เชื่อว่าเกมเมอร์ทุกคน ต่างก็มีค่ายเกมและเครื่องเกมที่ตัวเองเชื่อมั่นและชื่นชอบ รวมไปถึงมีความถนัดในการเล่นประจำตัวกันทุกคนอยู่แล้ว และบรรดาค่ายเกมทั้งผู้ผลิตเครื่องเล่นและผู้พัฒนาเกม ต่างก็รู้ถึงความสำคัญและความถนัดในการเล่นเกมเฉพาะตัวของผู้เล่นแต่ละคน รวมทั้งความต้องการในการเล่นแบบ Multiplayer ที่มีเพิ่มขึ้น ทั้งการเล่นกับเพื่อนฝูงด้วยกัน และการหาเพื่อนหรือผู้เล่นใหม่ ๆ จากทั่วโลกเพื่อมาวัดระดับฝีมือว่าใครจะเหนือกว่า ทำให้มีผู้พัฒนาเกมรายใหม่ ๆ (รวมถึงรายเก่า ๆ) เริ่มออกแบบเกมให้สามารถเล่นข้ามแพลตฟอร์มได้ เพื่อตอบโจทย์ผู้เล่นที่มีเครื่องเล่นต่างกัน แต่อยากไปเจอกับเพื่อนในอีกเครื่อง
ทว่า ทั้ง ๆ ที่การเล่น เกมข้ามแพลตฟอร์ม (Cross-Platform Game) ได้รับความนิยม เพราะปัจจัยหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นทั้งความสะดวกในการออนไลน์ เช่น อยู่นอกบ้านออนมือถือ อยู่ที่บ้านออนใน PC, การได้ลงทุนแค่เกม ไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องใหม่ (เพราะบางเกมก็เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ), และการเจอกับเพื่อนที่ชอบเล่นหรือมีแค่เครื่องเล่นเกมเพียงเครื่องเดียว ให้สามารถมาเจอกันได้ แต่การพัฒนาเกมแบบ Cross-Platform กลับไม่ได้มีตัวเลขที่เพิ่มตามอัตราผู้เล่นที่เพิ่มขึ้น เพราะอะไร ? ไปดู 5 เหตุผลที่น่าสนใจกัน
ในขณะที่การเล่นเกมแบบข้ามแพลตฟอร์มนั้น ดีกับคุณและเพื่อนที่มีเครื่องเล่นไม่เหมือนกัน แต่มันอาจจะไม่ดีกับผลกำไรของ Microsoft และ Sony เพราะในแง่ของการเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเกมคอนโซลแล้ว ทั้ง Microsoft และ Sony ถือเป็นคู่แข่งทางการค้าโดยตรง
เครดิตภาพ : https://www.slashgear.com/sony-vs-microsoft-gaming-consoles-which-one-to-go-for-this-fall-19638740
ความแตกต่างระหว่างสองเครื่องเล่นนี้ไม่ได้สำคัญอะไรมากนักสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่อย่างน้อย คุณเองก็อาจเป็นหนึ่งในผู้ที่มีแนวโน้มจะซื้อ PS5 ด้วยถ้าเพื่อนคุณมีกันหมดแล้วและอยากซื้อมาเล่นด้วยกันกับเพื่อน การที่ทำให้เกมทุกเกมสามารถเล่นข้ามแพลตฟอร์มได้หมด ก็ทำให้ผู้เล่นมีอิสระในการเลือกซื้อมาขึ้น ซึ่งมีผลกระทบกับยอดขายของทั้งสองบริษัทด้วย
ผู้พัฒนาเกมจะต้องจ่ายเงินให้กับ Microsoft และ Sony เพื่ออัปเดตเกมของตัวเองบนแพลตฟอร์มของทั้งสองค่ายเพื่อให้เกมของตัวเองสามารถดำเนินต่อไปได้ ซึ่งค่าอัปเดตที่ว่า ในแพลตฟอร์มค่ายอื่นอย่าง Nintendo และ Steam หรือแม้กระทั่งในบรรดาแอปสโตร์บนมือถือ ก็มีการเรียกเก็บด้วยเช่นกัน
เครดิตภาพ : https://steamcommunity.com/sharedfiles/filedetails/?l=thai&id=370635049
การที่มีเกมของตัวเองอยู่บนแพลตฟอร์มที่ต่างกัน ผู้พัฒนาก็จะต้องใช้บิลด์ (ตัวเกม) ที่ต่างกันตามแพลตฟอร์มที่เกมนั้นรัน เช่นเกม Minecraft เวอร์ชันคอนโซล ก็จะใช้บิลด์ที่เก่ากว่าเวอร์ชัน PC บรรดาผู้พัฒนาทั้งหลายโดยเฉพาะผู้พัฒนาอิสระ (ผู้พัฒนาเกมอินดี้) ก็อาจจะต้องใช้การรออัปเดตแพทช์ใหญ่ตูมเดียวในแต่ละแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางด้านการเงินที่ไม่สามารถอัปถี่ ๆ ได้เหมือนค่ายใหญ่ ๆ หรือเรื่องของความท้าทายในการอัปเดตบนแพลตฟอร์มที่มีเกมของตัวเองอยู่ก็ตาม
