ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
THAIWARE.COM | ทิปส์ไอที
 

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://technology.riotgames.com/news/leveraging-golang-game-development-and-operations
เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 878
เขียนโดย :
0 Golang+%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD+%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2+Go+%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F+%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1+%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81+Google
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรมสำหรับนักพัฒนายุคใหม่จาก Google

ในยุคที่เทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างกำลังพัฒนาแข่งขันกันอย่างก้าวกระโดด การเลือกภาษาโปรแกรมที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านประสิทธิภาพ และความเรียบง่ายนั้น ก็ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักพัฒนาทุกคน และนี่คือเหตุผลที่  Golang หรือ Go ภาษาโปรแกรมจาก Google ได้ถือกำเนิดขึ้นมา

ซึ่ง Golang เองก็ไม่ใช่แค่เพียงภาษาสำหรับการเขียนโปรแกรมทั่วไป แต่มันถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการทำงานที่ต้องการความรวดเร็ว, ปลอดภัย และมีความสามารถในการขยายระบบได้ง่ายดาย  นอกจากนี้ ภาษา Go ยังมีการออกแบบที่เรียบง่าย เหมาะกับโปรแกรมเมอร์อย่างมาก

และในบทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับภาษา Go อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย , ที่มาของมัน, เหตุผลที่ทำให้มันโดดเด่นเหนือภาษาโปรแกรมอื่น ไปจนถึงข้อดี-ข้อสังเกต และตัวอย่างการใช้งานจริงที่ภาษานี้ถูกนำไปใช้ ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว เรามาเริ่มต้นทำความรู้จักกับภาษา Go กันเลย ...

เนื้อหาภายในบทความ

ภาษา Go คืออะไร ? (What is Golang ?)

ความหมายของภาษา Go

Golang (Go language) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Go เป็นภาษาโปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์ส ที่ถูกพัฒนาโดย Google และเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) ซึ่งภาษา Go ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบยุคใหม่ ที่เน้นความเรียบง่าย แต่ประสิทธิภาพสูง และมีความสามารถในการทำงานพร้อมกัน (Concurrency)

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://www.freecodecamp.org/news/what-is-go-programming-language/

ภาษา Go นั้นเหมาะสำหรับงานขนาดใหญ่ อย่างงานระบบเครือข่าย, แอปพลิเคชันบนคลาวด์ และระบบไมโครเซอร์วิส (Microservices) โดยโครงสร้างของ Go นั้นได้แรงบันดาลใจมาจาก ภาษา C ในด้านความเร็ว และประสิทธิภาพ และจากภาษา Python ในด้านความเรียบง่าย ทำให้โปรแกรมเมอร์สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว และเขียนโค้ดได้อย่างง่ายขึ้น

ที่มาของภาษา และเหตุผลที่ Google สร้างขึ้น (Origin of the Language and The Reason Google created it)

ภาษา Go เริ่มต้นพัฒนาขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) ภายใน Google โดยผู้สร้างภาษา ได้แก่ Robert Griesemer, Rob Pike และ Ken Thompson ทีมวิศวกรต้องการแก้ปัญหาที่พบในซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น การคอมไพล์โค้ดที่ใช้เวลานาน, การจัดการ Dependencies ที่ยุ่งยาก และความซับซ้อนของภาษา C++ ที่เป็นเครื่องมือหลักในขณะนั้น ประกอบกับในยุคเดียวกันนั้น อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการมาของ มัลติคอร์โปรเซสเซอร์ (Multi-Core Processor) และระบบเครือข่ายที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ทีมพัฒนาต้องการภาษาโปรแกรมที่สามารถจัดการระบบที่ซับซ้อนเหล่านั้นได้ รวมถึงเพิ่มผลิตภาพในการทำงาน (Productivity) ของนักพัฒนาเช่นกัน

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://dev.to/zammacode/introduction-to-go-4hjf

Google จึงตั้งเป้าหมายให้ Golang เป็นภาษาที่รวมข้อดีของหลายภาษา เช่น ความเร็วของภาษา C , ความเรียบง่ายของ Python และความสามารถรองรับการทำงานในงานเครือข่ายของ จาวาสคริปต์ (JavaScript) และหลังจากเปิดตัวในฐานะโครงการ โอเพ่นซอร์ส (Open-Source) ในปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) Golang ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) Google ได้ปล่อยเวอร์ชัน 1.0 ออกมาอย่างเป็นทางการ ปัจจุบัน Golang ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Netflix, Uber, Dropbox, และ Cloudflare รวมถึงได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากชุมชนนักพัฒนาทั่วโลกอีกด้วย

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://go.dev/blog/9years

จุดเด่นของภาษา Go (Key Features of Golang)

ภาษา Go มีจุดเด่นหลายอย่างที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาซอฟต์แวร์ เราลองมาดูจุดเด่น สำคัญ ๆ ของภาษา Go กัน

1. ไลบรารีมาตรฐานที่ใช้งานง่าย

ภาษา Go ออกแบบ ไลบรารี (Library) มาตรฐานในรูปแบบ แพ็กเกจสำเร็จรูป ที่ครอบคลุมงานสำคัญต่าง ๆ เช่นงานจัดการ HTTP, JSON และการเข้ารหัสข้อมูล ซึ่งไลบรารีเหล่านี้ช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถดึงมาใช้งานได้ทันที ลดความยุ่งยากในการติดตั้งระบบจัดการแพ็กเกจ และยังช่วยให้โปรแกรมเมอร์แชร์ หรือดึงโค้ดจากชุมชนภายนอก มาใช้งานได้อย่างง่ายดาย

2. ระบบ Static Typing ปลอดภัย และลดข้อผิดพลาด

ภาษา Go ใช้ระบบ Static Typing ที่กำหนดชนิดข้อมูลตั้งแต่ขั้นตอนคอมไพล์ ซึ่งจะช่วยป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนชนิดข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ ตัวอย่างเช่น หากตัวแปรถูกประกาศเป็นข้อมูลตัวเลข ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นข้อความได้ ซึ่งแตกต่างจาก Dynamic Typing ที่แม้ยืดหยุ่นกว่า แต่มีความเสี่ยงสูงต่อข้อผิดพลาดระหว่างการรันโปรแกรมนั่นเอง

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://www.winterwind.com/services/go-lang

3. รองรับ Unit Tests ในตัว

ภาษา Go มีฟีเจอร์สำหรับการเขียน และรัน Unit Tests โดยไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือเพิ่มเติม ช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถตรวจสอบคุณภาพโค้ดได้ ตั้งแต่ในขั้นตอนการออกแบบ ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความมั่นใจในการพัฒนาซอฟต์แวร์ไปทีละขั้น ๆ 

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://www.winterwind.com/services/go-lang

4. รองรับการทำงานข้ามแพลตฟอร์ม (Platform Independence)

โค้ดที่เขียนด้วยภาษา Go สามารถ คอมไพล์ และรันได้บนหลายระบบปฏิบัติการ เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows, macOS และ Linux โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดเพิ่มเติม ซึ่งคุณสมบัติข้อนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ที่ต้องการรองรับผู้ใช้งานที่หลากหลายแพลตฟอร์ม

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://www.youtube.com/watch?v=l8gjYDU-GsA

5. รองรับงานพร้อมกันด้วย Concurrency 

อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ Go คือการรองรับ Concurrency (ทำงานพร้อมกัน) ผ่านฟีเจอร์ Goroutines ที่เลือกที่จะทำแต่ละงานไปพร้อม ๆ กันแล้วประมวลผลงานที่ทำได้ก่อน ซึ่งทำให้ Goroutines มีน้ำหนักเบากว่า Threads แบบภาษาโปรแกรมอื่น ๆ ใช้ทรัพยากรระบบน้อยกว่าด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถสื่อสารระหว่างกันผ่าน Channels ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการเขียนโค้ด

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://www.linkedin.com/pulse/understanding-golangs-concurrency-prabhat-pankaj

ข้อดี และข้อสังเกตของ ภาษา Go (Pros and Cons of Golang)

ข้อดีของภาษา Go

คอมไพล์ และทำงานเร็ว

ภาษา Go สามารถคอมไพล์โค้ดให้กลายเป็นไฟล์ไบนารีพร้อมใช้งานได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้ เครื่องเสมือน (Virtual Machine - VM) ซึ่งช่วยให้การทำงานรวดเร็ว ลดการใช้ทรัพยากร

รองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Concurrency)

ภาษา Go ใช้ Goroutines ที่ช่วยให้สามารถดำเนินการหลายงานพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ Goroutines มีน้ำหนักเบากว่า Threads จึงไม่เปลืองทรัพยากร

จัดการหน่วยความจำอัตโนมัติ

ภาษา Go มีระบบ Garbage Collection ช่วยจัดการหน่วยความจำให้อัตโนมัติ ทำให้โปรแกรมเมอร์ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดการหน่วยความจำเอง ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้

เครื่องมือ และไลบรารีในตัวที่ครบครัน

Go มาพร้อมกับเครื่องมือ และไลบรารีที่ครอบคลุมการทำงานหลากหลาย เช่น สร้างเว็บ เซิร์ฟเวอร์ (Server) , จัดการข้อมูล JSON หรือเข้ารหัสข้อมูล (Encrypt)

เรียนรู้ และใช้งานได้ง่าย

ภาษา Go มีไวยากรณ์ (Syntax) ที่เรียบง่าย และตรงไปตรงมา ทำให้โปรแกรมเมอร์ทั้งมือใหม่ และมือเก่าสามารถเรียนรู้ และใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://electronicsreference.com/java/java-vs-go/

พกพาได้ง่าย (Portability)

โค้ดที่เขียนด้วย Go สามารถคอมไพล์เพื่อใช้งานบนระบบปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น Windows, macOS และ Linux ได้โดยไม่ต้องปรับแก้โค้ดเพิ่มเติม

มีการจัดการข้อผิดพลาดที่ชัดเจน (Error Handling)

ระบบการจัดการข้อผิดพลาดของ Go ถูกออกแบบมาให้ชัดเจน และเข้าใจง่าย ทำให้โปรแกรมเมอร์สามารถเขียนโค้ดที่อ่านง่าย และแก้ไขข้อผิดพลาดได้สะดวกขึ้น

ข้อสังเกตของภาษา Go

การออกแบบที่เรียบง่ายเกินไป

ภาษา Go ถูกออกแบบมาให้เขียนโค้ดได้ง่าย และตรงไปตรงมา แม้ในเวอร์ชันใหม่จะมี Generics หรือ ฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถเขียนฟังก์ชัน หรือโครงสร้างข้อมูลที่หลากหลาย แต่ก็ยังเน้นความเรียบง่ายของโค้ด จึงอาจไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้โค้ดที่ซับซ้อน หรือนามธรรมมากเกินไป

ไม่มีการรองรับโปรแกรมเชิงวัตถุเต็มรูปแบบ

ภาษา Go ไม่รองรับฟีเจอร์ของโปรแกรมเชิงวัตถุแบบเต็มรูปแบบ เช่น การสืบทอดคลาส (Inheritance) และ Polymorphism (แนวคิดในเชิงโปรแกรมเชิงวัตถุ ออปเจกต์หนึ่งสามารถมีหลายรูปแบบ) ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำคัญในภาษาอย่าง Java หรือ C++

ไม่มี Function Overloading

Go ไม่อนุญาตให้สร้างฟังก์ชันที่มีชื่อเดียวกันแต่รับพารามิเตอร์แตกต่างกัน ซึ่งอาจทำให้การออกแบบโค้ดในบางสถานการณ์ยุ่งยากกว่าภาษาที่รองรับฟีเจอร์นี้

กฎการเขียนโค้ดที่เข้มงวด

Go บังคับให้โค้ดต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เช่น ตัวแปรที่สร้างขึ้นต้องถูกใช้งานจริง หากมีตัวแปรที่ไม่ได้ใช้งาน ระบบจะไม่อนุญาตให้คอมไพล์โค้ดนั่นเอง

ขาดความปลอดภัยขณะรันไทม์ (Runtime Safety)

แม้ Go จะมีความปลอดภัยในระดับหน่วยความจำ แต่ยังไม่มีระบบที่จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการรันโปรแกรมได้ดีเท่าภาษาอื่น

ไม่รองรับฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่าง

ภาษา Go ไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้ฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การเขียนโค้ดเชิงนามธรรม (Abstraction) หรือการใช้ไวยากรณ์ที่ซับซ้อนมากเหมือนในภาษาโปรแกรมอื่น ๆ

ตัวอย่างการใช้งานของ ภาษา Go (Examples of usage of the Golang)

ในปัจจุบันภาษา Go ถูกนำมาใช้ในงานต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะงานที่ต้องการความรวดเร็ว, ยืดหยุ่น และรองรับการทำงานพร้อมกัน และต่อไปนี้จะเป็น 3 ตัวอย่างการใช้งานที่เห็นได้ชัดของ Golang เราลองมาดูกันเลย

1. การพัฒนา Container Service

ภาษา Go มักถูกใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนเนอร์ เช่น Docker และ Kubernetes ซึ่งคอนเทนเนอร์เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยบรรจุซอฟต์แวร์, โค้ด และทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการรันแอปพลิเคชันให้อยู่ในหน่วยเดียวกัน โดยแยกการทำงานออกจากระบบปฏิบัติการหลัก แต่ยังคงใช้ทรัพยากรของเครื่องเดียวกัน ช่วยให้แอปพลิเคชันทำงานได้สม่ำเสมอบนหลากหลายแพลตฟอร์ม

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://www.docker.com/resources/what-container/

และเนื่องจาก Golang มีจุดเด่นในเรื่อง Concurrency และ Portability ที่ช่วยให้สามารถจัดการงานแบบขนานกันได้อย่างดี และทำงานได้บนหลากหลายระบบปฏิบัติการ นั่นจึงเป็นเหตุให้ Docker และ Kubernetes เลือกใช้ภาษา Go ในการจัดการกระบวนการสร้าง และรันคอนเทนเนอร์

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://medium.com/@muhammedarif0100/creating-a-simple-hello-world-web-application-with-docker-and-golang-part-1-5bc238adba58

2. การพัฒนา Web Service

Go มีไลบรารีสำหรับ Hypertext Transfer Protocol (HTTP) อยู่ในตัว ทำให้การพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ หรือ Web Services ทำได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว ตัวอย่างบริษัทใหญ่อย่าง Netflix และ Twitch ก็ใช้ภาษา Go ในการพัฒนาโครงสร้างฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (Server-Side Architecture)

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://www.geeksforgeeks.org/http-full-form/

3. การพัฒนา Microservice

Go ได้รับความนิยมในการพัฒนา สถาปัตยกรรมแบบ Microservice เนื่องจากความเร็วในการเปิดรัน (Startup Time) ต่ำ มีการทำงานที่ไม่ต้องใช้ Virtual Machine (VM) และมีการจัดการหน่วยความจำที่มีประสิทธิภาพ บริษัทอย่าง Uber และ BBC ใช้ Go ในการพัฒนา Microservices เพื่อให้สามารถรองรับการทำงานแบบแยกส่วนในระบบขนาดใหญ่ได้นั่นเอง

Golang หรือ ภาษา Go คืออะไร ? รู้จักภาษาโปรแกรม ยุคใหม่จาก Google
ภาพจาก : https://medium.com/@smstoprateek/golang-microservices-with-graphql-docker-e2faaddfb87

เปรียบเทียบภาษา Go กับภาษาโปรแกรมอื่น ๆ (Comparison of Golang with Other Languages)

Go กับ C++

  • Go มีการจัดการหน่วยความจำอัตโนมัติ และปลอดภัยกว่า C++ ที่ใช้การจัดการหน่วยความจำแบบ Manual
  • Go มีไวยากรณ์ที่เรียบง่าย และทันสมัยกว่า
  • Go รองรับการเขียนโค้ดแบบ Concurrency ด้วย Goroutines และ Channels ซึ่งง่ายกว่า Threads และ Locks ใน C++
  • Go มีไลบรารีมาตรฐานขนาดเล็กกว่า C++

Go กับ Ruby

  • Go มีไวยากรณ์ที่เรียบง่ายกว่า Ruby
  • Go ใช้ระบบ Static Typing ที่ตรวจจับข้อผิดพลาดในขั้นตอนคอมไพล์ ขณะที่ Ruby ใช้การรันด้วย Interpreter ที่ช้ากว่า
  • Go รองรับ Concurrency โดยตรง ส่วน Ruby ต้องพึ่งพา Threads และ Locks
  • ไลบรารีมาตรฐานของ Go มีขนาดเล็กกว่า Ruby

Go กับ Java

  • Go มีไวยากรณ์ที่เข้าใจง่ายกว่า Java
  • Go คอมไพล์ และรันได้เร็วกว่า เพราะไม่ต้องใช้ Virtual Machine (VM)
  • Go มีระบบ Concurrency ในตัว ส่วน Java ต้องใช้ Threads และ Locks
  • ไลบรารีมาตรฐานของ Go เล็กกว่า Java

บทสรุปของภาษา Go (Golang Conclusions)

มาถึงส่วนสุดท้ายกัน ถ้าให้พูดง่าย ๆ ภาษา Go หรือ Golang ก็เป็นภาษาโปรแกรมที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาความซับซ้อน และข้อจำกัดของภาษารุ่นก่อน ๆ เน้นไปที่ความเรียบง่าย, มีประสิทธิภาพสูง และรองรับการทำงานพร้อมกัน (Concurrency) ซึ่งนั่นทำให้เหมาะสำหรับงานขนาดใหญ่ เช่น ระบบเครือข่าย, แอปพลิเคชันบนคลาวด์ เป็นต้น

 Go มีระบบไลบรารีมาตรฐานที่ครอบคลุม, มี Goroutines ที่ช่วยให้โค้ดทำงานได้พร้อม ๆ กันนั้น  และการคอมไพล์โค้ดที่รวดเร็ว ทำให้เป็นอีกตัวเลือกที่กำลังเริ่มนิยมในหมู่โปรแกรมเมอร์ แม้ว่า Go จะมีข้อจำกัดขาดฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่าง และไม่ได้รองรับการโปรแกรมเชิงวัตถุเต็มรูปแบบ แต่ก็ถือว่าเป็นภาษาที่ตอบโจทย์สำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ในยุคปัจจุบันที่ต้องการทั้งความเร็ว และประสิทธิภาพ

ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจาก Google รวมทั้งชุมชนโปรแกรมเมอร์ทั่วโลก ก็ทำให้ Go นั้นเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามควรค่าแก่การศึกษาแน่นอน !


ที่มา : www.techtarget.com , en.wikipedia.org

0 Golang+%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD+%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2+Go+%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3+%3F+%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1+%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81+Google
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
นักเขียน : Editor    นักเขียน
 
 
 

ทิปส์ไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น