ไม่ว่าเราจะต้องการตรวจสอบพฤติกรรมของพนักงาน, ความปลอดภัยของคนในบ้าน หรือแม้แต่ตรวจจับภัยคุกคามรอบบริเวณบ้านของคุณ กล้องวงจรปิดน่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้
กล้องวงจรปิดที่นิยมใช้งานในท้องตลาดทุกวันนี้จะมีอยู่ 2 แบบ คือ กล้อง CCTV และกล้อง IP Camera แม้ทั้งคู่จะคุณสมบัติการทำงานที่คล้ายคลึงกัน แต่เอาจริงๆ มันก็ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ที่แตกต่างกันนะ
จะเลือกใช้กล้องแบบไหนดีนั้น ก็ต้องพิจารณาจากงบประมาณ, ลักษณะความต้องการ ฯลฯ ในบทความนี้เราก็เลยอยากจะมาอธิบายข้อดี-ข้อเสีย เพื่อให้ตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น
CCTV ย่อมาจากคำว่า "Closed-Circuit Television" ระบบนี้สัญญาณภาพจะถูกส่งจากกล้องที่ติดไว้ตามจุดต่างๆ มาบันทึกเก็บไว้ใน เครื่องบันทึกวิดีโอ Digital Video Recorder (DVR) และมี หน้าจอมอนิเตอร์ (Monitor ) สำหรับดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เดิมทีมันถูกสร้างขึ้นมาโดยวิศวกรชาวรัสเซียเพื่อใช้ในการสงครามตั้งแต่ปี ค.ศ. 1927 (พ.ศ. 2470) โน่นเลยทีเดียว
โดยพื้นฐานแล้วระบบนี้ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถเฝ้าระวังจุดต่างๆ ได้ง่ายขึ้น หากมีเหตุการณ์ผิดปกติ ก็สามารถรู้จุดเกิดเหตุได้อย่างทันท่วงที
ในอดีตกล้อง CCTV จะใช้งานแบบเฝ้าระวังเฉพาะพื้นที่ (Local) เท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ CCTV รุ่นใหม่ๆ เริ่มมีการปรับปรุงให้สามารถดูภาพจากกล้องผ่าน อินเทอร์เน็ต (Internet) ได้เหมือนกับ IP Camera แล้ว โดยเพิ่มความสามารถของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเข้าไปในเครื่องบันทึกวิดีโอแล้ว
ดังนั้นการวางระบบกล้องแบบ CCTV จะมีความยุ่งยากกว่า IP Camera มากพอสมควร ตัวกล้องจะต้องต่อสายไฟฟ้า และต้องมีสายเชื่อมต่อกับระบบ DVR อีกด้วย ถ้ามีกล้องหลายตัว ติดตั้งหลายจุด วางระบบสายในตึกกันสนุกเลยล่ะ
ภาพจาก : https://pixabay.com/images/id-2562781/
IP Camera หรือถ้าจะให้เรียกเป็นเต็มๆ ยศ เลยก็คือ "Internet Protocol Surveillance Camera (กล้องวงจรปิดแบบไอพี)" เป็นระบบกล้องวงจรปิดแบบใหม่ที่ถูกเริ่มพัฒนาขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1996 (พ.ศ. 2539) โดยการเชื่อมต่อของกล้องประเภทนี้จะเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย LAN ที่เชื่อมต่อได้ผ่านทั้งแบบสาย (สาย LAN) หรือแบบไร้สาย (Wi-Fi) ระบบนี้จะทำให้การเพิ่มกล้องเข้าไปในระบบง่ายมากๆ ไม่มีข้อจำกัดด้านสายเชื่อมต่อเหมือนกับกล้อง CCTV ส่วนการบันทึกวิดีโอจะบันทึกลงในกล่อง NVR ที่ย่อมาจากคำว่า "Network Video Recorder" (ไม่ใช่กล่อง DVR นะครับ)
แต่ในปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีก้าวล้ำขึ้นไปอีกระดับ จึงมีทางเลือกมากขึ้นให้แก่ผู้ใช้งาน การบันทึกภาพ และเสียของกล้อง IP Camera นั้น นอกจากจะมีการใช้กล่อง NVR แล้ว ก็ยังมีการบันทึกภาพ และเสียง ลงบนการ์ดหน่วยความจำ (Memory Card) ชนิด SD Card หรือแม้แต่การเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud Storage) ได้อีกด้วยเช่นกัน
สำหรับ PoE ย่อมาจาก Power over Ethernet เป็นระบบส่งพลังงานไฟฟ้าไปพร้อมกับสายเดิมที่ใช้ในการรับส่งข้อมูล ทำให้กล้อง IP Camera แค่เสียบสาย LAN ก็สามารถทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องต่อไฟเพิ่ม
ข้อมูลเพิ่มเติม : พอร์ต PoE หรือ Power over Ethernet คืออะไร ? ต่างจากพอร์ต LAN ธรรมดาอย่างไร ?
นอกจากนี้แล้วปัจจุบัน กล้อง IP Camera ยังสามารถรับไฟจากพอร์ต USB ในรูปแบบต่าง ๆ อย่าง USB Type-C หรือ Micro USB ได้เช่นกัน
หากจะว่ากันตามตรง หากไม่นับเรื่อง "ราคา" แล้ว กล้องแบบ IP Camera จะดูดีกว่า CCTV น่าจะทุกด้าน ไม่ว่าจะคุณภาพวิดีโอ, ความสะดวก, มุมมอง ฯลฯ
ภาพจาก : https://pixabay.com/images/id-4782910/
กล้อง CCTV | กล้อง IP Camera |
|
|
ในระบบกล้อง CCTV กล้องทั้งหมดที่มีจะต้องลากสายมาเชื่อมต่อกับ Digital Video Recorder (DVR) เพื่อบันทึกวิดีโอ ส่วน IP Camera จะเชื่อมต่อมายัง NVR เพื่อทำหน้านี้เดียวกันกับ DVR อ้าว...แล้วมันแตกต่างกันตรงไหน?
ความแตกต่างนั้นอยู่ที่ เราสามารถเชื่อมต่อกล้องเข้ากับ NVR จำนวนกี่ตัวก็ได้ เพราะกล้องแค่ต้องอยู่ในเครือข่ายเดียวกันเท่านั้น ในขณะที่ DVR ส่วนใหญ่มักจะรองรับกล้องได้อย่างมาก 12 ตัว ช่องเชื่อมต่อก็เต็มแล้ว
หากมองในเชิงเทคนิค การทำงานของมันก็แตกต่างกันด้วยเช่นกัน DVR บันทึกข้อมูลแบบแอนะล็อก แต่ NVR นั้นเป็นดิจิทัล การบันทึกข้อมูลจึงทำงานเหมือนซอฟต์แวร์มากกว่า แม้จะมีอุปกรณ์ NVR แบบ Standalone ให้ใช้ แต่ก็สามารถใช้คอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนทำหน้าที่แทนก็ได้
ภาพจาก https://family-lifeonline.com/network-video-recorder/
เรื่องคุณภาพของวิดีโอต้องบอกเลยว่าระบบของกล้อง IP Camera ให้คุณภาพวิดีโอสูงกว่าระบบกล้อง CCTV มาก แม้ในทางทฤษฏีแล้ว กล้อง CCTV ก็สามารถทำให้คุณภาพสูงกว่าที่ขายกันในปัจจุบันได้ แต่ต้นทุนก็จะเพิ่มขึ้นมาก
อีกเหตุผลหนึ่ง คือ เดิมทีกล้อง CCTV ออกแบบมาให้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) สามารถเฝ้ายามได้สะดวกขึ้น ความละเอียดภาพจึงไม่สำคัญมากนัก เพราะพอมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ เจ้าหน้าที่ก็จะรุดไปยังจุดเกิดเหตุทันทีอยู่แล้ว
ด้วยความที่ IP Camera มันส่งสัญญาณแบบดิจิทัล คุณภาพข้อมูลจึงสูงกว่ากล้อง CCTV ที่ส่งสัญญาณแบบแอนะล็อกอยู่แล้ว นอกจากนี้กล้อง IP Camera ยังมีมุมกล้องที่กว้างกว่า รองรับการซูมภาพ (Digital Zoom) สามารถใช้งานคุณสมบัติอย่างตรวจจับใบหน้า หรือตรวจสอบเลขทะเบียนรถได้ด้วย
ส่วนกล้อง CCTV ที่ทำงานแบบแอนะล็อกก็มีข้อดีอยู่บ้างตรงที่สามารถใช้งานในที่แสงน้อยได้ดีกว่า แต่ในการใช้งานจริงก็ไม่ได้ดีกว่ามากนัก เพราะอย่างไร กล้องวงจรปิดก็มีหลอดอินฟราเรดช่วงส่องในที่มืดให้ใช้งานอยู่แล้ว
กล้อง CCTV จะใช้มาตรฐานความละเอียด NTSC/PAL ที่มีความละเอียด 720 x 480 พิกเซล (NTSC)/575 (PAL) หรือ 0.4 Megapixels (4CIF) ทำให้กล้อง CCTV ผลิตขึ้นมาให้รองรับความละเอียดอยู่แค่ประมาณ 420-700 พิกเซลเท่านั้น
ในขณะที่กล้อง IP Camera จะมีให้เลือกความละเอียดตั้งแต่ 1.3 Megapixels ไปจนถึง 5 Megapixels (2560 x 1920) เลยทีเดียว ทำให้ไฟล์วิดีโอมีความคมชัดกว่าวิดีโอจากกล้อง CCTV อย่างเห็นได้ชัด
มูลค่าตัวของกล้อง IP Camera แค่ 1 ตัว อาจจะราคาเทียบเท่ากับกล้อง CCTV 3-4 ตัว แต่อย่าลืมว่ามุมมองมันก็กว้างกว่าเช่นกัน พูดง่ายๆ แม้ตัวกล้องแพงกว่า แต่เราก็ซื้อกล้องจำนวนน้อยกว่า
อีกสิ่งที่ต้องคิดก็คือ หากเลือก CCTV ต้องดูด้วยว่าระบบไฟฟ้าในบ้านเราเพียงพอไหมมีครบทุกจุดที่ต้องการติดตั้งหรือเปล่า การเดินสายไฟ เดินสายสัญญาณไม่ง่ายเหมือนกับการเดินสาย LAN ในกล้อง IP Camera หากต้องจ้างช่างมาทำ ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ควรนำมาพิจารณาด้วย
สุดท้ายนี้ ก็ต้องยอมรับว่า CCTV เริ่มกลายเป็นของที่กำลังจะ "ล้าสมัย" แล้ว หากไม่ติดเรื่องงบประมาณ IP Camera ก็เป็นทางเลือกที่มีอนาคตที่ดีกว่า
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |
ความคิดเห็นที่ 1
16 ตุลาคม 2563 15:40:59
|
|||||||||||
GUEST |
Guest
admin ครับ บทความมีผิดหลายจุดครับ แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนไม่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ บางส่วนแปลมาจากเว็บต่างประเทศ ซึ่งเป็นข้อมูลเก่ามากแล้ว ต.ย. หัวข้อควรเป็น "กล้องวงจรปิด (CCTV) ควรเลือกระหว่างกล้องแบบ Analog หรือ IP ดีนะ" , ส่วน DVR เดี๋ยวนี้รองรับกล้องมากถึง 32CH ยังไม่รวมกับที่สามารถนำกล้อง IP มาบันทึกร่วมด้วย, และกล้อง Anlog สมัยนี้ความละเอียดสูงถึง 4K ที่เฟรมเรท Real time แล้วครับ, อีกอย่างกล้อง Analog เดี๋ยวนี้สามารถปล่อยไฟ่ผ่านสาย Coaxial ได้เหมือน PoE ของ IP น่ะครับ เรียกว่ากล้องระบบ PoC (power over the same coaxial cable)...มีอีกหลายจุดที่ยังไม่ได้กล่าว..ฝากไว้พิจารณาครับ
|
||||||||||