ในยุคนี้ที่หน้าจอมีความละเอียดสูง อินเทอร์เน็ต (Internet) ก็มีความเร็วมากพอที่จสตรีมวิดีโอความละเอียดสูงถึงระดับ 4K ได้อย่างสบาย ๆ เราสามารถกล่าวได้ว่า ยุค ความละเอียด HD (720p) นั้นจบไปแล้ว และ ความละเอียด Full HD (1080p) ก็กำลังตามไปติด ๆ เพราะเรากำลังอยู่ในยุค ความละเอียด Ultra HD (4K) กันแล้ว
เนื้อหา 4K สามารถหารับชมได้อย่างง่ายดาย ไม่เหมือนกับในอดีต อย่าง Netflix หากคุณสมัครสมาชิกระดับ Premium Plan ก็จะได้คุณภาพระดับ 4K แล้ว
พวกบริการสตรีมวิดีโออย่าง Netflix, Disney+, HBO ฯลฯ ส่วนใหญ่ก็จะสามารถเลือกรับชมได้จากอุปกรณ์หลายประเภท ไม่ว่าจะสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ททีวีก็ตาม
แต่รู้หรือไม่ว่า ? ต่อให้คุณมีหน้าจอมอนิเตอร์ที่รองรับความละเอียดสูง 4K, ใช้สาย HDMI ที่รองรับ HDCP 2.2 และมีฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ที่สามารถรับชม 4K ได้ ถ้าคุณใช้บริการ Netflix, Disney+, HBO ฯลฯ ผ่าน เว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome ในการรับชมล่ะก็ คุณจะรับชมได้อย่างมากที่ความละเอียด HD (720p) เท่านั้น
ในการใช้บริการเหล่านั้นบน คอมพิวเตอร์ PC หากต้องการรับชมเนื้อหาที่ความละเอียด Full HD หรือ 4K ผู้ใช้จะต้องรับชมผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บเบราว์เซอร์ Edge ถ้าเป็นผู้ใช้งาน Mac ก็ต้องรับชมผ่าน Safari เท่านั้น
สงสัยไหมว่า ? แล้วทำไม ความละเอียด Full HD หรือ 4K ถึงไม่สามารถรับชมผ่านเว็บเบราว์เซอร์ยอดนิยมอย่าง Chrome หรือ Firefox ได้ ?
เหตุผลนั้นก็มาจากการทำงานของเทคโนโลยี Digital Rights Management (DRM) นั่นเอง
บริการสตรีมวิดีโออย่าง Netflix, Disney+, HBO ฯลฯ ทางผู้ให้บริการได้นำเทคโนโลยี Multi-DRM มาใช้กับอุปกรณ์ฝั่งไคลเอนต์ (Client) และเว็บเบราว์เซอร์ อย่างไรก็ตาม ระดับความปลอดภัยที่ใช้ก็จะแตกต่างกันไปตามประเภทของอุปกรณ์ไคลเอนต์
การทำงานของ Hardware-level DRM จะแปรผันไปตามคุณสมบัติของอุปกรณ์เครื่อง Client แต่จะมีขั้นตอนการตรวจสอบ DRM ที่จำเป็นดังต่อไปนี้
จะเห็นได้ว่า Hardware-level DRM มีการตรวจสอบหลายขั้นตอนอย่างเข้มงวด ในขณะที่ Software-Level DRM นั้นมีข้อจำกัดเป็นอย่างมาก ในการทำระบบป้องกันเนื้อหาไม่ให้ถูกนำไปเผยแพร่ต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการรับชมผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งอันที่จริง การใช้ปลั๊กอินเสริมก็สามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ได้ แต่ว่าผู้ให้บริการมองว่ามันไม่สะดวก และอาจสร้างความไม่พอใจต่อผู้ใช้ได้
ซึ่งในการที่ผู้ใช้จะรับชม Netflix ที่ความละเอียด 4K บนคอมพิวเตอร์ PC ได้ มันก็จะมีความต้องการของระบบดังต่อไปนี้
เว็บเบราว์เซอร์ Chrome และ Firefox เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมมากกว่า Edge ทั้งคู่มีโมดูล Widevine DRM แบบ Software-Level DRM อยู่ในตัว ซึ่งระบบนี้มีช่องโหว่ตรงที่ไม่สามารถป้องกันการ "บันทึกวิดีโอหน้าจอ" ได้
ทำให้เนื้อหาสามารถถูกทำซ้ำได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์บันทึกวิดีโอจอ ซึ่งมีให้เลือกใช้งานอยู่มากมาย มาทำการบันทึกหน้าเว็บเบราว์เซอร์โดยตรง
จะว่าไปมันก็เป็นปัญหาเดียวกับการลักลอบแอบถ่ายจอในโรงภาพยนตร์ แต่ร้ายแรงกว่าเนื่องจาก การ "บันทึกวิดีโอหน้าจอ" นั้นได้คุณภาพที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับเป็นอย่างมาก
ภาพจาก : https://www.bandicam.com/th/
และด้วยเหตุผลของช่องโหว่ใน Software-Level DRM นี้นั่นเอง ที่ทำให้เจ้าของเนื้อหาที่ผลิตคอนเทนต์ อย่าง ฮอลลีวูดสตูดิโอ หรือดิสนีย์สตูดิโอมีการทำข้อตกลงกับผู้ให้บริการวิดีโอออนไลน์ว่า ในการให้บริการเนื้อหาที่มีความละเอียดสูงระดับ Full HD หรือ 4K จะต้องใช้ระบบ Hardware-Level DRM เท่านั้น
และนั่นก็คือเหตุผลที่ทางบริการสตรีมหนังออนไลน์อย่าง Netflix, HBO, Disney+ ฯลฯ มีการจำกัดการแสดงผลของเนื้อหาบนเว็บเบราว์เวอร์ Chrome, Firefox ฯลฯ เอาไว้ที่ความละเอียดเพียง 720p เท่านั้น มันเป็นการบริหารความเสี่ยงระหว่างการ "ถูกบันทึกวิดีโอหน้าจอ" กับ "เข้าถึงผู้ชมให้ได้มากที่สุด"
ซึ่งทางออกก็คือ ยินยอมให้เนื้อหาที่มีความละเอียดต่ำ มีโอกาสถูกบันทึกวิดีโอหน้าจอเอาไว้ได้ แต่ถ้าอยากรับชมแบบคมชัด ความละเอียดสูงก็ต้องยอมลำบากหน่อย ด้วยการใช้เว็บเบราว์เซอร์ที่รองรับ Hardware-Level DRM อย่างเว็บเบราว์เซอร์ Edge และ Safari หรือไม่ก็รับชมผ่านแอปพลิเคชันของบริการนั้น ๆ ได้โดยตรงนั่นเอง
|
แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |