ทุกคนรู้หรือไม่ ? ว่าเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตของคนทั่วโลกนั้น ใช้พลังงานมากกว่าประเทศขนาดกลางหลายประเทศซะอีก นอกจากนี้ ขยะอิเล็กทรอนิกส์จากอุปกรณ์ที่เราทิ้งก็ยังสร้างปัญหาใหญ่ให้แก่โลกของเรา
ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุก ๆ ด้านของชีวิต เราต่างใช้พลังงานจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มหาศาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อที่จะให้โลกของเราอยู่ต่อไปได้ยาวนาน จึงได้เกิดแนวคิดทางเทคโนโลยี "การประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Computing)" เพื่อที่จะช่วยรักษาโลกไว้ ในบทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ Green Computing ทั้งความหมาย, วิวัฒนาการ, กลยุทธ์, ความสำคัญ และตัวอย่างวิธีการบรรลุ Green Computing ด้วย
การประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือ Green Computing คือการใช้คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่น ๆ ในรูปแบบที่ประหยัดพลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม องค์กรที่ใช้วิธี Green Computing มักจะนำไปใช้กับอุปกรณ์ที่บริโภคพลังงานไฟฟ้าเยอะ ๆ เช่น หน่วยประมวลผลกลาง (CPU), อุปกรณ์ต่อพ่วง (Peripheral Devices), ระบบไฟฟ้า (Electric Systems) และอุปกรณ์ไอทีอื่น ๆ และยังมุ่งเน้นไปที่การลดการใช้ทรัพยากร และกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี
ภาพจาก : https://www.kiplinger.com/investing/esg/what-is-esg
ในหลายองค์กร Green Computing เป็นส่วนสำคัญของความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การนำแนวทางธุรกิจที่ยั่งยืน และมีจริยธรรมมาใช้ เพื่อวางตำแหน่งของบริษัทให้อยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ผ่านการบริหารจัดการ และกลยุทธ์ต่าง ๆ
ศูนย์ข้อมูล (Data center) เริ่มบริโภคไฟฟ้าอย่างมากในช่วงปลายทศวรรษ ค.ศ. 1960 (พ.ศ. 2503) และต้นทศวรรษ ค.ศ. 1970 (พ.ศ. 2513) ด้วยการถือกำเนิดของระบบประมวลผลขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรม และอุปกรณ์ส่วนต่อพ่วงจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับระบบเหล่านี้ ส่งผลให้ต้องใช้พลังงานสูงขึ้นตาม
ภาพจาก : https://www.linkedin.com/pulse/history-data-centers-from-early-beginnings-digital-rodriguez-antibon-ijodf
ในเวลานั้นการสร้างศูนย์ข้อมูลถือได้ว่าละเลยปัญหาสิ่งแวดล้อม เครื่องพิมพ์มีการพิมพ์ (Print) กระดาษจำนวนมากมายออกมา และส่วนใหญ่ถูกทิ้งลงในถังขยะ น้ำถูกใช้เพื่อระบายความร้อนให้กับเมนเฟรมขนาดใหญ่ ซึ่งเพิ่มปริมาณการใช้น้ำเข้าไปอีก
เมื่ออุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เติบโตขึ้น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ถูกออกแบบให้มีขนาดที่เล็กลง และรวดเร็วขึ้น แต่แนวคิดเรื่องเทคโนโลยี Green Computing ก็ยังไม่เกิดขึ้นจนกระทั่งปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ.2535) เมื่อสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกา (U.S. Environmental Protection Agency (EPA)) เปิดตัวโครงการ Energy Star เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ และผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ
ภาพจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Energy_Star
การซื้ออุปกรณ์ไอทีที่มีฉลาก Energy Star หมายความว่าจะช่วยประหยัดพลังงาน และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมน้อยลง ปัจจุบันโครงการอาสาสมัครนี้ดำเนินการร่วมกันโดย EPA และกระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกา ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางโดยผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ และผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ต่อมา EPA ได้สร้างระบบการให้คะแนนชื่อ Electronic Product Environmental Assessment Tool (EPEAT) เพื่อให้ผู้บริโภค และองค์กรต่าง ๆ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์ของ EPEAT จะได้รับ "ฉลากสิ่งแวดล้อม" ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องหมายรับรองว่าผลิตภัณฑ์นั้นผลิตขึ้นโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
ภาพจาก : https://globalelectronicscouncil.org
และรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลทุกแห่งต้องซื้อผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับฉลาก EPEAT อย่างน้อย 95% เพื่อเป็นตัวอย่างในการส่งเสริมให้ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
การเติบโตของบริการคลาวด์ผลักดันให้ผู้ให้บริการหันมาให้ความสำคัญกับศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน, ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างความยั่งยืนในภาพรวม นอกจากจะช่วยลดต้นทุนในการจัดการอุปกรณ์ และพื้นที่ศูนย์ข้อมูลแล้ว Green cloud ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้ธุรกิจหันมาใช้บริการคลาวด์
เพื่อให้การดำเนินงานด้าน Green Computing เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส องค์กรมาตรฐานสากลอย่าง ISO ได้พัฒนามาตรฐานต่าง ๆ ขึ้นมา เช่น ISO 14000 สำหรับการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 50001 สำหรับการจัดการพลังงาน และ ISO/IEC 33000 สำหรับการประเมินกระบวนการไอที มาตรฐานเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผน และจัดการโครงการคลาวด์สีเขียวได้อย่างเป็นระบบ
ภาพจาก : https://www.techtarget.com/searchdatacenter/tip/Use-ISO-500012018-as-a-guide-for-green-data-centers
นอกจากระบบมาตรฐานแล้ว ยังมีการพัฒนามาตรฐานการวัดประสิทธิภาพสำหรับอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์โดยเฉพาะ เช่น SPECpower ซึ่งช่วยให้สามารถประเมิน และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างแม่นยำ
ปัจจุบันผู้ออกแบบระบบไอทีมักจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล รวมถึงห้องอุปกรณ์เฉพาะทางต่าง ๆ และพื้นที่เก็บข้อมูลที่ใช้พลังงานสูง ตัวอย่างเช่น การแทนที่อุปกรณ์ไอทีใหม่ ๆ ใช้พลังงานต่ำกว่าอุปกรณ์เก่าที่ใช้สิ้นเปลืองพลังงาน และปล่อยความร้อนมากกว่า นอกจากนี้ตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ในลักษณะแยกทางเดินร้อน และเย็น ยังช่วยให้ระบบทำความร้อน, ระบายอากาศ และปรับอากาศ (HVAC) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
กลยุทธ์การประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัทสามารถ รวมถึงการดำเนินการต่าง ๆ ทั้งภายใน และภายนอกศูนย์ข้อมูล มีดังนี้
องค์กรสามารถใช้เซ็นเซอร์ Internet of Things (IoT) และเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์ข้อมูล สร้างแบบจำลองการใช้พลังงาน ทำให้สามารถจัดการระบบทำความร้อน, ระบายอากาศ และพลังงานในศูนย์ข้อมูลได้โดยอัตโนมัติ
ภาพจาก : https://commons.wikimedia.org/w/index.php?search=IoT&title=Special:MediaSearch&go=Go&type=image
เซิร์ฟเวอร์, ซีพียู และอุปกรณ์อื่น ๆ สามารถปิดได้ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน โดยเฉพาะอุปกรณ์ต่อเพิ่ม เช่น เครื่องพิมพ์ ซึ่งควรเปิดเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องใช้เท่านั้น
ภาพจาก : https://standingcloud.com/upgrading-vs-replacing-office-computers-which-is-better/
แล็ปท็อปใช้พลังงานน้อยกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะพอสมควร และอาจพิจารณาจอภาพ (Monitor) ที่กินพลังงานน้อย ให้ประสิทธิภาพที่พอเพียงต่อการใช้งาน
ภาพจาก : https://www.rtings.com/monitor/reviews/best/by-usage/business-office
สามารถตั้งค่าฟีเจอร์เหล่านี้เพื่อปิด ฮาร์ดดิสก์ (HDD) และจอภาพโดยอัตโนมัติหลังจากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลาหลายนาทีเพื่อลดการใช้พลังงานของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
ภาพจาก : https://support.hp.com/lv-en/document/ish_2842993-2359187-16
อุปกรณ์ไอทีรุ่นใหม่ ๆ สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยที่อุณหภูมิสูงกว่ารุ่นเก่า ดังนั้นแล้วศูนย์ข้อมูลก็อาจไม่จำเป็นต้องมีห้องที่ควบคุมความเย็นเท่ากับในอดีต
ภาพจาก : https://www.linkedin.com/pulse/modern-data-center-what-defines-waqar-chaudhry
กำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎระเบียบของรัฐบาลกลาง, รัฐ และท้องถิ่น
สำรวจแหล่งพลังงานทางเลือก เช่น พลังงานลม, แสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำ รวมถึงการทำความเย็นใต้ดิน และวิธีการทำความเย็นศูนย์ข้อมูลแบบใหม่ ๆ
ภาพจาก : https://www.iiga.news/columns/what-are-alternative-energy-sources
การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ได้กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในสถานที่ทำงาน อย่าง การทำงานจากที่บ้าน (Work From Home - WFH) นำไปสู่การลดการใช้พลังงานในองค์กร นอกจากนั้นยังลดจำนวนพนักงานที่อยู่ในสถานที่ขององค์กร ซึ่งลดความต้องการพลังงาน และทรัพยากรอื่น ๆ ที่จำเป็นในการใช้คอมพิวเตอร์ในสถานที่นั้น ๆ
ภาพจาก : https://www.techtarget.com/searchdatacenter/definition/green-computing
Green Computing มีเป้าหมายหลักในการลดการใช้พลังงาน และการปล่อยก๊าซคาร์บอน ของ สินทรัพย์ไอที (IT Assets) ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กร แต่ยังเสริมความได้เปรียบทางการตลาด และช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม : Carbon Credit คืออะไร ? คาร์บอนเครดิตสำคัญอย่างไร ? มีกี่ประเภท ?
การออกแบบศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้ระบบปรับอากาศ (Heating Ventilation and Air Conditioning - HVAC) รวมไปถึง แสงสว่างที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงาน รวมถึงอุปกรณ์ที่มีโหมดพัก หรือสามารถปิดระบบได้ในช่วงเวลาที่ไม่ใช้งาน เป็นส่วนสำคัญของการก่อสร้าง และปรับปรุงอาคารให้ยั่งยืนมากขึ้น
อีกหนึ่งข้อพิจารณาที่สำคัญของการ Green Computing คือความสามารถในการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่สร้างก็าซที่เป็นมลพิษ การลดการปล่อยก๊าซดังกล่าวมีผลดีต่อสภาพอากาศ และคุณภาพน้ำอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อมระยะยาว
ภาพจาก : https://www.techtarget.com/searchdatacenter/definition/green-computing
แม้ว่า Green Computing จะมีประโยชน์มากมาย แต่ไม่ใช่ทุกองค์กรที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างแท้จริง ความท้าทายที่องค์กรอาจต้องเผชิญในการริเริ่ม Green Computing ก็ได้แก่
อาจเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสินทรัพย์เทคโนโลยีที่มีอยู่ด้วยอุปกรณ์ประหยัดพลังงานกว่า เช่น อุปกรณ์ที่มีใบรับรอง Energy Star ซึ่งอาจขยายไปถึงการเปลี่ยนระบบ HVAC พลังงาน และระบบแสงสว่าง รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัย แน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร
องค์กรที่เช่าพื้นที่ในอาคารที่มีศูนย์ข้อมูลสามารถสอบถามเจ้าของอาคารเกี่ยวกับแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เช่น การนำมาตรฐาน Leadership in Energy and Environmental Design (LEED) มาใช้ แต่เจ้าของอาคารเก่ามีแนวโน้มที่จะทำการอัปเกรดดังกล่าวน้อยลง ในขณะที่อาคารใหม่สามารถออกแบบหรือปรับปรุงเพื่อให้ได้มาตรฐาน LEED ได้ง่ายขึ้น
ภาพจาก : https://lightart.com/blog/post/leed
ความท้าทายอีกประการหนึ่งคือการหาผู้เชี่ยวชาญด้านการประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่สามารถช่วยเหลือกระบวนการออกแบบศูนย์ข้อมูล และการอัปเกรดอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ
ภาพจาก : https://blogs.nvidia.com/blog/what-is-green-computing/
Green Computing เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้พลังงาน, การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือการออกแบบศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การนำกลยุทธ์เหล่านี้มาใช้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุน ขององค์กร แต่ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กรด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในยุคที่ความยั่งยืนกลายเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม
แม้ว่าการดำเนินการตามแนวทาง Green Computing อาจเผชิญกับความท้าทาย เช่น ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอุปกรณ์ และขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ แต่ผลประโยชน์ระยะยาวที่ได้รับทั้งในด้านเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมก็ถือว่าคุ้มค่า การลงทุนในเทคโนโลยี และมาตรการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับองค์กร และโลกใบนี้ได้ในที่สุด
|