ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง หนัง ภาพยนตร์ Reboot ว่ามันคืออะไร ? หลังจากที่เคยได้พูดถึง หนัง ภาพยนตร์ Remastered คืออะไร ? และ หนัง ภาพยนตร์ Remake คืออะไร ? ไปแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวมามันคือการ "ทำใหม่" แต่เป็นการทำใหม่ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
หนัง Reboot จริง ๆ แล้วมันก็คือการ "ทำใหม่" หรือ "สร้างใหม่" นั่นเอง ซึ่งมักจะใช้กับ หนัง ภาพยนตร์ที่มากกว่า 1 เรื่อง หรือจะเป็น หนังที่มีภาคต่อ เป็นการบอกเล่าเรื่องราวใหม่โดยที่หยุดเล่าเรื่องราวต่อจากเดิม มาบอกเล่าใหม่ ในรูปแบบใหม่ เปลี่ยนนักแสดงนำใหม่ วิธีการนำเสนอ วิธีการเล่า การดำเนินเรื่องใหม่ ทำให้เกิดเส้นเรื่องใหม่ ไม่ได้มีความต่อเนื่องและไม่มีการเชื่อมโยงกับหนังที่เป็นต้นฉบับหรือภาคต่อของหนังเรื่องนั้น ๆ แต่จะยังคงไว้ซึ่งตัวละครนำเหมือนเดิม หรือในอีกนัยหนึ่งจะกล่าวว่ามันคือการ "ล้างจักรวาล" หนังเรื่องนั้น ๆ เพื่อนำมาบอกเล่าใหม่ในแบบฉบับของผู้สร้างนั่นแหละ
โดยจุดประสงค์ในการ Reboot มีมากมายหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมือผู้สร้าง ทางค่ายของผู้ถือลิขสิทธิ์เรื่องนั้น ๆ, เนื้อเรื่องมีหลายภาคเกินไปจนเริ่มออกทะเล เลอะเทอะ เละเทะ ผิดจากความตั้งใจของต้นฉบับ, หนังตกยุคไปแล้ว ต้องการทำใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น หรืออาจจะเป็นความตั้งใจของตัวหนังเองที่อยากล้างจักรวาลใหม่
หนัง ภาพยนตร์ Reboot ที่เห็นกันได้ชัด ๆ และเห็นกันบ่อย ๆ คือพวกหนังฮีโร่ ยกตัวอย่างกรณีแฟรนไชส์ Spider-Man ที่จริง ๆ ก็ถูกทำเป็นหนังครั้งแรกฉายทางทีวีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520) ตามมาด้วย Spider-Man Strikes Back ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) และ Spider-Man: The Dragon's Challenge ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524)
Spider-Man ในปีค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520)
ที่มาภาพ : imdb.com
จนกระทั่งมาถึงเวอร์ชันที่เราคุ้นเคยกันใน Spider-Man ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) ผลงานการกำกับของ แซม ไรมี (Sam Raimi) นำแสดงโดย โทบี้ แม็คไกวร์ (Tobey Maguire) ในบท Peter Parker/Spider-Man ถ้านับจากต้นฉบับที่กล่าวมา คงเรียกได้ว่านี่คือการ Reboot ใหม่ ที่ตัวหนังประสบความสำเร็จตั้งแต่ภาคแรก ปลุกความเป็น Superheroes era ทำรายได้ทั่วโลกไป 825 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท จนคลอดออกมาอีก 2 ภาคกับ Spider-Man 2 ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) และ Spider-Man 3 ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) กลายเป็นไตรภาค Spider-Man ที่ผู้คนจดจำไปทั่วโลก รายได้รวมกัน 3 ภาคกว่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจริง ๆ ตัวหนังก็มีแผนจะสร้างไปถึง ภาค 6 แต่ด้วยปัญหาความขัดแย้งของ Raimi กับ Sony ภาคต่อก็ถูกยกเลิกสร้างไปโดยปริยาย
Spider-Man เวอร์ชัน Tobey Maguire
ที่มาภาพ : imdb.com
หลังจากนั้นไม่นาน เพียง 5 ปี ก็เกิดการ Reboot ขึ้น ในฉบับ The Amazing Spider-Man ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) ผลงานการกำกับของ Marc Webb ซึ่งคนที่มารับบท Peter Parker ฉบับนี้ก็คือ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ (Andrew Garfield) ซึ่งตัวหนังมีแผนจะสร้างถึง 4 ภาค แต่ก็ทำมาได้แค่ภาค 2 เท่านั้น กับ The Amazing Spider-Man 2 ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) เนื่องจากไม่ประสบความสำเร็จในแง่คำวิจารณ์เหมือนอย่างไตรภาคของ Sam Raimi แต่สาเหตุการ Reboot ในครั้งนี้ต้องบอกว่าเหมือนสภาวะ "จำยอม" ที่ทาง Sony ต้องทำ ไม่งั้นจะเสียลิขสิทธิ์ในการถือครองตัวละครนี้
Spider-Man เวอร์ชัน Andrew Garfield
ที่มาภาพ : imdb.com
เพราะแต่แรกเดิมทีต้องย้อนไป ตั้งแต่ Marvel ยังไม่ปังเหมือนทุกวันนี้ ตัวค่ายมีปัญหาบริษัทเกือบจะล้มละลาย ไม่มีทุนสร้างหนังอะไรเท่าไหร่ จึงจำเป็นต้องขายพวกลิขสิทธิ์ตัวละครในการสร้างหนังให้กับหลาย ๆ ค่าย (เฉพาะลิขสิทธิ์ในการสร้างหนังเท่านั้น พวกซีรีส์ การ์ตูน ของเล่นหรือสินค้าต่าง ๆ ยังเป็นของ Marvel) ไม่ว่าจะเป็น X-Men ไปอยู่กับ Fox และกรณีนี้คือ Spider-Man ถูกซื้อไปโดย Sony ในช่วงปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) โดยสัญญาระบุไว้ว่าถ้า Sony ไม่ทำหนังที่เกี่ยวข้องกับตัวละคร Spider-Man เป็นเวลา 5 ปี ลิขสิทธิ์ก็จะตกกลับไปอยู่ในมือของ Marvel เช่นเดิม แต่ระหว่างนี้ Marvel ก็ยังได้ส่วนแบ่งรายปีในตัวละครนี้ด้วยนะ
ในระหว่างที่ Sony ทำหนัง The Amazing Spider-Man ไม่ประสบความสำเร็จ ตรงข้ามกับทาง Marvel ที่สร้างจักรวาล MCU ได้ปังสุด ๆ เรียกว่าครองยุคหนังฮีโร่เลยก็ว่าได้ แต่สิ่งสำคัญคือแฟน ๆ เริ่มเรียกร้องการมาปรากฏตัวของ Spider-Man แต่ Marvel ก็รู้ตัวดีว่าทำไม่ได้ เพราะลิขสิทธิ์ยังเป็นทาง Sony ถือครอง
แต่สืบเนื่องมาจาก The Amazing Spider-Man ที่แป้กนั่นแหละ เพราะทาง Sony ก็ได้มาตกลงปลงใจกับ Marvel ถือลิขสิทธิ์ร่วมในช่วงปีค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) โดยรายได้ ลิขสิทธิ์ และสิทธิ์ในการสร้างสรรค์หนัง Spider-Man ยังเป็นของ Sony อยู่ แต่ที่ทาง Marvel ยอมช่วย เพราะว่าจะได้สิทธิในการนำตัวละคร Spider-Man มาปรากฏตัวในจักรวาล MCU ขึ้น และจากดีลนี้ ก็ทำให้เกิดการ Reboot อีกครั้งเป็น Spider-Man : Homecoming ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) ผลงานการกำกับของ Jon Watts นำแสดงโดย ทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) ในบท Peter Parker
Spider-Man เวอร์ชัน Tom Holland
ที่มาภาพ : imdb.com
กลายเป็น Spider-Man ขวัญใจคนใหม่ ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม จนเกิดเป็น Spider-Man : Far from Home ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) และ Spider-Man : No Way Home ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) โดยในภาคนี้มีการรวมจักรวาลเพื่อเอาใจแฟน ๆ กับการปรากฏตัวของ Tobey Maguire และ Andrew Garfield นับเป็นเหมือนสิ่งที่แฟน ๆ ใฝ่ฝัน และอยากเห็นมาโดยตลอด
ซึ่งการปรากฏตัวในครั้งนี้ของ Andrew Garfield ทำให้แฟน ๆ เรียกร้องให้ทาง Sony ทำ The Amazing Spider-Man 3 ออกมาเลยทีเดียว และแน่นอนว่าตัวละคร Spider-Man ฉบับ Tom Holland ก็ได้โลดแล่นในจักรวาล MCU สมใจ Marvel ปรากฏตัวครั้งแรกใน Captain America : Civil War ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559), Avengers : Infinity War ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561), Avengers : Endgame ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) นับว่าเป็นการ Reboot ที่ Win-Win ทั้ง Sony และ Marvel แบบสุด ๆ ส่วนในอนาคตจะเป็นอย่างไรกันต่อ ก็คงต้องติดตามกันต่อไป
อย่างที่ได้บอกไปว่าหนัง ภาพยนตร์ Reboot ที่เราเห็นกันบ่อยมักจะเกิดกับหนังฮีโร่เสียส่วนใหญ่ นอกจาก Spider-Man แล้ว ย้ายค่ายมาทางฝั่ง DC กันมั่ง ก็จะมี Batman ที่ถูก Reboot ใหม่ไปไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งจริง ๆ ตัวละครนี้ถูกทำเป็นซีรีส์ตอน ๆ มาก่อนใน Batman ค.ศ. 1943 (พ.ศ. 2486) แสดงนำโดย Lewis Wilson และ Batman and Robin ค.ศ. 1949 (พ.ศ. 2492) แสดงนำโดย Robert Lowery และก็คลอดออกมาเป็นหนังครั้งแรกกับ Batman : The Movie ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) แสดงนำโดย Adam West
Batman เวอร์ชัน Adam West
ที่มาภาพ : imdb.com
และมันก็ได้ถูก Reboot ใหม่จนหลายคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันในเวอร์ชัน Batman ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) และ Batman Returns ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) ที่แสดงนำโดย ไมเคิล คีตัน (Michael Keaton) ในบท Bruce Wayne/Batman ที่กำกับโดย ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton)
Batman เวอร์ชัน Michael Keaton
ที่มาภาพ : imdb.com
และอีกเวอร์ชันนึงของผู้กำกับ Joel Schumancher อย่าง Batman Forever ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) และ Batman & Robin ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ที่แสดงนำโดย วัล คิลเมอร์ (Val Kilmer) และ จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) ในบท Bruce Wayne/Batman เอาจริง ๆ ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนนักแสดงนำใน 2 ภาคหลัง แต่ตัวละคร Alfred และ Robin ก็เป็นนักแสดงคนเดียวกัน จะกล่าวว่าทั้ง 4 ภาคเป็นจักรวาลเดียวกันก็คงไม่ผิด
Batman เวอร์ชัน Val Kilmer และ George Clooney
ที่มาภาพ : imdb.com
ทิ้งช่วงไป 8 ปีเลยทีเดียว กว่าที่ตัวละคร Batman จะถูกนำมา Reboot ใหม่ และในคราวนี้ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่คือผู้กำกับมือพระกาฬอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) พร้อมด้วยนักแสดงนำอย่าง คริสเตียน เบล (Christian Bale) กำเนิดเป็นไตรภาค The Dark Knight ที่เริ่มด้วย Batman Begins ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วย The Dark Knight ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) ภาคที่ใครต่อใครยกให้เป็น The Best of Batman Movies ด้วยการแสดงอันทรงพลังของ ฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) ผู้ล่วงลับ และภาคปิดไตรภาคอย่าง The Dark Knight Rises ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
Batman เวอร์ชัน Christian Bale
ที่มาภาพ : imdb.com
นับว่าเป็นการ Reboot ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตัวละคร Batman ซึ่งทั้ง 3 ภาคได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกมากมาย และทำรายได้ทั้งไตรภาคไป 2,460 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 89,740 ล้านบาท)
และในคราวนี้ตัวละคร Batman ก็ได้ถูก Reboot ใหม่อีก แต่ไม่ได้มาในรูปแบบหนังเดี่ยว เพราะมันมาปรากฏตัวในหนัง Batman v Superman: Dawn of Justice ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) ผลงานการกำกับของ Zack Snyder นำแสดงโดย เบน แอฟเฟล็ค (Ben Affleck) ที่ในเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากคอมิกส์ The Dark Knight Returns ของ Frank Miller นำเสนอเป็นภาคต่อจาก Man of Steel ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)
Batman เวอร์ชัน Ben Affleck
ที่มาภาพ : imdb.com
และ Batfleck ก็ยังดำเนินต่อไปกับการมาปรากฏตัวใน Justice League ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์การแสดงของเขาในบทบาทนี้เป็นไปในแง่ลบ จนในเรื่องนี้ (เหมือนจะ) กลายเป็นบทบาทสุดท้ายในฐานะ Bruce Wayne/Batman ของเขา
แต่หลังจากนั้นก็มีข่าวคราวออกมาเยอะแยะมากมายถึงการมารับบท Bruce Wayne/Batman เป็นครั้งที่ 3 ที่เจ้าตัวจะมากำกับเอง ร่วมเขียนบท อำนวยการสร้างและแสดงเองด้วย แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ถอนตัวในฐานะผู้กำกับและเขียนบท จนถอนตัวไม่ขอเกี่ยวข้องกับโปรเจคนี้อีกเลย
ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็จะมาปรากฏตัวในบทบาทนี้อีกใน The Flash ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566) และ Aquaman and the Lost Kingdom ค.ศ. 2023 (พ.ศ. 2566)
จริง ๆ จุดเริ่มต้นในโปรเจคนี้ก็คือตัว Ben Affleck นั่นแหละ ที่เจ้าตัวจะมารับหน้าที่กำกับ, อำนวยการสร้าง, ร่วมเขียนบท และแสดงนำเอง ซึ่งมันจะเกี่ยวข้องกับจักรวาล DCEU ด้วย แต่ภายหลังก็ถอนตัวจากทุกบทบาท จนได้ Matt Reeves มานั่งกุมบังเหียนแทน และเปลี่ยนเรื่องราวใหม่ทั้งหมด และจะไม่เกี่ยวข้องกับจักรวาล DCEU จนเกิดมาเป็น The Batman ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) นำแสดงโดย Robert Pattinson ในบทบาท Bruce Wayne/Batman
Batman เวอร์ชัน Robert Pattinson
ที่มาภาพ : imdb.com
ซึ่งเรื่องราวใน The Batman จะแตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง จะมีความเป็นหนังสืบสวนสอบสวน ไม่ได้เน้นแอ็คชัน และตัวหนังก็ประสบความสำเร็จอย่างมากมายทั้งด้านคำวิจารณ์และรายได้ โดยกวาดรายได้ทั่วโลกไปประมาณ 770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 28,229 ล้านบาท) จนมีการประกาศสร้างภาคต่อจะกลายเป็นไตรภาค Reboot ใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ DCEU ทั้ง Robert Pattinson และ Matt Reeves ก็จะกลับมารับหน้าที่เดิม แถมความสำเร็จนี้ยังส่งให้มีซีรีส์ภาคแยกออกมาอีกกับเรื่องราวของ The Penguin และซีรีส์เกี่ยวกับ Arkham ที่จะมาในโทนสยองขวัญอีกด้วย
หากพูดถึงหนัง ภาพยนตร์ Reboot แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดถึงหนัง Reboot ยอดแย่ตลอดกาลอย่างเรื่องนี้ Fantastic Four ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ที่โดนจวกยับ ได้คะแนน 4.3/10 จากเว็บ IMDb และได้คะแนนเพียง 9% จากนักวิจารณ์บนเว็บ Rotten Tomatoes และทำรายได้รวมทั่วโลกเพียง 167 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,120 ล้านบาท) จากทุนสร้าง 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,398 ล้านบาท) แถมยังคว้าแทบจะทุกรางวัลยอดแย่ของหลายเวที
Fantastic Four ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558)
ที่มาภาพ : imdb.com
หรืออย่าง The Mummy ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) ที่แสดงนำโดย Tom Cruise ซึ่งตัวหนังก็ Reboot มาจากไตรภาค The Mummy โดยมีแผนแต่แรกเดิมทีว่าการ Reboot ครั้งนี้ทำขึ้นเพื่อจะให้ตัวหนังเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล Dark Universe เป็นเรื่องเปิดจักรวาลการรวมตัวของเหล่ามอนสเตอร์ ถึงกับมีการโปรโมทกันมากมายถึงดารานำในจักรวาลนี้ ทั้ง Johnny Depp เอย Russell Crowe เอย
แต่ท้ายที่สุดจักรวาลนี้ก็พังทลายไปจนไม่รู้ว่าจะได้ขุดมาเกิดอีกมั้ย เพราะกระแสตอบรับจากหนังเปิดจักรวาลอย่าง The Mummy ก็ไปในทางแย่สุด ๆ นักวิจารณ์จวกกันยับ ตัวหนังก็เข้าชิงรางวัลยอดแย่มากมาย ตัว Tom Cruise เองก็ได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดแย่จากเวที Golden Rashpberry Awards รายได้ก็ถือว่ายังไม่เข้าเป้า เพราะทำรายได้ไป 409 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15,007 ล้านบาท)
Tom Cruise จากหนัง ภาพยนตร์ The Mummy ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560)
ที่มาภาพ : imdb.com
แต่ก็ไม่ได้มีเพียงแต่หนังฮีโร่เท่านั้น ที่ถูกหยิบยกมา Reboot หนังสยองขวัญแนวเชือด (Slasher) ชื่อดังอย่าง Halloween ก็ได้ถูก Reboot ใหม่ไปไม่น้อยเช่นกัน เกิดเป็น 3 ไทม์ไลน์ จากต้นฉบับ Halloween ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) ที่มีภาคต่อไปจนถึง 6 ภาค มันก็ได้ถูก Reboot ใหม่ ล้างภาค 3-6 ทิ้งไป และเล่าเรื่องราวใหม่ต่อจากภาค 2 ของต้นฉบับเป็นภาค Halloween H20 : 20 Years Later ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ต่อด้วย Halloween : Resurrection ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) ซึ่งมันก็ได้ถูก Reboot ใหม่ถูกทำออกมา 2 ภาค Halloween ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) กับ Halloween II ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) และล่าสุดก็ถูก Reboot ใหม่อีกครั้ง โดยเป็นการบอกเล่าเรื่องราวต่อจากภาคแรกต้นฉบับอย่าง Halloween ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) ที่ถูกวางแผนเอาไว้เป็นไตรภาค ต่อด้วย Halloween Kills ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564) และปิดไตรภาคด้วย Halloween Ends ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) ที่ Reboot หลายรอบเพราะต้นฉบับเรื่องราวมันก็ไปไกลเหลือเกิน
Michael Myers จากหนัง ภาพยนตร์ Halloween ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561)
ที่มาภาพ : imdb.com
การ Reboot แบบเปลี่ยนเพศก็มีเช่นกัน อย่าง Ghostbusters ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) ที่ Reboot จากแฟรนไชส์ต้นฉบับ เปลี่ยนตัวละครหลักเป็นผู้หญิงทั้งหมด หรืออย่าง Ocean's Eight ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) ที่ Reboot มาจากแฟรนไชส์ปล้น Ocean's ซึ่งการ Reboot ในรูปแบบนี้ก็เป็นการสร้างความแตกตาก ให้อารมณ์ที่แปลกใหม่ แต่ก็ยังคงสนุกไม่แพ้แฟรนไชส์ต้นฉบับ แต่ทั้งสองเรื่องก็ไม่ได้มีภาคต่อออกมาแต่อย่างใด
ภาพจากหนัง ภาพยนตร์ Ghostbusters ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559)
ที่มาภาพ : imdb.com
ภาพจากหนัง ภาพยนตร์ Ocean's Eight ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561)
ที่มาภาพ : imdb.com
Tomb Raider ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561) ก็เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่ Reboot ออกมาได้น่าสนใจ กับการแสดงนำของ Alicia Vikander ในบท Lara Croft ที่หลายคนคุ้นเคยจากต้นฉบับที่แสดงโดย Angelina Jolie แต่ก็น่าเสียดายที่ในฉบับ Reboot ถูกยกเลิกการสร้างภาคต่อออกไป
ภาพจากหนัง ภาพยนตร์ Tomb Raider ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561)
ที่มาภาพ : imdb.com
จากการที่ยกตัวอย่างมา คงพอจะเห็นภาพและนึกออกแล้วว่าหนัง ภาพยนตร์ Reboot มันเป็นอย่างไร แต่หลายคนก็คงจะเห็นหรือสงสัยและสับสนกับหนัง ภาพยนตร์ Remake อยู่ ทั้งสองแบบก็คือการหยิบมาทำใหม่ แต่มันก็มีบางจุดที่ทำให้เราแยกออกได้
เริ่มจากความแตกต่างในการหยิบมาทำใหม่เลย โดยหนัง Reboot มักจะทำกับหนังที่มีหลายภาค เป็นการหยุดเล่าเรื่องราวต่อเนื่องจากต้นฉบับ และไปเลือกเล่าเรื่องราวใหม่โดยที่ไม่ได้ต่อจากต้นฉบับ ทำให้เกิดเส้นเรื่องใหม่ขึ้นมา โดยยังมีตัวละครนำหลักเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวไปในทิศทางใหม่ อย่างที่ได้ยกตัวอย่างไปเช่น Spider-Man ที่ Reboot ออกมาสองครั้งจากนักแสดงนำเป็น Tobey Maguire มาเป็น Andrew Garfield และ Tom Holland ที่แต่ละเวอร์ชันก็จะมีทิศทางการเล่าเรื่องเป็นของตัวเอง วายร้ายแตกต่างกันออกไป แต่ตัวละครหลักก็ยังคงเป็น Spider-Man เช่นเดิม
Spider-Man จาก 3 จักรวาล (Tom Holland, Andrew Garfield, Tobey Maguire)
ที่มาภาพ : imdb.com
แต่หนัง Remake ใช้กับหนังที่เป็นภาคเดียวหรือเป็นหนังเดี่ยวมากกว่า เป็นการเล่าเรื่องราวนั้น ๆ ใหม่ อาจจะเหมือนเดิมหรือใกล้เคียงมากที่สุด ยึดโครงเรื่องเดิม ตัวละครเดิมเพื่อนำไปบอกเล่าใหม่ เปลี่ยนนักแสดงและองค์ประกอบในเรื่องให้ทันสมัย เข้ากับยุคนั้น ๆ และในภาพรวมยังคงนึกถึงต้นฉบับได้ ไม่ได้ฉีกหรือเปลี่ยนทิศทางในการเล่าเรื่องไปจากต้นฉบับมากเท่าไหร่ เช่น The Thing ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) ที่ Remake มาจากหนังชื่อเดียวกันในปีค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525)
ภาพจากหนัง ภาพยนตร์ The Thing ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554)
ที่มาภาพ : imdb.com
ภาพจากหนัง ภาพยนตร์ The Thing ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525)
ที่มาภาพ : imdb.com
หนัง ภาพยนตร์ Reboot ต่างกับหนัง ภาพยนตร์ Remastered อย่างเห็นได้ชัดเจน อย่างที่ได้กล่าวไปว่าการ Reboot คือการหยุดเล่าเรื่องราวต่อจากเดิมและเริ่มเล่าเรื่องใหม่ เรียกว่าสร้างใหม่ เขียนบทกันใหม่ ถ่ายทำกันใหม่ นักแสดงก็แสดงกันใหม่เลย
ส่วนทางด้าน Remastered คือการหยิบหนังเรื่องนั้น ๆ มาทำใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาหรือเรื่องราวในตัวหนังเลย ไม่ใช่การถ่ายทำหรือเริ่มต้นกันใหม่ แต่เป็นการใช้กรรมวิธีต่าง ๆ ใด ๆ ปรับปรุงคุณภาพของภาพและเสียงให้ดีขึ้น เช่นการปรับภาพเป็น ความละเอียด 4K, ใช้ CGI เพิ่มเติมในบางจุด, ถ่ายใหม่ในบางฉาก เช่น E.T. the Extra-Terrestrail ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) ที่ได้ Remastered ใหม่ในเวอร์ชัน DVD ครบรอบ 20 ปี ในปีค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545)
เปรียบเทียบระหว่าง E.T. the Extra-Terrestrial เวอร์ชันต้นฉบับกับเวอร์ชันพิเศษ
หนัง Reboot ถ้าหาใน Google มันเขียนแปลไทยไว้อย่างเข้าใจง่าย ๆ ว่า "ภาพยนตร์การเริ่มต้นใหม่" เป็นการล้างจักรวาล มันก็คือการ "ทำใหม่" หรือ "สร้างใหม่" ที่ส่วนมากจะทำกับหนังที่มีภาคต่อ มันจะบอกเล่าเรื่องราวใหม่โดยที่หยุดเล่าเรื่องราวต่อจากเดิม โดยวิธีการนำเสนอ การเล่า การดำเนินเรื่อง นักแสดงก็จะเปลี่ยนไป แต่ยังคงยึดตัวละครนำหลักเอาไว้
จะเห็นได้ว่าหนัง ภาพยนตร์ Reboot จะมีเหตุผลหลากหลายประการที่ตัวหนังนั้น ๆ จะถูกหยิบยกมา Reboot ใหม่ อาจด้วยความที่ตัวหนังมันมีหลายภาคเกิน เล่าเรื่องไปไกลแล้ว อย่างแฟรนไชส์ Halloween, หรืออยากสร้างจักรวาลใหม่อย่าง The Mummy, หรืออยากเล่าใหม่ในทิศทางของตัวเองอย่าง The Batman, หรือจะด้วยปัญหาด้านลิขสิทธิ์อย่าง Spider-Man ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการก้าวผ่านยุคและเป็นเจตนาดีของผู้สร้างที่อยากให้ผู้ชมอย่างเราได้เห็นตัวละครที่เรารักในทิศทางใหม่ ๆ ถึงแม้อาจจะไม่ได้ถูกใจทุกเรื่องก็ตาม
|
สบายสบายให้มันสมายเวลาสบายแล้วจะได้สบายสมาย... :) |