การมีเกมที่รันบนเซิร์ฟเวอร์ที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละแพลตฟอร์มโดยเฉพาะในเวลาที่เกม ๆ นั้นไม่ได้เป็นเกมที่เล่นข้ามแพลตฟอร์มได้ ถือเป็นวิธีให้บริการเกมที่ชาญฉลาดในเวลาที่ต้องปิดปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์ไม่ว่าจะปิดเพื่อการแก้ไข ข้อผิดพลาด หรือ บัค (Bug) หรือปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวกับเครือข่ายหรือแพลตฟอร์มก็ตาม เพราะถ้าหากว่าคุณเล่นเกมบน Xbox แต่มีบัคขนาดใหญ่ที่ทำให้ต้องปิดปรับปรุงในเวอร์ชัน PS4 การปิดเซิร์ฟเวอร์เกมจะเห็นผลกระทบในเรื่องดังกล่าวขึ้นมาทันที
เพราะถ้าเกมดังกล่าวเป็นเกมที่เล่นข้ามแพลตฟอร์มได้ แล้วต้องทำการปิดปรับปรุงเพื่ออัปเดต ก็จะต้องทำการปิดทุกเซิร์ฟเวอร์ในทุกแพลตฟอร์มไปพร้อม ๆ กัน แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งจำนวนผู้เล่นที่ไม่สามารถเข้าเล่นเกมได้ และรายได้ที่หายไปในช่วงเวลาปิดปรับปรุง เพราะถ้าหากเกมดังกล่าวไม่ได้เล่นข้ามแพลตฟอร์ม ก็ยังทำให้ผู้พัฒนาสามารถเลือกที่จะปิดอัปเดตเซิร์ฟเวอร์แบบไม่พร้อมกันได้ เช่น ปิดปรับปรุงเวอร์ชัน PC ก่อน แล้วค่อยปิดปรับปรุงเวอร์ชันมือถือ
มีปัญหาคลิกขวาใน PC แล้วเกมเด้งออก แต่ผู้เล่นในมือถือก็ต้องโดนหางเลขไปด้วยเพราะเซิร์ฟเวอร์หลักปิดปรับปรุง
เครดิตภาพ : https://www.facebook.com/mir4global/posts/pfbid02nNoVD3aGj4nUweCvR7W3oF4hMw9rNnLxLtscvNsvBVtwjinXPqPmQ9MiJX8atkBhl
ถึงแม้ว่าเกมที่เล่นข้ามแพลตฟอร์มได้ จะทำให้สามารถเล่นกับเพื่อนไปได้พร้อม ๆ กัน แต่ถ้าเกมไหนที่มีปัญหาเรื่องการปิดปรับปรุงบ่อย ๆ เช่น เกม MIR4 ที่มีปัญหาในเวอร์ชัน PC แต่ต้องปิดเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด อดเล่นไปด้วยทั้ง ๆ ที่คุณเป็นผู้เล่นแบบ Mobile ที่ในมือถือยังเล่นได้ปกติล่ะก็ คุณจะต้องมีอาการหงุดหงิดกันบ้างแหละ
โครงสร้างภายในเครื่องเกมแต่ละเครื่อง ทั้ง Sony, Microsoft, และ Nintendo ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องเหมือนกันเสมอไป ทำให้เป็นงานยากสำหรับเหล่าผู้พัฒนาเกมแบบข้ามแพลตฟอร์มอยู่เหมือนกัน ในการพัฒนาเกม หรือพอร์ตเกมจากอีกเครื่องมาลงอีกเครื่อง
เครดิตภาพ : https://www.dailysabah.com/life/strategy-showdown-in-gaming-nintendo-vs-sony-vs-microsoft/news
ในขณะที่มีเกมที่สามารถเล่นข้ามแพลตฟอร์มได้มากขึ้น แสดงให้เห็นว่าความแตกต่างของโครงสร้างภายในไม่ได้เป็นปัญหามากมายอะไรนักสำหรับการทำเกม แต่ก็ต้องไม่ลืมด้วยว่า ในท้ายที่สุด มันก็ยังมีเรื่องของความแตกต่างในการระดมทุน และการทำทีมพัฒนาตามความถนัดในแต่ละแพลตฟอร์ม ที่มีผลโดยตรงต่อการทำเกมแบบข้ามแพลตฟอร์มด้วยเหมือนกัน
หากคุณเป็นผู้เล่นเกม PC ย่อมต้องรู้ดีอยู่แล้วว่า ความเร็วของ เมาส์ (Mouse) และ คีย์บอร์ด (Keyboard) นั้น มีความรวดเร็วในการควบคุมแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับคอนโทรลเลอร์ ซึ่งความเร็วในการสั่งการที่แตกต่างกันตรงนี้ มีผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดกับ เกม FPS เช่น ความเร็วในการกวาดสายตา, การล็อกเป้ายิง, การเลือกจุดปาระเบิดสูตรเป็นต้น
เครดิตภาพ : https://www.youtube.com/watch?v=NblYe--9kdo
ถึงแม้ว่าคุณอาจจะอยากเล่นกับเพื่อนที่มีเกมอยู่ในเครื่องคนละค่ายกัน แต่ถ้าต้องแลกกับการคุณใช้จอยคอนโทรลเลอร์ที่ต้องบังคับแกนอนาล็อกเพื่อหมุนมุมกล้อง แล้วไปเจอกับคนลากเมาส์ที่หันมายิงคุณได้เร็วกว่า คุณจะยอมแลกหรือเปล่าล่ะ ?
|
เกมเมอร์หญิงทาสแมว ถ้าอยู่กับแมวแล้วจะน้วยแมวทั้งวัน |