หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่กลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในงานเปิดตัวเครื่องเกมคอนโซลรุ่นใหม่อย่าง Switch 2 ของ Nintendo คือ คอนโซลรุ่นใหม่นี้ไม่เพียงแต่รองรับการ์ดหน่วยความจำแบบ MicroSD Express ได้ แต่ Nintendo ประกาศว่า "จำเป็นต้องใช้" การ์ด MicroSD Express เท่านั้น
นั่นหมายความว่า การ์ด MicroSD ของเดิม ที่คุณใช้งานกับ Switch ปัจจุบันของคุณ รวมถึงการ์ดที่เป็นแบรนด์ Nintendo จาก Sandisk ก็ไม่สามารถนำมาใช้กับ Switch 2 ได้
ซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าการ์ดแบบ MicroSD Express นี้ มันแตกต่างจากการ์ด MicroSD แบบที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้อย่างไร ? ในบทความนี้จะมาอธิบายว่าการ์ด MicroSD Express คืออะไร ? ทำไมมันถึงเป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยยกระดับการจัดการข้อมูลในยุคปัจจุบันนี้ได้ ...
ก่อนจะไปทำความรู้จักว่าการ์ด MicroSD Express คืออะไร ? คิดว่าเราควรจะเริ่มต้นกันที่การ์ด MicroSD กันก่อนสักเล็กน้อย
สื่อเก็บข้อมูลในรูปแบบ MicroSD เปิดตัวเป็นครั้งแรกโดยบริษัท SanDisk ในปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) โดยในช่วงแรกถูกเรียกว่า "T-Flash" ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "TransFlash" และสุดท้ายได้เปลี่ยนชื่อเป็น MicroSD เมื่อเข้าร่วมกับ SD Card Association (SDA) โดยความจุเริ่มต้นในระยะแรกมีความจุ 128 MB มีการพัฒนาเรื่อยมาจนในปัจจุบันนี้ สามารถหาซื้อการ์ดที่มีความจุสูงสุดได้ถึง 2 TB แล้ว
ภาพจาก : https://sg.news.yahoo.com/2004-03-02-t-flash-aka-yet-another-memory-card-format.html
คุณสมบัติในการจัดเก็บข้อมูลที่สูง และขนาดที่เล็กกะทัดรัดของการ์ด MicroSD ทำให้มันได้รับความนิยมในการใช้งานกับอุปกรณ์พกพาที่มีพื้นที่ภายในจำกัด เช่น สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, ระบบฝังตัว (Embedded Systems), อุปกรณ์สมาร์ทโฮม (IoT Devices) และอุปกรณ์แบบพกพาอื่น ๆ
การ์ด microSD มีหลายรูปแบบ และความจุ ได้แก่
นอกจากนี้ ตัวการ์ด microSD ยังอาจมีคุณสมบัติต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไปได้อีก เช่น
MicroSD และ MicroSD Express เป็นการ์ด หน่วยความจำแบบแฟลช (Flash Memory) ที่นิยมนำมาใช้ในการจัดเก็บข้อมูลในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน และกล้อง ความแตกต่างหลักระหว่างหน่วยความจำทั้งสองชนิดนี้คือ "ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูล"
โดยการ์ด MicroSD มีความเร็วที่ช้ากว่า ในขณะที่การ์ด MicroSD Express จะมีความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลที่สูงกว่ามาก เนื่องจากการ์ด MicroSD Express ได้เปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เฟซ PCI Express (PCIe) หรือ NVM Express (NVMe) ซึ่งสามารถทำงานได้เร็วกว่าอินเทอร์เฟซ Secure Digital (SD) อย่าง UHS-I, UHS-II หรือ UHS-III ที่ใช้ในการ์ด MicroSD
คุณสมบัติ | MicroSD Express | MicroSD (UHS-I/UHS-II) |
---|---|---|
อินเทอร์เฟซ | PCIe + NVMe | SD interface |
ความเร็วสูงสุด | สูงสุด 985 MB/s | UHS-I: สูงสุด 104 MB/s UHS-II: สูงสุด 312 MB/s |
Backward Compatible | ได้ | ได้ |
นอกจากนี้ การ์ด microSD Express บางรุ่น ยังมีฟีเจอร์เข้ารหัสในตัว เช่น การเข้ารหัสแบบ AES 256-Bit ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปกป้องข้อมูลภายในการ์ดด้วยรหัสผ่านได้ เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่มีความสำคัญ และต้องการความปลอดภัยสูง
เราสามารถสังเกตว่าการ์ดเป็น MicroSD Express ได้จากการสังเกตที่สัญลักษณ์ "EX" บนตัวการ์ด
ภาพจาก : https://americas.lexar.com/news/lexar-ships-the-worlds-first-1tb-microsd-express-card-for-use-with-nintendo-switch-2/
อันที่จริง การ์ด MicroSD Express ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่แต่อย่างใด มันถูกประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ในปี ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) แต่ก็ยังไม่แพร่หลายมากนัก อุปกรณ์ที่รองรับยังมีอยู่จำกัด
อย่างไรก็ตาม การที่ Nintendo Switch 2 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนเมษายน ค.ศ. 2025 (พ.ศ. 2568) ได้กำหนดให้ต้องใช้การ์ด MicroSD Express เท่านั้น ก็อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ ผู้ผลิตเริ่มปรับตัวมาใช้มาตรฐานนี้กันมากขึ้น
ปัจจุบันนี้มีการ์ด microSD มีหลากหลายเวอร์ชัน หลายประเภทให้เลือกใช้ในปัจจุบัน แต่เวอร์ชันล่าสุดอย่าง MicroSD Express นั้นมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าเวอร์ชันก่อนหน้าอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เป็นการนำอินเทอร์เฟซ PCIe และ NVMe มาทำงานร่วมกันในรูปแบบของ MicroSD ซึ่งการผสมผสานนี้ช่วยให้การ์ดมีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่สูงกว่าการ์ด MicroSD แบบเดิมหลายเท่า
ความเร็วของการ์ด MicroSD ถูกวัดในรูปแบบของความเร็วในการ "อ่าน" และ "เขียน" ข้อมูล ซึ่งมักจะแสดงในหน่วย "เมกะไบต์ต่อวินาที (MB/s)" หรือ "กิโลไบต์ต่อวินาที (kB/s)" โดยทั่วไป ความเร็วในการอ่านข้อมูลสูงสุดจะเร็วกว่าความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงสุด
การจัดประเภทความเร็ว (Speed Class) ที่พบได้บ่อยในการ์ด MicroSD จะมีดังนี้
การ์ด MicroSD ส่วนใหญ่ในตลาด รวมถึงรุ่นราคาสูงตัวเรือธงอย่าง Samsung Pro Ultimate series จะใช้มาตรฐาน UHS-I ซึ่งมีความเร็วสูงสุดในการโอนถ่ายข้อมูลที่ 104 MB/s โดย Nintendo Switch รุ่นแรกก็ใช้สล็อตการ์ด MicroSD แบบ UHS-I เช่นกัน
ส่วน UHS-II, UHS-III รวมไปถึง SD Express แม้จะมีความเร็วที่สูงกว่ามาก แต่มันก็ยังไม่เป็นที่นิยมในวงกว้าง เนื่องจาก ความเร็วประมาณ 100 MB/s ก็นับว่าเพียงพอแล้ว สำหรับการใช้งานทั่วไป แม้แต่ทางองค์กร SD Association เองก็ได้มีการระบุว่า ความเร็วในการเขียนข้อมูล 90 MB/s ก็สามารถรองรับการบันทึกวิดีโอ 8K ได้ที่สูงสุด 120 เฟรมต่อวินาที ได้แล้ว
UHS-III เคยถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นการอัปเกรดครั้งสำคัญของเทคโนโลยี MicroSD แต่กลับไม่ได้รับความนิยมอย่างที่คาดหวังไว้ และในตอนนี้ มันถูก "แซงหน้า" โดย MicroSD Express จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ UHS-III มีโอกาสน้อยมากที่จะกลายเป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างการ์ด MicroSD ทั้งสองประเภทนี้คือ การใช้เทคโนโลยี NVMe ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้ใน SSD โดย MicroSD Express นำ NVMe มาใช้เพื่อช่วยให้การประมวลผลข้อมูลทำได้เร็วขึ้นอย่างมาก และยังสามารถทำงานอ่าน และเขียนข้อมูลได้พร้อมกัน
ในขณะที่มาตรฐาน UHS รุ่นเก่า จะทำงานด้วยประมวลผลแบบเรียงลำดับ (Serial Processing) ซึ่งต้องทำงานทีละขั้นตอน ส่งผลให้มีประสิทธิภาพที่ช้ากว่าอย่างมาก นอกจากนี้ MicroSD Express ยังใช้มาตรฐาน PCI Express Gen 3 ที่เร็วกว่า เพื่อเพิ่มอัตราการโอนถ่ายข้อมูลให้เร็วขึ้นไปอีก
ดังนั้น MicroSD Express จึงมีประสิทธิภาพสูงกว่า MicroSD แบบดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด ความแตกต่างในความเร็วนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Nintendo เลือกอัปเกรด Switch 2 ให้รองรับ MicroSD Express ด้วยความเร็วการอ่าน/เขียน ที่สูงถึง 985 MB/s นั้นเหนือกว่าอย่างมาก เมื่อคุณภาพ และขนาดของเกมเพิ่มขึ้น ความจุ และแบนด์วิดท์ ของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลก็ต้องพัฒนาตามไปด้วย
ความแตกต่างระหว่าง MicroSD และ MicroSD Express จุดเด่นหลักคือความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูล และความจุที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เทคโนโลยี PCIe และ NVMe ที่ใช้ใน MicroSD Express ช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลข้อมูลให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้น
การ์ด MicroSD ในปัจจุบันนี้มีความจุสูงสุดอยู่ที่ 2 TB แต่ด้วย MicroSD Express อาจจทำให้เราได้เห็นการมาถึงของการ์ดที่มีความจุสูงมากกว่านั้นออกมาให้เราได้เห็นกันอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่าการ์ด MicroSD แบบ UHS-I จะหายไปไหน เพราะว่าความเร็ว และความจุ ของมันก็ยังสามารถตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปของคนส่วนใหญ่ได้อย่างสบาย ๆ อีกอย่าง อย่าลืมว่าราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งในปัจจุบัน ราคาของการ์ด MicroSD ยังมีราคาที่ต่ำกว่า MicroSD Express เป็นอย่างมาก อย่างเช่น การ์ดความจุ 256 GB ราคาของ MicroSD เริ่มต้นที่ประมาณ 600 บาท ส่วนรุ่นเรือธงก็ประมาณเกือบ 1,000 บาท เท่านั้น แต่สำหรับ MicroSD Express นั้น ปัจจุบันยังอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท แต่เชื่อว่าในอนาคต ราคาของมันจะลดต่ำลงกว่านี้อย่างแน่นอน
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |