ผู้นำหลายรายในอุตสาหกรรมการผลิตระดับโลก ใช้ การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต และชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน และ Minitab ผู้นำด้านซอฟต์แวร์โซลูชันวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงลึกจากประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตใน 3 เรื่อง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
โซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงลึกจาก Minitab ช่วยเพิ่มผลผลิต และยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมการผลิต ใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่
ตัวอย่างการนำโซลูชันของ Minitab ไปใช้งานจริงในกระบวนการผสมโพลีเมอร์ โดยความท้าทายคือ มีคุณภาพของผลผลิตไม่คงที่ ในบางครั้งระดับผลผลิตลดลงต่ำมากถึง 50% และมีอัตราส่วนวัตถุดิบเหลือทิ้งสูงทำให้กำลังการผลิตถูกจำกัด โดยที่การเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนผสมของวัตถุดิบ (เนื่องจากมีความต้องการใช้งานผลผลิตในปริมาณมาก) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณภาพลดลง และอีกหนึ่งปัจจัยของปัญหาคือ การพึ่งพาประสบการณ์ส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่มากเกินไป ในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต
โซลูชันของ Minitab เข้ามามีส่วนช่วยในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผสมโพลีเมอร์ ไปสู่ความเป็นดิจิทัล เริ่มโดยการสร้างโมเดลวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบ Factorial Model กำหนดข้อมูลของตัวแปรที่ส่งผลกระทบกับคุณภาพการผลิต โดยมีจำนวนตัวแปรเพียงเท่าที่จำเป็น และมีการติดตั้งเซนเซอร์ร่วมกับ อุปกรณ์ IoT เพื่อเก็บข้อมูลตัวแปรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ รวมถึงมีการใช้งาน Dashboard พร้อมมีการแนะนำอัตราส่วนผสมที่เหมาะสม โดยอ้างอิงจากชนิดของวัตถุดิบ และสภาพของกระบวนการผลิตที่เกิดขึ่นแบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์หาความเกี่ยวโยงระหว่างตัวแปรต่าง ๆ ที่เกิดในการผลิต การวิเคราะห์แนวโน้ม และคาดการณ์คุณภาพของผลผลิต โดยที่ความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลของ Minitab จะมีการยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Machine Learning
ผลลัพธ์ที่ได้จากการประยุกต์โซลูชันของ Minitab คือ คุณภาพของผลผลิตในกระบวนการผสมโพลีเมอร์มีความสม่ำเสมอเพิ่มขึ้นถึง 92% กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 30% และพึงพาองค์ความรู้ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้างานน้อยลง ทำให้การลาออกของพนักงานไม่ส่งผลกระทบกับคุณภาพของกระบวนการผลิต และสามารถสับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่หน้าใหม่มาทำงานแทนได้ทันทีโดยที่คุณภาพไม่ลดลง
โซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงลึกจาก Minitab เข้ามาช่วยอุตสาหกรรมการผลิตในมุมของการแก้ปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า ตอบความต้องการได้ใน 4 เรื่องหลัก ๆ ได้แก่
ตัวอย่างการนำโซลูชันของ Minitab ไปใช้งานจริงในอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยความท้าทายคือ เป็นกระบวนการผลิตแบบที่มีความหลากหลายของส่วนประกอบสูง และมีการผลิตสินค้าแต่ละโมเดลในปริมาณที่ต่ำ (High mix / Low volume) และยังมีระยะเวลาการรอคอยของลูกค้าที่ยาวนาน การส่งมอบสินค้าที่ล่าช้า การขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต หรือวัตถุดิบถูกจัดส่งล่าช้า ขาดความคล่องตัวในการตอบสนองต่อความต้องการสินค้าในจำนวนที่มากขึ้น และยังขาดความคล่องตัวในการตอบสนองต่อปริมาณวัตถุดิบที่เปลี่ยนแปลง
โซลูชันของ Minitab เข้ามามีส่วนช่วยในเรื่องของการสรุปให้เห็นภาพรวมของประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่การเปลี่ยนผ่านกระบวนการผลิตเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล ที่มีการเก็บข้อมูลโดยละเอียดในทุกขั้นตอน ทำให้การเกิดติดตั้งใช้งาน เทคโนโลยี RFID กว่า 50,000 ชิ้น ทำให้อุตสาหกรรมมีความสามารถในการคาดการณ์คอขวดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการ โดยอาศัยการวิเคราะห์แฟคทอเรียลแบบเรียลไทม์
Minitab ยังทำให้เกิดการจัดตารางเวลาในกระบวนการผลิต ที่มีการปรับเปลี่ยนได้แบบไดนามิก โดยอาศัยการคิดวิเคราะห์ด้วย ระบบปัญญาประดิษฐ์ AI และทำให้เกิดการประสานงานในเชิงลึกพร้อมการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่าง ซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต และลูกค้า
ผลลัพธ์ที่ได้จากการประยุกต์โซลูชันของ Minitab คือ ช่วยลดเวลาการรอคอยสินค้าของลูกค้าลงได้ถึง 50% รวมถึงยังช่วยลดเวลาในขั้นตอนการออกแบบผลิตภัณฑ์ และลดเวลาในขั้นตอนการจัดซื้อวัตุดิบการผลิตลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ลดปริมาณการเก็บสินค้าคงคลังลงได้ถึง 15% และมีความยืนหยุ่นมากขึ้นในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทั้งในส่วนของอุปสงค์และอุปทาน นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนากระบวนการผลิตตามหลัก ไคเซน (Kaizen) ด้วยความที่ Minitab ช่วยให้อุตสาหกรรม มองเห็นข้อมูลที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ
โซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงลึกจาก Minitab สอดรับกับความต้องการของอุตสาหกรรมการผลิตในโลกยุคใหม่ ที่ต้องแสดงความรับผิดชอบ และให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมี 4 ประเด็นสำคัญที่ Minitab เข้ามาช่วย ได้แก่
ตัวอย่างการนำโซลูชันของ Minitab ไปใช้งานจริงในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ โดยความท้าทายคือไม่มีข้อมูลที่แม่นยำ และไม่เห็นภาพรวมเกี่ยวกับระดับการใช้พลังงานของทั้งโรงงาน ขาดการวิเคราะห์หาแนวโน้ม หาความเชื่อมโยงระหว่างปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่ออัตราการใช้พลังงาน
ความยุ่งยากในการที่เจ้าหน้าที่ในไลน์ผลิตต้องรวบรวมข้อมูลการใช้พลังงานของระบบต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เป็นช่องโหว่ให้เกิดการเก็บข้อมูลที่ผิดพลาด และเกิดความซ้ำซ้อนในการเก็บข้อมูล เกิดการสูญเสียจากการที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลารวมกว่า 14,000 ชั่วโมงในแต่ละปี เพื่อรวบรวมข้อมูล และจัดทำรายงานเรื่องการใช้พลังงาน และรายงานยังมีความล่าช้าของข้อมูลประมาณ 25 - 40 วัน รวมถึงความท้าทายของเป้าหมายความเป็น Zero Emission ภายในปี ค.ศ. 2035 (พ.ศ. 2578)
โซลูชันของ Minitab เข้ามามีส่วนช่วยในการผสานรวมข้อมูลด้านการใช้พลังงานจากหลายแหล่งที่มา ทำให้ข้อมูลทั้งหมด ถูกรวมมาอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว รวมถึงยังช่วยระบุแหล่งข้อมูลที่สูญหาย ทำให้อุตสาหกรรมเข้าถึง Dashboard ที่แสดงให้เห็นภาพรวมการใช้พลังงานของทั้งโรงงาน ซึ่งเกี่ยวโยงกับบริบทของกระบวนการผลิต และเจ้าหน้าที่ทีเกี่ยวข้องกับกระบวนการอนุรักษ์พลังงาน สามารถออกรายสรุปข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับภาระงานได้ด้วยตัวเอง และช่วยให้อุตสาหกรรมเข้าถึง ผลการวิเคราะห์อย่างสมบูรณ์แบบเกี่ยวกับความต้องการ และอัตราการใช้ พลังงานไฟฟ้า ก๊าซ และน้ำ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการประยุกต์โซลูชันของ Minitab คือ ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับโรงงานผลิตรถยนต์ได้ถึง 460,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 16.6 ล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) เกิดจากการความสิ้นเปลืองใน 2 ส่วนคือ ค่าใช้จ่ายพลังงาน และเป็นการลดชั่วโมงการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูล
โดย Minitab ยังช่วยให้เข้าถึงรายงานสรุปการใช้พลังงานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สามารถนำโมเดลการจัดการข้อมูลพลังงานไปประยุกต์ใช้กับโรงงานอื่น ๆ ได้ตามต้องการ และยังทำให้เกิดความก้าวหน้าในการมุ่งสู่เป้าหมายความเป็น Zero Emission ในปี ค.ศ. 2035
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |