ผลิตรายย่อยไม่กี่รายที่ผลิตมันออกมาวางจำหน่าย บ้างก็ผลิตออกมาเป็นชุดแต่งสำหรับนำไปเปลี่ยนให้กับเมาส์จากค่าย หรือในชุดชม Reddit ก็ได้มีแนะนำวิธีทำ 3D print ชิ้นส่วนเมาส์รูด้วยตนเอง
Logitech g305 Honeycomb cover
ภาพจาก : https://www.thingiverse.com/thing:5444762
ความนิยมของมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนในปัจจุบันนี้ เมาส์แนว Honeycomb ก็มีแบรนด์ใหญ่ ๆ หลายรายเริ่มผลิตเมาส์ประเภทนี้ออกมาจำหน่ายให้เลือกซื้อมากมาย
นักเล่นเกมส์หลาย ๆ คน หันมาให้ความสนใจกับเมาส์ที่มีน้ำหนักเบา เพราะเมาส์ที่เบาจะทำให้ผู้เล่นบังคับให้มันเคลื่อนที่ได้ง่ายกว่า และช่วยลดภาระของกล้ามเนื้อ เมื่อต้องเล่นเกมส์เป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่อง และบางคนก็รู้สึกว่าดีไซน์ลักษณะนี้มันดูสวยงามด้วย
เมื่อพิจารณาว่าเกมเมอร์ส่วนใหญ่ใช้เวลาเล่นเกมโปรดในแต่ละวันคราวละหลายชั่วโมง ดีไซน์ของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้อย่างเมาส์ และคีย์บอร์ด จึงเป็นส่วนสำคัญที่ผลกระทบต่อประสบการณ์ที่ผู้เล่นจะได้สัมผัส
ในการออกแบบเมาส์ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในการควบคุมคอมพิวเตอร์ และเล่นเกมส์ จึงมีการขัดเกลามาอย่างต่อเนื่อง วิศวกรผู้ออกแบบพยายามอย่างหนักที่จะทำให้ "ความสบาย" ในการควบคุมเมาส์ดีขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนี้มันก็มาแทบจะสุดทางแล้ว
อะไรที่ทำให้ดีขึ้นได้ แม้จะเพียงนิดเดียว ก็ถูกนำมาใช้ในการออกแบบเมาส์ โดยในขณะเดียวกัน นอกจากประสิทธิภาพแล้ว ความสวยงามก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถละเลยได้เช่นกัน เมาส์ในปัจจุบันนี้มีดีไซน์หลายรูปแบบ มีไฟตกแต่ง, มีรูปทรงที่เรียบง่ายไปจนถึงล้ำอนาคต, ปุ่มกดจำนวนมาก ที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์สำหรับปรับแต่งการทำงาน แต่เทคโนโลยีล่าสุดที่เกิดขึ้นกับการออกแบบเมาส์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ "Honeycomb" หรือเมาส์ที่มีรู
ความสวยงามของเมาส์แบบ Honeycomb เราคงไม่สามารถตัดสินให้ได้ เพราะมันขึ้นกับปัจเจคของแต่ละคน แต่ด้านประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และความสบายในการใช้งาน เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้จริง
คำถามสำคัญคือ เมาส์แบบ Honeycomb มันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความสะดวกสบายในการใช้งานได้จริงหรือไม่ ?
ข้อดีที่สุดของเมาส์แบบ Honeycomb คือเป็นดีไซน์ที่ช่วยลดน้ำหนักของตัวเมาส์ได้ดีที่สุด
เมาส์ที่ออกแบบตามปกติ ส่วนใหญ่มักจะมีน้ำหนักอย่างน้อย 100 กรัม ในขณะที่เมาส์แบบ Honeycomb มักจะอยู่ที่ 5x กรัม เท่านั้นเอง โดยเหตุผลใหญ่ ๆ ที่เกมเมอร์ต้องการเมาส์ที่มีน้ำหนักเบานั้นก็มีอยู่ 2 เหตุผล
สมัยก่อนเทคโนโลยีของเมาส์ไม่ได้ดีเหมือนอย่างในปัจจุบันนี้ ด้วยความที่ค่า DPI ของเมาส์ ในยุคสมัยนั้นต่ำมาก ความแม่นยำในการตรวจจับการเคลื่อนที่ได้ดีเท่ากับเซ็นเซอร์ของเมาส์ในยุคนี้ เมาส์น้ำหนักเบาที่เคลื่อนที่ได้ไวจึงไม่มีความแม่นยำเท่ากับเมาส์ที่มีน้ำหนักมาก
อย่างไรก็ตาม เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนที่ของเมาส์นั้นดีกว่าเดิมมาก ค่า PDI ก็ทำได้สูงกว่าแต่ก่อน ทำให้เมาส์ในยุคนี้สามารถออกแบบให้น้ำหนักเบา โดยที่ยังคงความแม่นยำเอาไว้ได้อยู่
การที่เมาส์น้ำหนักเบา ใช้เวลา และแรงน้อยกว่าในการเคลื่อนที่ มันช่วยให้เกมเมอร์ประหยัดใช้เวลาในการเคลื่อนไหวลดลง สำหรับการเล่นเกมทั่วไปมันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในการแข่งขันระดับสูง ชั่วเวลาที่แตกต่างกันเพียงเสี้ยววินาที สามารถส่งผลต่อการแพ้ชนะได้เลย อีกอย่าง ความเร็วที่แตกต่างกันเพียงเสี้ยววินาทีนั้น หากสะสมทั้งเกม ความต่างนั้นอาจมีค่ามากถึงหลักนาทีได้เลยทีเดียว
นอกจากนี้ เกมในปัจจุบันมีความเร็วสูงขึ้น มี eSports หลายเกมที่ผู้เล่นสามารถทำได้หลายอย่างภายใน 1 วินาที นักเล่นเกมมืออาชีพอาจจะมีจังหวะที่ต้องควบคุมมากถึง 10 ท่าต่อวินาที
เกมแนว First Person Shooters (FPS) เป็นหนึ่งในเกมที่เกมเพลย์มีความไวสูง ไม่ว่าจะเป็น Fortnite, Counter-Strike, Valorant, Overwatch, PUBG ฯลฯ ล้วนแต่เป็นเกมที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว และการควบคุมที่แม่นยำ
จึงไม่น่าแปลกใจที่ในการแข่งขัน นักกีฬามืออาชีพส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้เมาส์ Honeycomb ที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษในการแข่งขัน
เกมเมอร์หลายคน หรือแม้แต่คนทำงาน ก็มักจะใช้เวลาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมง พวกเขาจึงมองหาเมาส์ที่ให้ความสบาย สามารถใช้งานได้ทั้งวันโดยไม่รู้เมื่อยล้ากล้ามเนื้อ แน่นอนว่าเมาส์น้ำหนักเบานั้นสร้างภาระให้แก่กล้ามเนื้อในการขยับเมาส์น้อยกว่ามาก
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะมีความร้อนเกิดขึ้นเมื่อถูกใช้งานเป็นเวลานาน แม้แต่เมาส์ก็หนีข้อเท็จจริงนี้ไม่พ้น การที่เมาส์มีรูพรุน จึงช่วยให้อากาศไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น
ในทางทฤษฏี รูพวกนี้ก็ช่วยให้อากาศร้อนไหนออกจากเมาส์ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการใช้งานจริง ผู้ใช้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเย็นมากกว่าเมาส์ปกติสักเท่าไหร่นัก ใครที่มือเหงื่อออกง่าย เมื่อเปลี่ยนมาใช้เมาส์แบบ Honeycomb ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เมื่อเทียบกับการเปิดพัดลม หรือเปิดแอร์
ประการแรกคือ ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบเมาส์น้ำหนักเบา บางคนรู้สึกถนัดกับเมาส์หนัก ๆ มากกว่า
อีกประการหนึ่งคือ รูบนตัวเมาส์ เป็นช่องว่างที่ทำให้มีเศษฝุ่น หรือของเหลว ไหลเข้าไปถึงวงจรได้ง่ายกว่าเมาส์ปกติมาก หากใช้งานในห้องที่มีฝุ่นเยอะ หรือเป็นผู้ที่ชอบวางแก้วน้ำบนโต๊ะคอมใกล้กับเมาส์ ก็ควรจะใช้งานอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ
ภาพจาก : https://www.tiktok.com/@muah_ahhh/video/7234036583324781825?_r=1&_t=8cPSV1aE4tl
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |