คุณอาจเคยทราบมาว่า แอลกอฮอล์ (Alcohol) นั้นถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับรถยนต์ได้เหมือนกับน้ำมัน แต่นั่นเป็นความจริงหรือไม่ ? แล้วถ้าเกิดว่าจริง บางคนมีความเชื่อว่าจะสามารถ เติมเหล้า หรือ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ลงไปในถังน้ำมัน และรถจะวิ่งต่อไปได้ในยามฉุกเฉิน "นั่นคือ เรื่องจริง หรือ แค่ความเชื่อผิด ๆ กันแน่ ?" บทความนี้เราจะมาหาคำตอบกัน
โดยทั่วไป แอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในเหล้าสุรา หรือ เบียร์ ต่าง ๆ ที่จริงมันมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า " เอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl Alcohol)" หรือต่อไปนี้ขอเรียกว่า "เอทานอล (Ethanol)" ซึ่งสารประกอบนี้ เกิดขึ้นจากการหมัก หรือการกลั่นด้วยพืชผลทางการเกษตรประเภทแป้ง และน้ำตาล แน่นอนว่าส่วนมากก็จะนำมาบ่มทำสุรา เพื่อให้คุณดื่มปาร์ตี้ และมึนเมากันไป
และสำหรับมนุษย์เราที่ดื่มกิน เอทานอลกันมาหลายร้อยปี เพราะมันไม่มีพิษภัย แต่นอกจากบทบาทนั้นแล้ว แอลกอฮอล์ชนิดนี้ ยังมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ในวงการเครื่องสำอาง, วงการการแพทย์ รวมถึง "เชื้อเพลิงรถยนต์" อีกด้วยเช่นกัน
การนำ เอทานอล มาใช้ในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงรถยนต์ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่คุณสมบัติของเอทานอลจะต้องมีความบริสุทธิ์ถึง 99.5 % โดยหากพูดถึงน้ำมันแก๊ซโซฮอล์ คุณก็จะเข้าใจ เพราะน้ำมันแก๊ซโซฮอล์ ที่เราใช้งานกันก็คือ น้ำมันเบนซินที่ผสมกับเอทานอล เช่น แก๊ซโซฮอล์ 95, 91 (E20) หรือ แก๊ซโซฮอล์ 95, 91 (E85) โดยชื่อ E20 หรือ E85 นั้นหมายหมายถึง น้ำมันที่มีส่วนผสมของ เอทานอล 20 % หรือ 85 % นั่นเอง
การนำ เอทานอล มาใช้เป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซไฮโดรคาร์บอน และก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ทำให้การใช้รถเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกว่าน้ำมันปกติ แถมการผสมเอทานอลยังช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันด้วยคุณสมบัติที่เผาไหม้ได้เช่นเดียวกัน บวกกับประโยชน์ในการเพิ่มค่าออกเทนให้สูงแทนการใช้สาร MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) ทำให้เชื้อเพลิงมีความเสถียร ไม่เผาไหม้รุนแรงเกินไป
ในขณะเดียวกันถ้าหากมีการใช้เอทานอลในปริมาณมาก ผลเสียก็มีเหมือนกัน เพราะคุณสมบัติที่เผาไหม้ช้าทำให้ไม่เหมาะกับการสตาร์ทเครื่องยนต์ขณะมีความเย็น (Cold Start) หรือเวลาคุณไม่ได้ใช้งานรถนาน ๆ แถมแอลกอฮอล์ก็มีฤทธิ์กัดกร่อนโลหะ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ระบบเชื้อเพลิงของรถสึกกร่อนเร็วขึ้น
แต่ปัญหาปัจจุบัน ถูกแก้ไขได้โดยการดัดแปลงเครื่องยนตร์นิดหน่อย คุณอาจรู้จักในชื่อคุณสมบัติ "Flexible Fuel Vehicle" หรือรถที่มีการออกแบบให้รองรับการใช้น้ำมันผสมเอทานอลได้นั่นเอง ซึ่งถ้าหากถามว่าต้องการดัดแปลงให้ใช้ เอทานอล เป็นเชื้อเพลิงได้ 100 % สามารถทำได้ไหม ก็คงต้องตอบว่าได้ (ในวงการรถแข่งสามารถพบเจอได้)
แต่ ปัจจุบันรถยนต์ทั่วไป ยังไม่มีการดัดแปลงให้ใช้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิงได้ 100 % คุณสมบัติ Flexible Fuel Vehicle บนรถบางรุ่นก็รองรับได้สูงสุดแค่ 85 % เท่านั้น เหมือนกับน้ำมันแก๊ซโซฮอล์ 95,91 (E85) ที่มีการผลิตให้ใช้กันอยู่ และเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันแล้ว ต้นทุนการผลิตเอทานอล ณ ปัจจุบัน ยังทำให้น้ำมันแก๊ซโซฮอล์ที่ผสม เอทานอลมากกว่ามีราคาสูงกว่าเสียอีก
เอาเป็นว่า แอลกอฮอล์ ที่ใช้ทำเครื่องดื่มสามารถแปลงไปทำเชื้อเพลิงได้ นั่นอาจเป็นเหตุผลที่กลุ่มผู้ใช้รถยนต์บางท่าน ไม่เฉพาะต่างประเทศ แต่รวมถึงในประเทศไทย มีความเชื่อว่าหากเติมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงไป ก็จะทดแทนการใช้น้ำมัน ให้ยานพาหนะสามารถขับเคลื่อน ได้ในยามฉุกเฉิน
ความจริง ก็ไม่ปฏิเสธ เพียงแต่ คุณอย่าลืมว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเกิดจากการหมักพืชผลผลิตทางการเกษตรที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิด ทำให้ได้ปริมาณแอลกอฮอล์ (เอทานอล) ในปริมาณ หรือสัดส่วนที่ ไม่เท่ากัน และส่วนที่เหลือก็คือน้ำทั้งนั้น
นั่นหมายความว่า มันเป็นแอลกอฮอล์ที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นให้ได้เฉพาะสารเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ออกมาใช้เหมือนในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิง ดังนั้นหากปริมาณแอลกอฮอล์ไม่สูงพอ ก็จะไม่ได้ผลต่อรถยนต์ หรือยานพาหนะของคุณนั่นเอง
กล่าวโดยสรุปคือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกือบทุกชนิดที่กล่าวมา มีปริมาณของแอลกอฮอล์ อยู่ในสัดส่วน ที่ต่ำเกินไป ดังนั้นถ้าหากผสมลงในถังน้ำมันแทบไม่ต่างกับ การเติมของเหลวเหมือนน้ำเปล่าในถัง แน่นอนว่ารถยนต์โมเดิลเดี๋ยวนี้ มีคาบูเรเตอร์และระบคอมพิวเตอร์ที่สามารถแยกน้ำกับน้ำมันได้ แต่หากคุณเติมในปริมาณที่มาก คงไม่เป็นผลดี เช่นตัวอย่างในคลิปต่อไปนี้ ที่มีผู้ทดสอบเติม Whiskey ลงไปในรถ ผลที่ได้ถึงกับต้องเอารถมาลากเลยทีเดียว
ขณะเดียวกันในคลิปวิดีโอต่อไป ได้มีการทดสอบด้วย Moonshine ยี่ห้อหนึ่งที่มีส่วนประกอบของ แอลกอฮอล์ถึง 96 % มาเติมใส่รถยนต์ 3 ประเภท (ที่ไม่ได้ผ่านการดัดแปลง) คือรถแข่งกับระบบหัวฉีดน้ำมันแบบคาร์บูเรเตอร์ รถยนต์ยุค 90s กับระบบฉีดที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EFI) และรถโมเดิร์น
ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่า รถทุกคันที่ทดสอบ สามารถวิ่งได้ด้วยแอลกอฮอล์ที่บริสุทธิ์ 96 % แต่จุดน่าสนใจคือ รถรุ่นเก่าใน ระบบฉีดที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EFI) มีอาการกระตุกเล็กน้อยเท่านั้น
สรุปว่า การใช้เอทานอล หรือแอลกอฮอล์ แทนน้ำมัน ในการเป็นเชื้อเพลิง สามารถ "ทำได้ และเกิดขึ้นจริงไปแล้ว" แต่ต้องเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ และหากเป็นไปตามในคลิปข้างต้น เครื่องยนต์ที่ไม่ได้ดัดแปลงให้เป็น Flexible Fuel ก็สามารถใช้งานได้ แต่อาจเกิดผลเสียตามหลังขึ้นมาด้วยข้อเสียของแอลกอฮอล์ ดังนั้นหากจำเป็นจริง ๆ คุณอาจใช้แอลกอฮอล์ได้ และไม่ควรใช้บ่อย เพราะจะไม่เป็นผลดีต่อเครื่องยนต์แน่นอน
ซึ่งถ้าใครถามว่าอุตสาหกรรมรถของโลกจะสามารถเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแอลกอฮอล์ (เอทานอล) ได้ไหม ก็ไม่น่าเป็นไปได้ ต้องกระทบกับแหล่งอาหารโลกแน่นอน เอามาทำเหล้าอย่างเดียวก็พอแล้ว แถมตอนนี้เรามียานยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทนอย่างรถยนต์ไฟฟ้า แอลกอฮอล์ก็คงไม่จำเป็นอีกต่อไป
|
งานเขียนคืออาหาร ปลายปากกา ก็คือปลายตะหลิว |