รู้หรือไม่ว่า เมื่อคุณเปิด บลูทูธ (Bluetooth) ในที่สาธารณะ คนรอบข้าง อาจทำการต่อบลูทูธเข้ากับมือถือของคุณแล้วดาวน์โหลดรูปออกไปจากเครื่องของคุณได้ด้วยนะ ! ซึ่งสถานการณ์ที่น่ากลัวดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ เพราะยังมีคนจำนวนไม่มากที่รู้ว่า Bluesnarfing คืออะไร ดังนั้น เราจะพาไปรู้จักกับความหมายของคำคำนี้กัน
Bluesnarfing เป็นกระบวนการโจมตีชนิดหนึ่ง เพื่อหวังผลด้วยการ ขโมยข้อมูลจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธ (Bluetooth Connection) โดยอาชญากรไซเบอร์ที่มีทักษะทางด้านนี้ จะควบคุม Bluetooth เพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ใดใดก็ตามที่อยู่ในระแวกบริเวณนั้น และเปิดการเชื่อมต่อบลูทูธทิ้งเอาไว้
ซึ่งการแฮก Bluetooth นั้น อันที่จริงแล้ว ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในโทรศัพท์มือถือเท่านั้น อาจเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป แท็บเล็ต และอุปกรณ์ไอที อื่น ๆ ที่รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth
โดยซึ่งแฮกเกอร์ที่ใช้การโจมตีแบบ Bluesnarfing ในการเข้าถึงผู้ติดต่อ, รูปภาพ, ข้อความ, วิดีโอ หรือแม้แต่ดึงรหัสผ่านจาก แกดเจ็ต (Gadget) ของคุณได้อย่างง่ายดายในระยะเวลาสั้น ๆ
อันดับแรก อาชญากรไซเบอร์ จะมองหาอุปกรณ์ที่มีการเปิดใช้งานบลูทูธอยู่และสามารถค้นพบได้ จากนั้น จึงใช้เทคนิคการสแกนช่องโหว่เพื่อระบุจุดบอดบนโปรโตคอลการแลกเปลี่ยนของโทรศัพท์ เพื่อส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ของคุณกับอุปกรณ์ของพวกมัน ในกรณีส่วนใหญ่ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของ Bluesnarfing จะไม่รู้ว่ามีคนอื่นสามารถเข้าถึงโทรศัพท์ของตัวเองได้ โดยแฮกเกอร์จะทำการดาวน์โหลดข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ใช้ Bluetooth ได้โดยการใช้ Bluediving
Bluediving เป็นเครื่องมือที่เอาไว้ระบุอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่ โปรแกรมเมอร์ที่มีทักษะในด้านนี้ ก็สามารถสร้างโปรแกรม Bluesnarfing ได้เอง ในขณะที่บางคนจ้างคนอื่นมาช่วยสร้างอีกที
บางคนอาจจะสับสนระหว่าง Bluesnarfing กับ Bluejacking จริง ๆ แล้วทั้งสองอย่างที่ว่า เป็นเทคนิคที่แตกต่างกัน แต่เป็นอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับบลูทูธทั้งคู่ โดย Bluejacking จะเป็นการส่งข้อความที่ไม่พึงประสงค์ไปยังโทรศัพท์ของเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกการสแปมโฆษณา แม้ว่า Bluejacking จะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายร้ายแรงเท่า ๆ กัน แต่ก็ไม่สร้างความเสียหายรุนแรงเท่า Bluesnarfing
เครดิตภาพ : https://clog.ammar.web.id/2007/07/bluediving-ver-08.html
หากมีคนกำลังพยายาม Bluesnarf คุณอยู่ นั่นหมายถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากอุปกรณ์ของคุณกำลังจะถูกเอาไป เมื่อแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ได้ บรรดาแฮกเกอร์เหล่านี้ ก็จะสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการด้วยข้อมูลของคุณเอง และเมื่อถูก Bluesnarf ไป คุณก็จะสูญเสียความสามารถในการควบคุมอุปกรณ์ของตัวเอง และได้แต่ดูคนอื่นใช้โทรศัพท์ของคุณตาปริบ ๆ
ข้อสังเกต : หากมีใครกำลังเรียกใช้อุปกรณ์ของคุณ คน ๆ นั้นจะต้องอยู่ห่างออกไปไม่เกิน 30 ฟุต (รัศมีรอบตัว ประมาณ 9 เมตร)
แฮกเกอร์ที่โจมตี จะไม่สามารถอยู่ไกลจากเราได้มากนัก เว้นเสียแต่ว่าจะมีเครื่องไม้เครื่องมือขั้นสูงอื่น ๆ มาช่วย ซึ่งการเชื่อมต่อบลูทูธระยะไกลจะถูกเรียกว่า Bluesniping แทน โดยแฮกเกอร์จะใช้การโจมตีนี้พุ่งเป้าไปหาอุปกรณ์ของบรรดาเหยื่อที่ไม่ได้อยู่ในละแวกใกล้เคียง เพราะเครื่องมือที่ใช้ ช่วยให้สามารถโจมตีไปได้ไกลกว่าระยะของตัวบลูทูธเอง
ข้อมูลของคุณเปรียบเสมือนเหมืองทองคำ ที่จะต้องปกป้องมันไว้เสมอเพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าใครจะตามล่าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวบ้าง แม้แต่บริษัทบางแห่งที่คุณชื่นชอบอยู่ ก็อาจมีส่วนร่วมในธุรกิจการทำ Data Mining หรือเหมืองข้อมูลด้วยซ้ำไป
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้คนตกเป็นเหยื่อการโจมตี Bluesnarfing ก็คือการตั้งค่าบลูทูธเริ่มต้นในอุปกรณ์ส่วนใหญ่ โดยในปัจจุบัน สมาร์ทโฟนจำนวนมากมีการตั้งค่าบลูทูธให้อยู่ใน Discovery Mode เสมอ ทำให้แฮกเกอร์เหล่านี้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณได้ง่ายเมื่ออยู่ห่างจากโทรศัพท์ของคุณในระยะที่สามารถทำการแฮกได้
ดังที่ผู้เขียนได้เอ่ยถึงไปข้างต้นว่า แฮกเกอร์ใช้ Bluesnarfing เพื่อเข้าถึงข้อมูล ดังนั้น จึงความเสี่ยงที่จะมีโอกาสเกิดกรณีอื่น ๆ ขึ้นนอกเหนือจากขโมยข้อมูลด้วย เช่น แฮกเกอร์ทำการโทรออก หรือส่งข้อความไปยังผู้ติดต่อของคุณเอง อาชญากรไซเบอร์เหล่านี้สามารถใช้ความพยายามเพิ่มเติมเพื่อขโมยรูป นำไปตัดต่อให้เสียหาย หรือหลอกคนอื่น ๆ ในรายชื่อผู้ติดต่ออีกที ทำให้เป็นเหตุผลว่า ทำไม คุณจึงต้องหาทางป้องกันอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือให้ทันท่วงที
เครดิตภาพ : https://www.technologyify.com/bluesnarfing/
แฮกเกอร์สามารถทำการ Bluesnarfing ได้ด้วย แล็ปท็อป (Laptop) เท่านั้น ถ้าไม่มีแล็ปท็อป ก็จะไม่สามารถทำการแฮกด้วยวิธีดังกล่าวได้ โดยทั่วไปแล้ว พวกแฮกเกอร์มักจะต่อ Bluetooth Dongle หรือเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อกระทำการดังกล่าว โดย Bluesnarfing ถือเป็นรูปแบบการโจมตีทางไซเบอร์ขั้นสูง เพราะมีเพียงผู้เชี่ยวชาญด้าน Programming เท่านั้นที่จะสามารถทำได้ บ่อยครั้งที่จะทำกันเป็นองค์กร เพื่อเอาข้อมูลไปขายให้กับพวกเว็บมืดอีกที
ข้อมูลเพิ่มเติม : แล็ปท็อป (Laptop) กับ โน้ตบุ๊ค (Notebook) ต่างกันอย่างไร ? เรียกอย่างไรดี ?
ถึงแม้ว่าเราจะได้อธิบายไปแล้วว่า อันตรายของการถูก Bluesnarfing นั้นเป็นอย่างไร และแฮกเกอร์ที่ทำการโจมตี สามารถทำอะไรกับมือถือของเราได้บ้าง แต่วิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับการโจมตีในรูปแบบนี้ ก็ยังคงเป็นการป้องกันที่จะไม่ให้มือถือของเรา ตกเป็นบ่อเงินบ่อทองของพวกแฮกเกอร์อยู่ดี แค่นี้ก็ไม่ต้องมานั่งปวดหัวหลังถูกโจมตีแล้ว เพราะคุณจะไม่สามารถเคลมความเสียหายอะไรใดใดได้เลย เนื่องจากไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง
เพียงแค่คุณหมั่นปิดบลูทูธเมื่อไม่ใช้งาน ก็จะสามารถป้องกันการเชื่อมต่อที่ไม่พึงประสงค์ได้แล้ว เพราะบรรดาแฮกเกอร์ จะสามารถโจมตีคุณได้ก็ต่อเมื่อมีการเชื่อมต่อเปิดให้ใช้งานนั่นแหละ
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |