คุณอาจจะเคยใช้จอแสดงผลแบบมันวาว (Glossy Display) มาตลอดทั้งชีวิตจนเบื่อ ถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนไปใช้ จอแสดงผลแบบด้าน (Matte Display) กันแล้วหรือยัง ?
แน่นอนว่า คงไม่มีใครชอบการถูกขัดจังหวะ เมื่อกำลังดูหนังเรื่องโปรดอยู่ โดยเฉพาะในเวลาที่ อยู่ดี ๆ ก็มีแสงสะท้อนจากจอเข้าตามา ดังนั้น ถ้าคุณค้นพบว่าตัวเองกำลังมีปัญหาเรื่องแสงที่ว่า จอแสดงผลแบบด้าน อาจเป็นคำตอบของคุณก็ได้ แต่จอแสดงผลแบบด้านที่ว่านี้เป็นจอแบบไหน ทำงานอย่างไร ? ไปอ่านต่อด้านล่างกัน
จอแสดงผลแบบด้าน (Matte Display / Matte Screen) นั้นมาพร้อมกับการเคลือบสารป้องกันการสะท้อนของแสง ที่มีความสามารถในการช่วยลดการสะท้อนแสงบนหน้าจอลงได้ และเพราะพื้นผิวที่เรียบของจอแบบมันเงานั้น ใช้วัสดุประเภท แก้ว หรือพลาสติก มาใช้ ทำให้สามารถสะท้อนแสงได้อย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอในการใช้งาน และอาจทำให้เกิดแสงสะท้อนรุนแรง และขัดจังหวะการรับชมเนื้อหาต่าง ๆ ของคุณได้
ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว วัสดุของจอแบบด้าน จะมีพื้นผิวที่ค่อนข้างหยาบโดยกระบวนการที่ใช้เครื่องจักรกลเข้าช่วย และบางครั้งก็อาจมีการเพิ่มกระบวนการทางเคมีเข้ามาด้วย ซึ่งพื้นผิวดังกล่าวจะมีความคล้ายคลึงกับกระดาษหรือแคนวาส ที่ช่วยกระเจิงแสงในจุดที่แสงตกกระทบ ส่งผลให้สามารถลดการสะท้อนแสงได้ดี ผลลัพธ์ก็คือ สามารถช่วยลดภาวะดวงตาอ่อนล้าได้ เพราะคุณไม่ต้องเพ่งสายตามากจนเกินไปจากการที่ต้องมองผ่านแสงสะท้อนนั้นนาน ๆ
เครดิตภาพ : https://discover.hubpages.com/technology/matte-vs-glossy-screens
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหน้าจอแบบด้านนั้นจะไม่สะท้อนแสงเลย เพราะทุกพื้นผิวนั้นมีการสะท้อนแสงหมด ซึ่งกลไกนี้เป็นไปเพียงแค่ลดความแรงของแสงสะท้อนลง และทำให้เราสามารถทนต่อการสะท้อนของแสงได้มากขึ้น ส่งผลให้เราสามารถมองจอแบบด้านจากมุมไหนก็ได้ แม้กระทั่งการรับชมเนื้อหาจากจอนั้น ๆ ในกลางแจ้งก็ตาม
แม้จะมีข้อดีดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่หน้าจอแบบแมตต์ ก็แลกมาด้วยการที่จะต้องถูกลดทอนคอนทราสต์ และความอิ่มตัวของสี (Saturation) ในคอนเทนท์ที่กำลังรับชมลงไป เพราะมีการเคลือบพิเศษด้านบน ถ้าหากคุณนึกภาพไม่ออก แต่มีโทรศัพท์มือถือในมือที่ติดฟิล์มกันรอยแบบด้านไว้ นั่นล่ะ เหมือนกัน
เครดิตภาพ : https://viascreens.com/screen-protector/lg/monitor-24mp59g/matte-lite
ซึ่งข้อด้อยดังกล่าวก็ถือว่าขัดต่อเทรนด์ปัจจุบันที่กำลังเน้นขับสีสันสวย ๆ และความสมจริงอยู่บ้าง แถมนอกจากจะทำให้ความสดของสีลดลงแล้ว ความคมชัดก็ลดลงด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยผลพวงจากจำนวนชั้นของเลเยอร์การเคลือบที่ถูกเพิ่มเข้าไปบนหน้าจอ
เมื่อคุณคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะตัดสินใจซื้อจอแบบด้านมาใช้งาน เรามาลองดูปัจจัยต่าง ๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถเลือกจอมาใช้งานได้คุ้มค่าคุ้มราคา และเหมาะสมกับการใช้งานกันดีกว่า
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการใช้งานอุปกรณ์ เช่น แล็ปท็อป นอกสถานที่เป็นประจำ การใช้จอแบบด้านถือเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้สามารถมองจอได้โดยไม่ต้องเจอปัญหาเรื่องแสงสะท้อน ถึงแม้ว่าจะนั่งอยู่กลางแดดก็ตาม ในทางกลับกัน ถ้าเกิดคุณใช้งานในร่มเป็นหลัก และสามารถปรับองศาการแสดงผลของอุปกรณ์นั้น ๆ ได้ เช่น จอทีวี เรื่องแสงสะท้อนจะไม่ค่อยส่งผลต่อการใช้งานมากนัก เลือกใช้จอแบบมันวาวเหมือนเดิมแหละดีแล้ว
บ่อยครั้งที่ประโยชน์ในข้อหนึ่งของจอแบบด้านถูกมองข้ามไป นั่นก็คือการช่วยประหยัดแบตเตอรี่ เพราะจอดังกล่าวสามารถกระจายแสงโดยรอบได้ดีกว่า ทำให้ไม่ต้องปรับค่าความสว่างสูงมากนัก แต่ยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจนอยู่ ในอีกนัยหนึ่งก็คือ หน้าจอแบบพกพาที่เน้นการใช้งานนอกสถานที่ ก็จะมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นด้วย ทำให้คุณสามารถเคลียร์งานให้เสร็จตามความคาดหมายได้โดยไม่ต้องพึ่งที่ชาร์จ
คุณภาพของภาพถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่มันสามารถเสริมอรรถรสให้กับหนังภาพยนตร์ได้ และถ้ารับชมหนังภาพยนตร์ร่วมกันเป็นกลุ่มแล้วล่ะก็ ควรจะใช้จอแบบมันวาวมากกว่า แล้วก็ใช้เปลี่ยนองศามุมมองการรับชม หรือลดแสงสว่างลงเพื่อลดการสะท้อนแสงที่จอเอา
จอแบบด้านจะให้สีดำที่เข้มยิ่งขึ้นในเวลาที่แสดงผลภาพที่มีความสดของสีสันน้อย ทำให้อรรถรสในการรับชมลดลง แถมเวลาอ่านตัวอักษรบนจอก็จะอ่านยากกว่าด้วยโดยเฉพาะเวลาอ่านจากระยะไกล ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ที่มองหาจอเกมมิ่ง การใช้จอแบบด้านอาจส่งผลต่อเกมเพลย์ได้ด้วย
อ่านเพิ่มเติม : จอเกมมิ่ง (Gaming Monitor) คืออะไร ? แตกต่างกับจอธรรมดา (Regular Monitor) ยังไง ?
จอแบบด้านจะมีคุณสมบัติกันรอยนิ้วมือได้ดีกว่าแบบมันวาว ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการให้หน้าจอไร้คราบไร้รอยนิ้วมืออยู่เสมอ เลือกใช้จอแบบด้านก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ตรงจุด เฉกเช่นเดียวกันกับมือถือ ที่สามารถหาฟิล์มกันรอยแบบด้านมาช่วยลดรอยนิ้วมือจากการใช้งานได้
เครดิตภาพ : https://www.howtogeek.com/181727/glossy-vs.-matte-lcds-which-should-you-choose-when-buying-a-display/
จอแสดงผลแบบด้าน (Matte Displays) | จอแสดงผลแบบมันวาว (Glossy Displays) | |
1. แสงสะท้อน | รับชมแบบไม่มีแสงสะท้อน | สะท้อนแสงทั้งจากภายในอาคาร, แสงแดด, และแหล่งแสงอื่น ๆ |
2. อายุการใช้งานแบตเตอรี่ | ช่วยลดแสงสะท้อน และทำให้ไม่ต้องเพิ่มความสว่างที่จอเพื่อรับชมคอนเท้นท์ ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ไปในตัว | ต้องปรับเพิ่มแสงสว่างเพื่อสู้แสงสะท้อนที่เข้ามา ทำให้ใช้พลังงานแบตเตอรี่มากขึ้น |
3. คุณภาพของภาพ | ลดคุณภาพของภาพลง ส่งผลต่อสี, คอนทราสต์, และความคมชัด และยิ่งความหนาของชั้นเลเยอร์แบบด้านมีมากเท่าไหร่ ความคมชัด และคุณภาพของภาพก็ยิ่งลดลงเท่านั้น | รักษาคุณภาพของภาพไว้ได้ดี ให้สีและคอนทราสต์ที่แม่นยำ |
4. รอยนิ้วมือและคราบสกปรก | ลดการเกิดรอยนิ้วมือและคราบสกปรก ทำให้หน้าจอคงความสะอาดได้นานขึ้นกว่าเดิม | เกิดรอยนิ้วมือและคราบสกปรกบนจอได้ง่าย |
เหตุผลที่จะมาช่วยตอบข้อสงสัยดังกล่าวมีอยู่ 3 ข้อด้วยกันได้แก่
เพราะหน้าจอที่ทำมาเป็นทัชสกรีนเพื่อตอบสนองการสัมผัส ใช้วัสดุประเภทแก้วเป็นชั้นหน้าจอด้านบนสุด และปัญหาเบื้องต้นของวัสดุประเภทแก้วก็คือ ถ้าเราทำให้มันเป็นพื้นผิวแบบด้าน ภาพจะเบลอ คุณคงไม่อยากใช้อุปกรณ์ที่มีการแสดงผลแบบเบลอ ๆ หรอกจริงไหม
การแทนที่วัสดุประเภทแก้วด้วยวัสดุประเภทอื่นก็อาจช่วยแก้ปัญหาได้ แต่เหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่บรรดาผู้ผลิตมักใช้แก้วเป็นวัสดุหลักในการทำจอทัชสกรีนก็คือ ความคงทน เพราะหน้าจอทัชสกรีนนั้นต้องใช้วัสดุที่ยืดหยุ่นอยู่แล้ว เพื่อรองรับแรงกด และเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายหากไม่ติดฟิล์มกันรอย ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีการใช้กระจกที่มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นแล้วเพื่อลดปัญหาตรงนี้ลง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าจอแก้วนั้นให้ความรู้สึกเวลาสัมผัสที่ดีกว่าเวลาแตะหรือปัดเลื่อนเมนูใดใดก็ตาม เพราะหน้าจอแบบด้านจะให้ผิวสัมผัสเหมือนกับกำลังลูบกระดาษอยู่ และรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติเวลากดหรือแตะลงไป ดังนั้น ถ้าคุณชอบหน้าจอแบบด้านจริง ๆ ซื้อฟิล์มกันรอยแบบด้านมาติดแทนน่าจะถูกจริตมากกว่า
เครดิตภาพ : https://www.indiamart.com/proddetail/matte-tempered-glass-20733390248.html
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |